ราคาสามสิบล้านมันเกินมูลค่าของกระถางธูปหยกนี้มากเกินไปจนผู้คนไม่กล้าประมูลต่ออีก
ในไม่ช้า รายการประมูลนี้ก็สรุปผล
“หว่านเอ๋อร์ เดี๋ยวหลานเอาของชิ้นนี้กลับไปเก็บในห้องเก็บสมบัติของหลานได้เลย คิดซะว่าลุงมอบให้เป็นของขวัญในฐานะที่หลานทำตัวเป็นเด็กดีมาโดยตลอด”
หลังจากรับกระถางธูปมาแล้ว หลินป๋อก็หันศีรษะไปพูดกับซูหว่านเอ๋อ อย่างอ่อนโยน
“แต่…แต่…”
ซูหว่านเอ๋อลังเลมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอต้องการปฏิเสธ แต่เธอก็อยากได้กระถางธูปนี้มากจริง ๆ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกรงใจหรอก ลุงหลินบอกให้หลานรับไว้ก็รับเอาไว้เถอะ ก่อนหน้านี้ที่พ่อของหลานบังคับให้หลานแต่งงาน ลุงก็มัวแต่ติดธุระที่ต่างประเทศไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรจนไม่ได้ช่วยหลาน ไม่งั้นพ่อของหลานคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแน่ เอาเป็นว่านี่ถือว่าเป็นการขอไถ่โทษจากลุงก็แล้วกัน”
หลินป๋อหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเธอแสดงสีหน้าชวนน่าเอ็นดู
เขาเอ็นดูซูหว่านเอ๋อมาตลอด ตอนนี้อายุเขาก็ปาเข้าไปถึงเลขสี่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีบุตรหลาน ดังนั้นเขาจึงมองซูหว่านเอ๋อเป็นเหมือนกับบุตรหลานแท้ ๆ ของเขาเอง
ก่อนหน้านี้เมื่อเขากลับมาจากการเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศและได้รู้ว่าตระกูลซูทำอะไรลงไป เขาก็รีบตรงดิ่งไปที่บ้านตระกูลซูเพื่อตำหนิ ซูกว่างไห่อย่างรุนแรงภายในคืนที่กลับมาทันที
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ซูกว่างไห่ตกตะลึงมากที่ลูกสาวของเขารู้จักคนที่มีอำนาจขนาดนี้
และเมื่อรวมกับการกระทำก่อนหน้านี้ของอวี้ฮ่าวหราน ตระกูลซูก็ยิ่งไม่กล้าโต้แย้งอะไรเลย
หลังจากการประมูลของชิ้นแรกจบไป ของชิ้นที่สองก็ถูกนำขึ้นมาประมูลอย่างรวดเร็ว มันเป็นแจกันลายคราม แต่ไม่ใช่แบบที่ซูหว่านเอ๋อชอบ
อวี้ฮ่าวหราน ใช้เนตรเทวะตรวจสอบตามปกติ ซึ่งมันก็เช่นเดิมกับชิ้นที่แล้ว เขาไม่เห็นพลังวิญญาณใด ๆ แฝงอยู่ในแจกันที่นำขึ้นมาประมูลเป็นชิ้นที่สอง
เขารู้สึกผิดหวังในใจนิดหน่อย
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างเร่งด่วน ชายวัยกลางคนที่เขาฆ่าตายไปเมื่อล่าสุดเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อรากฐานแถมยังแต่งตัวแปลก ๆ และมีสำเนียงพูดที่แปลก ๆ ราวกับหลุดมาจากยุคเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งจากองค์ประกอบทั้งหมดมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่อีกฝ่ายน่าจะมาจากสำนักบ่มเพาะที่แอบซ่อนอยู่ในโลกนี้ และนั่นหมายความว่าหลังจากนี้เขาจะต้องรับมือกับพวกผู้บ่มเพาะของจริง ไม่ใช่พวกนักเลงธรรมดา ๆ กระจอก ๆ เหมือนอย่างที่ผ่านมา
ในไม่ช้าการประมูลโบราณวัตถุชิ้นที่สองก็จบลงและถูกยกออกไป โบราณวัตถุชิ้นที่สองถูกเฉียนเซาซื้อไปด้วยราคากว่าสิบสามล้าน
แน่นอนว่าหลังจากได้ของมา เฉียนเซาก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาดูถูก อวี้ฮ่าวหรานราวกับว่าเขาเป็นเศรษฐีที่อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อได้
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของอีกฝ่ายเท่าไหร่ เพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่ามาที่นี่เพื่ออะไร
หลังจากนั้นไม่นาน ของประมูลชิ้นที่สามก็ถูกนำมาวาง ซึ่งก็คือภาพวาดโบราณ
สำหรับของชิ้นนี้ อวี้ฮ่าวหรานไม่มีความจำเป็นต้องใช้เนตรเทวะมองดูมันด้วยซ้ำ ภาพวาดบนผืนกระดาษแบบนี้ตามปกติแล้วมันไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานมากนัก ดังนั้นภาพที่ยังดูสมบูรณ์ขนาดนี้อย่างมากที่สุดก็มีอายุแค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น
ของที่มีอายุแค่หลักร้อยปีตามปกติแล้วมันย่อมไม่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่แน่นอน
และรายการประมูลนี้ก็ยังไปอยู่ในมือของเฉียนเซาเช่นเดิม
เขาภูมิใจมากกับการซื้อของอวดชาวบ้านแบบนี้
“หึหึ ต่อให้มันรู้จักกับประธานเจ่าแล้วยังไง? ท้ายที่สุดคนที่รวยกว่าอย่างฉันก็ได้เปรียบ!”
เสียงของเขาดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก
“ใช่ คนจน ๆ แบบนั้นจะมีคุณสมบัติที่จะเทียบกับคุณได้อย่างไร”
“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดที่นี่เข้มงวดมาก ผมคงสั่งให้คนของผมเข้ามาลากไอ้เวรนั่นออกไปกระทืบให้คุณเฉียนไปแล้ว!”
ที่ด้านข้างทั้งสองฝั่งของเฉียนเซามีนายน้อยรุ่นที่สองจากตระกูลร่ำรวยหลายคนนั่งขนาบด้วยสีหน้าประจบแจง
เมื่อไหร่ที่พวกเขารวมตัวกัน พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดเสมอ
“ฮึ่ม! ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยมันไปแน่ หลังจากที่มันออกจากโรงแรมนี้ไป!”
ใบหน้าของเฉียนเซาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขามองไปที่อวี้ฮ่าวหราน เป็นระยะ ๆ พลางกัดฟันกรอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]