“เฮอะ! กระจอกจริง ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะเย้ยให้กับการพุ่งเข้ามาอย่างโง่เขลาของหลิ่วอวี้จิง
มดแมลงตัวนี้คิดว่าเทียบกับข้าได้?
“ปัง!!”
อวี้ฮ่าวหรานชกหมัดสวนออกไปปะทะเข้ากับหมัดของหลิ่วอวี้จิง ส่งให้อีกฝ่ายตัวลอยกระเด็นไกลออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด
มันไม่ใช่บ่อย ๆ ที่เขาจะได้เจอคนที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกหัวหน้าสาขาของแก๊งต่าง ๆ ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ได้ใช้พลังวิญญาณผสานกับหมัดตัวเอง แต่ใช้เพียงแค่พลังกายเพียงอย่างเดียวในการสู้กับฝั่งตรงข้ามเพื่อลับฝีมือของตัวเองด้วย
หลิ่วอวี้จิงไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนส่งเขาตัวลอยกระเด็นมาได้ขนาดนี้ เขาทั้งตกตะลึงและเจ็บปวดที่หมัดของตัวเองเจ็บแทบอยากจะกรีดร้องแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ เพราะมันจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก ถ้าแค่การปะทะครั้งแรกแล้วเขาร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“น…นี่แกอยู่ในระดับก่อรากฐานแล้วงั้นเหรอ??”
หลังจากตั้งหลักได้แล้ว หลิ่วอวี้จิงเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก หากอีกฝ่ายอยู่ในระดับก่อรากฐาน คงไม่มีหวังที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้!
“หึหึ ระดับพลังของฉัน มดอย่างแกวัดไม่ได้หรอก”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงดูถูกก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหลิ่วอวี้จิง อย่างฉับพลัน…
ในขณะเดียวกัน หลิ่วอวี้จิงได้สำรวจความเสียหายของร่างกายตัวเองเสร็จแล้วก็ต้องประหลาดใจว่าการปะทะเมื่อครู่ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ดังนั้นจึงเข้าใจไปว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่น่าจะมีระดับเหนือกว่าตัวเอง
เมื่อกี้ตัวเขาน่าจะแค่ประมาทมากไปหน่อยเลยถูกแรงปะทะกระแทกกระเด็นออกมาไกล…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮึ่ม! ฉันไม่เชื่อว่าแกจะแข็งแกร่งมากกว่าฉัน!”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ปะทะกันอีกหน
“โครม!!”
คราวนี้หลังจากที่ปะทะ ร่างของหลิ่วอวี้จิงกระเด็นถอยไปไกลจนชนเข้ากับฝูงชนที่ดูอยู่ด้านข้าง!
สิ่งนี้ทำให้บรรดาสมาชิกแก๊งวาฬยักษ์มองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาตื่นตระหนก
หรือว่าหัวหน้าของพวกเขาจะอ่อนแอกว่าอวี้ฮ่าวหรานจริง ๆ? ปะทะกันสองรอบแล้วผลลัพธ์มันก็ยังเหมือนเดิมเลย…
“แค่ก ๆ ถอยออกไปให้พ้นตัวฉัน!”
หลิ่วอวี้จิงโบกมือไล่คนของตัวเองที่พยายามเข้ามาช่วยพยุงตัวของเขา พร้อมกับยังมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะยังได้เปรียบเขาอยู่อีก!
อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์ต่อมามันก็ยิ่งทำให้พวกแก๊งวาฬยักษ์ตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิมเพราะการปะทะกันรอบที่สาม หัวหน้าของพวกเขาก็กระเด็นกลับมาอีก!
“นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้ยังไง? หัวหน้าแก๊งสู้ไอ้หนุ่มนั่นไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกัน!”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! คนอายุแค่นั้นจะสู้กับหัวหน้าเราได้ยังไง?”
“…”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาทั้งหมดมองการเคลื่อนไหวของอวี้ฮ่าวหรานไม่ทันเลย พวกเขาแค่เห็นภาพเบลอ ๆ ของร่างอวี้ฮ่าวหรานแวบไปแวบมา และหลังจากนั้น หลิ่วอวี้จิงก็กระเด็นไปทางโน้นทีทางนี้ทีราวกับลูกบอล
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน ชายหนุ่มไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย เพราะความเร็วจากร่างเทวะของเขาแค่อย่างเดียวมันก็เร็วจนคนธรรมดามองตามกันไม่ทันแล้ว
ขณะนี้ หลิ่วอวี้จิงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย ทำได้แต่เอาแขนป้องกันจุดสำคัญของร่างกายตัวเองเพราะเขาตามความเร็วของอวี้ฮ่าวหราน ไม่ทัน เขาโดนอัดอยู่เรื่อย ๆ ราวกับเป็นกระสอบทรายซึ่งมันเป็นภาพที่ดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ยิ่งนานไป หลิ่วอวี้จิงก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาก็ยิ่งอึ้งทึ่งและหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหราน
ไอ้เด็กนี่มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
มันดูไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับก่อรากฐานเพราะการโจมตีมันไม่ได้มีพลังวิญญาณแฝงอยู่เลย แต่มันเร็วกว่าฉันคนนี้มากกว่าสองเท่าได้ยังไง?
ในทางกลับกัน ขณะที่หลิ่วอวี้จิงรู้สึกสิ้นหวัง อวี้ฮ่าวหรานกลับรู้สึกเบิกบานเป็นอย่างมาก มันมีโอกาสน้อยมากที่เขาจะได้เจอคนที่เขาสามารถอัดได้อย่างสบายใจและได้ลองพละกำลังของร่างเทวะเขาได้แบบนี้
“ฮ่าฮ่า! เอาไปอีก!”
หลังจากหัวเราะ อวี้ฮ่าวหรานก็ชกไปอีกครั้งที่ลำตัวของหลิ่วอวี้จิง จนร่างของอีกฝ่ายลอยกระเด็นไปไกลถึงสิบเมตร!
“พ…พอแล้ว ฉันยอมแพ้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]