“เฮ้อ…มันเป็นฉันเอง…มันเป็นเพราะฉันเองที่โลภเกินไป…”
หลี่อิงไห่ถอนหายใจยาว รอยยิ้มที่ขมขื่นชัดเจนปรากฏบนใบหน้าของเขา
“ไปกันเถอะ ออกไปรอพบกับคนของเครือฮ่าวหรานกันเถอะ”
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
ในเวลานี้ ทุกอย่างไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เขาจึงไม่มีสิ่งใดพอที่จะไปแข็งขืนได้อีก
เมื่อระลึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำมา อวี้ฮ่าวหรานจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังพอจะมีหวังอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะไม่ว่ายังไง อวี้ฮ่าวหรานก็เป็นลูกเขยของหลี่ชงซาน หากอวี้ฮ่าวหรานยังมีใจพอจะไว้หน้าตระกูลหลี่อยู่บ้าง อย่างน้อยก็อาจจะยังคงได้อยู่ในบริษัทต่อไปในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแทน
ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงค่อย ๆ เดินออกจากออฟฟิศ ซึ่งเลขาสาวก็นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตามเขามาอย่างรวดเร็วโดยถือแฟ้มไว้ในมือ
ในเวลานี้ ทุกคนในบริษัทอิงเหมาทราบข่าวการเปลี่ยนแปลงการเป็นเจ้าของของบริษัทเรียบร้อย และรู้ด้วยว่าเจ้าของใหม่จะเข้ามารับช่วงต่อเร็ว ๆ นี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนจึงหมดแรงใจที่จะทำงาน และต่างก็กำลังคิดและปรึกษาหารือกันถึงทางออกสำหรับอนาคตของตัวเอง…
“ฉันคิดว่าเจ้านายคนใหม่น่าจะต้องการให้บริษัทของเราทำเงินทันทีตามเดิม ดังนั้นเขาไม่น่าจะหาคนใหม่มาแทนที่พวกเรา เราแค่ต้องทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ”
“ใช่ อันที่จริง มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้ว ตาแก่หลี่อิงไห่นั่น ฉันไม่ชอบหน้าเขามาตั้งนานแล้วเหมือนกัน”
“ฉันได้ยินมาว่าเครือฮ่าวหราน ที่เป็นเจ้าของใหม่ของบริษัทเราเป็นกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับพนักงานของบริษัท สวัสดิการของเครือฮ่าวหรานนับได้ว่าดีที่สุดในเมืองฮ่วยอัน!”
“…”
ระหว่างทาง เสียงกระซิบกระซาบของบทสนทนาได้ยินถึงหูของหลี่อิงไห่เช่นกัน
คำพูดของบางคนที่ระบายความไม่พอใจออกมานั้นกล่าวถึงเขาอย่างรุนแรง
หากเป็นก่อนหน้านี้ ถ้าเขาได้ยินคำพูดแบบนี้เข้าหูเมื่อไหร่ เขาคงจะเรียกคนพูดมายืนอยู่ตรงหน้าเขาทันที จากนั้นจะตบสั่งสอนสักฉาดและสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากออกไปจากบริษัทอย่างรวดเร็ว
แต่วันนี้แตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปได้ แต่ก็คงเป็นแค่หุ่นเชิด ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงใด ๆ ในบริษัทโดยเฉพาะอำนาจเกี่ยวกับการจัดการกับพวกพนักงาน
“ท…ท่านประธาน…ท่านได้ยินหรือเปล่า? พวกเขา…พวกเขากำลังกล่าวร้ายท่าน…”
เลขาสาวเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับทำท่าจะก้าวไปเผชิญหน้ากับพวกคนที่พูดนินทาหลี่อิงไห่ เธอรับไม่ได้จริง ๆ กับคำพูดหลาย ๆ คำพูดที่คนพวกนี้เอ่ยออกมา
“แล้วไงล่ะ? ฮ่า ๆ ลืมมันไปเถอะ นับจากนี้ฉันไม่มีอำนาจจะทำอะไรใครได้อีกแล้ว”
หลี่อิงไห่หัวเราะเยาะตัวเอง เมื่อเขาได้ยินคำพูดนินทาเหล่านั้น จากนั้นจึงมองไปยังเลขาข้าง ๆ เขาที่กำลังแสดงสีหน้าไม่เต็มใจ
“เสี่ยวอวิ๋น ฉันจำได้ว่าเธออยู่กับฉันมาเกือบปีแล้วใช่ไหม?”
“ก็คุณหลี่เรียกให้ฉันมาทำงานให้คุณตั้งแต่หลังจากเรียนจบทันที”
เลขาสาวไม่รู้ว่าทำไมหลี่อิงไห่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เธอจึงได้แต่ตอบตามความจริงเท่านั้น
“เฮ้อ…เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ เอาล่ะ เดี๋ยวตอนออกไปยืนรอ เธออย่ามายืนข้าง ๆ ฉันแบบนี้เด็ดขาด เจ้าของเครือฮ่าวหรานไม่ชอบฉัน มันจะส่งผลต่ออนาคตของเธอเอง”
หลี่อิงไห่ถอนหายใจก่อนที่จะออกคำสั่ง
“เอ๊ะ? แต่…แต่…”
เลขาสาวชื่อเสี่ยวอวิ๋นกระสับกระส่ายทันที เธอพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักอย่างลังเล
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น คิดถึงพ่อแม่ของเธอเอาไว้ ฉันจำได้ว่าอาการป่วยของแม่เธอยังไม่หายดีใช่ไหม? ถ้าฉันเดาไม่ผิด เงินก้อนนั้นที่ฉันให้ไปมันคงหมดไปแล้วตั้งแต่ก่อนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยถูกต้องไหมล่ะ?”
หลี่อิงไห่ขัดจังหวะอีกฝ่าย
ในทางกลับกันเลขาสาวกลับดื้อรั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ม…ไม่! ท่านประธานหลี่ ฉันไม่สน! ท่านใจดีกับฉันมาโดยตลอด ฉันจะไม่มีวันทิ้งท่าน ฉันจะขอติดตามท่านไปทำงานในทุก ๆ ที่ท่านไป!”
“อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย!”
หลี่อิงไห่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อได้ยินคำตอบนี้จากเลขาสาวของตัวเอง เขากลับรู้สึกอึดอัด เขาอุปถัมภ์เด็กหญิงที่ยากจนซึ่งแม่ป่วยหนัก ตอนแรกเขาทำเพียงเพื่อสนองความไร้สาระของเขา
แต่เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะยืนหยัดเพื่อเขาในเวลานี้
ในทางกลับกัน พวกผู้บริหารที่มักจะมาเลียแข้งเลียขาเขาตลอดเวลาก่อนหน้านี้กลับแสดงสีหน้าเย็นชาใส่ และพร้อมที่จะไปเลียแข้งเลียขาเจ้านายคนใหม่เต็มแก่เมื่อเขาหมดอำนาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]