ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] นิยาย บท 358

สรุปบท บทที่ 358 ไม่มีใครเทียบได้: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

อ่านสรุป บทที่ 358 ไม่มีใครเทียบได้ จาก ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] โดย Internet

บทที่ บทที่ 358 ไม่มีใครเทียบได้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 358 ไม่มีใครเทียบได้

บทที่ 358 ไม่มีใครเทียบได้

อวี้ฮ่าวหรานไม่จำเป็นต้องฆ่าสามคนนี้ เพราะเขาไม่มีความแค้นอะไรกับอีกฝ่าย

“แน่นอน!”

พอผู้อาวุโสหลินได้ยินคำพูดนั้น เขาจึงรีบยืนยันทันที

แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองน่า…เขาไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดนั้น จะยังคิดลงมือฆ่าได้อีกเหรอ?

“ฮึ่ม กลัวว่าจะมีคนอื่นมาสมทบน่ะสิ!”

ตอนนั้นเอง อวี้ฮ่าวหรานก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา

ชายหนุ่มรู้ดีว่า แม้แต่จอมยุทธ์ในแต่ละสำนักยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แถมยังมีความแตกต่างมากมาย

“เรื่องนี้…ฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ พอเดินกลับไปที่ประตู ฉันทำได้แค่ห้ามพวกเขาไว้แค่นั้น”

การแสดงออกของผู้อาวุโสหลินไม่ทำให้บรรยากาศดีขึ้นแม้แต่น้อย แม้อู๋ลั่นจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความบาดหมาง แต่ตอนนี้เขาก็ได้ตายไปแล้ว

ในความคิดเห็นของผู้อาวุโสหลิน การต่อสู้กับปรมาจารย์ลึกลับคนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดมากนัก โดยเฉพาะตระกูลอู๋ที่เคร่งครัดในกฎเกณฑ์

แต่ยังมีหลายคนในสำนักที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอู๋ลั่น

ถึงยังไงคนพวกนี้ก็ไม่มีทางนิ่งเฉย

พอได้ยินแบบนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็หลับตาลงเพื่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ

“พวกแกไปได้แล้ว คราวหน้าถ้าอยากมาเยี่ยมเยือนกันอีก ฉันก็ยินดีต้อนรับเสมอ”

น้ำเสียงของเขาเย็นชาไม่น้อย…

“ยังไงก็เถอะ ถ้าแกกล้าแตะต้องคนในตระกูลฉันอีก ฉันไม่ปล่อยคนของแกไว้แน่! ฉันจะตามฆ่าพวกมันให้หมด!”

พูดจบ จิตสังหารรุนแรงของชายหนุ่มก็ได้แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้นทันที!

ด้วยจิตสังหารอันรุนแรง ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังจะกลายเป็นสีแดงฉาน!

ทั้งสามคนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที ราวกับชายหนุ่มที่กำลังยืนหันหลังเป็นปีศาจที่จ้องจะกินเลือดเนื้อมนุษย์!

ผู้อาวุโสหลินนั้นรู้สึกหวาดหวั่นกว่าใคร ชายตรงหน้าคนนี้เคยฆ่าคนด้วยจิตสังหารอันรุนแรงแบบนี้ไปแล้วกี่คน?!

แม้แต่การฆ่าล้างเมืองหรือการฆ่าล้างตระกูลก็ยังเทียบไม่ได้กับพลังของอีกฝ่าย!

แต่ผู้อาวุโสหลินกลับไม่รู้เอาเสียเลย ว่าจิตสังหารที่เปี่ยมไปด้วยพลังนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่!

ในอดีตแค่แผ่จิตสังหารออกมา สิ่งมีชีวิตนับล้านต่างก็พากันคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อชายหนุ่ม ช่างเป็นพลังทำลายล้างที่รุนแรงมหาศาล!

เมื่อต้องเผชิญกับบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ อู๋ชิงรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกราดด้วยน้ำเย็นจัด เพลิงโทสะที่ลุกโชนถูกดับจนมอดลงในทันที

ความรู้สึกนั้น ทำให้อู๋ชิงตระหนักว่าตัวเองเพิ่งถูกหยามเกียรติ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที

หลังจากการขู่เตือน อวี้ฮ่าวหรานหยุดยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันหลังแล้วเดินจากไป

วันนี้เขาปล่อยให้สามคนนั้นยังมีชีวิตรอด ก็เพราะเห็นแก่ครอบครัว

ถึงยังไงมันก็ถือเป็นความลับของสำนักโลกเร้นลับ ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของมัน

การฆ่าอู๋ลั่นแค่คนเดียวอาจไม่ได้สร้างความเคียดแค้นมากมาย แต่ถ้าฆ่าทั้งสามคน เขากลัวว่าอาจเป็นการนองเลือดที่ไม่มีวันจบสิ้น

ถ้ายังอยู่ในโลกของเทพเซียนเหมือนกับในอดีต อวี้ฮ่าวหรานก็คงลงมือฆ่าเศษสวะพวกนี้ไปแล้วแน่ ๆ!

กว่าจะเดินทางกลับมาถึงบริษัทก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงตรงดิ่งไปที่ห้องซ้อมเปียโนทันที

เวลานี้ถวนถวนคงกำลังฝึกซ้อมอยู่สินะ เสียงเปียโนดังกังวานในห้องฝึกซ้อม

เขานั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง คงจินตนาการไม่ออกแน่ว่าบทเพลงไพเราะนี้ลูกสาวของเขาเป็นคนบรรเลง

พรสวรรค์นี้ทรงพลังไม่น้อย คงทำให้ทุกคนตกตะลึงกันใหญ่

อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดด้วยความภาคภูมิใจ

ในที่สุดก็มาถึงตอนเช้าตรู่ หลี่หรงเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น

วันนี้เธอตั้งใจลางานหนึ่งวันเพื่อไปดูการแข่งขันของถวนถวน

หลังจากผ่านช่วงเช้าอันแสนวุ่นวาย ในที่สุดอาหารเช้าก็ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว

“พี่เขย เมื่อวานพี่เป็นคนพาถวนถวนไปซ้อม ฝีมือหลานเป็นยังไงบ้าง?”

ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร หลี่หรงก็ถามด้วยความสงสัย

เธอไม่เคยได้ยินเด็กน้อยเล่นเปียโนอย่างจริงจังสักครั้ง ฉะนั้นจึงไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

อาจารย์หญิงวัยกลางคนจงใจดูถูกพลางถอนหายใจ จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับเด็กหญิงอายุราวเจ็ดหรือแปดขวบที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอาล่ะ เสี่ยวเสวี่ย หนูซัดคู่แข่งให้หมอบไปเลยนะจ๊ะ”

เด็กหญิงคนนั้นหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม แต่พอเธอมองมาที่ถวนถวน สายตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเหยียดหยาม

“ได้เลยค่ะอาจารย์หวัง!”

จากนั้นเด็กหญิงจึงนั่งลงบนเก้าอี้เปียโนเพื่อฝึกซ้อมต่อไป เธอเลือกเพลงตามใจชอบก่อนบรรเลงตามตัวโน้ต!

ไม่นานเสียงเปียโนอันไพเราะเพราะพริ้งก็ดังขึ้น

เด็กหญิงคนนี้มีอายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบ แต่ฝีมือในการเล่นเปียโนกลับเก่งกาจไม่น้อย พวกเขาจึงไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีรังเกียจถวนถวน

“โอ้…ใครเป็นคนบรรเลงเพลงไพเราะเพลงนี้กัน?”

ท่วงทำนองอันแสนไพเราะดึงดูดความสนใจผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงทันควัน

“ใช่ ๆ ชั้นเรียนของเรามีคนที่ฝีมือขนาดนี้ด้วยเหรอ? น่าเสียดายที่พวกเราเข้าร่วมชมการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้ไม่ได้”

“โอ้โห อัศจรรย์มาก… เด็กน้อยคนนี้บรรเลงถูกต้องทุกตัวโน้ตเลย”

“…”

หลังจากหยุดฟังไปสักพัก หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะออกปากชื่นชม ใบหน้าของอาจารย์หวังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“นี่สิถึงจะเรียกว่าเหมาะสมกับการแข่งขัน ลูกศิษย์ของเธอฝีมือด้อยเกินไป อย่าเสียเวลาเลย”

ตอนนี้หญิงวัยกลางคนถือว่าตัวเองมีสถานะสูงกว่าหลิวว่านฉิง ดังนั้นเธอจึงเหยียดหยามอีกฝ่ายไม่หยุดปาก

หลี่หรงรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย เนื่องจากเด็กหญิงตรงหน้ามีฝีมือในการเล่นเปียโนที่เก่งเกินไป

หญิงสาวไม่ได้ฝึกมือเล่นเปียโนมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้จะได้รับอนุญาตให้เข้าแข่งขัน แต่ฝีมือของเธอยังเทียบกับเด็กหญิงอีกคนไม่ได้

“พี่ฮ่าวหราน พวกเราพาถวนถวนเข้าไปข้างในกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลาเลย…”

เรื่องการส่งเสริมให้ถวนถวนเรียนเปียโน เป็นความคิดและความคาดหวังของเธอทั้งหมด หลี่หรงจึงกลัวว่าหลานสาวจะถูกโจมตีจนเสียความมั่นใจ และเกลียดการเล่นเปียโนไปตลอดชีวิต

ถึงอย่างนั้น สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานและหลิวว่านฉิงก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทั้งสองรู้ระดับความสามารถของถวนถวนดีที่สุด

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ อาจารย์หวังจึงรู้สึกเบื่อหน่าย

“โธ่เอ๊ย ครูรุ่นใหม่จะฝึกสอนใครให้เก่งได้ ผู้ปกครองต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว”

พอได้ยินแบบนั้น หลิวว่านฉิงอดกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ไม่ได้ สีหน้ามืดมนลงกว่าเดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]