วินน์เดินลงจากเตียงมุ่งตรงมาที่เสื้อแจ็คเกตสีดำของฟิลิป
เสียงเรียกเข้ายังคงดังต่อเนื่องให้ได้ยินภายในห้องผู้ป่วย
วินน์กำลังจะหยิบเสื้อแจ็คเก็ตของเขาเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมา จู่ ๆ ฟิลิปก็เข้ามาดึงเสื้อออกไปจากมือเธอและยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่ง “ผมจะออกไปข้างนอกเพื่อรับโทรศัพท์นะ”
พูดจบ ฟิลิปก็หมุนตัวเดินห้องไปจากห้อง
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูและพบว่าเป็นเบอร์ของวินน์!
เขาทำได้แค่กดวางสาย
อันตรายเกินไปแล้ว!
เมื่อครู่นี้ฟิลิปรู้สึกราวกับหลุดไปอีกโลก เหงื่อของเขาเปียกชุ่มเต็มหัวไปหมด
ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะบอกวินน์เรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขา
ไม่ใช่ว่าเขาต้องการที่จะปกปิดอะไร แต่เป็นเพราะถ้าวินน์รู้เรื่องขึ้นมา เธอ มิล่า รวมถึงตระกูลจอห์นสตันทั้งหมดจะต้องตกอยู่ในอันตราย มีเพียงแค่ฟิลิปเท่านั้นที่รู้ถึงอันตรายนี้ดี
ฟิลิปเคยเห็นเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนั้น
ช่วงเวลาที่เขาหนีออกมาจากครอบครัวของเขา ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังไม่มากก็น้อย
ในห้องผู้ป่วย วินน์ยืนกอดอกคอยฟังเสียงรอสายจากโทรศัพท์ คิ้วของเธอขมวด ‘หรือว่าเธอจะมีอะไรทำอยู่กันนะ?’
เธอก็โทรออกอีกครั้งแต่คราวนี้สายไม่ว่าง รู้สึกหมดหนทาง วินน์ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมแพ้ เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะถึงยังไงการที่จะต้องไปขอร้องอ้อนวอนใครก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ
ในขณะนั้นเองฟิลิปก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “มีเรื่องด่วนที่บริษัท พวกเขาต้องการให้ผมกลับไป”
วินน์ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะเธอเองก็รู้สึกรำคาญเธอจึงพยักหน้าสองสามครั้งเป็นการตอบรับ
การผ่าตัดของมิล่าจะยืดเยื้อออกไปอีกไม่ได้แล้ว
จะหวังพึ่งแต่ฆวนไม่ได้ แต่ถ้าในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น วินน์ก็คงทำได้เพียงพึ่งพาเขา
และก่อนที่ฟิลิปจะออกจากห้องผู้ป่วยไป เขาพูดขึ้นเบา ๆ “วินนี่ อย่ากังวลไปเลย ผมจะจัดการเรื่องการผ่าตัดของมิล่าเอง ผมได้ติดต่อหมอที่มีชื่อเสียงในประเทศไว้แล้วและเขาก็ได้วางแผนการรักษาแล้วเรียบร้อย อีกสองสามวันมันจะ…”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
วินน์พูดตัดบทฟิลิปขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อในตัวฟิลิป แต่เธอแค่สงสัยว่าหมอที่เขาหามาได้จะมีความสามารถจริงหรือไม่
ฟิลิปชะงักนิ่งไป ท่าทีของเขาดูไม่สบายใจนัก
วินน์รู้สึกตัวได้ว่าเธอทำท่าทีบึ้งตึงออกไปจึงพูดอธิบายออกมาแต่น้ำเสียงก็ยังคงเจือความหงุดหงิด “ฟิลิป อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่มีต่อมิล่า ฉันแค่…ฉันแค่หงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ”
ฟิลิปเข้าใจดีว่าวินน์รู้สึกอย่างไร
“ผมเข้าใจ มิล่าเองก็เป็นลูกสาวของผมเหมือนกัน ถ้าคุณหาทางอื่นได้อีก คุณก็มาคุยกับผมได้นะ”
วินน์ส่งยิ้มกลับ เธอพยักหน้าและพูด “ได้ ที่บริษัทคุณเกิดปัญหาแล้วเขาต้องการตัวคุณไม่ใช่เหรอ? คุณไปจัดการให้เรียบร้อยเถอะ”
ฟิลิปพยักหน้า ในขณะที่เขาหมุนตัวเดินออกมา มาร์ธาก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเธอรีบวิ่งเข้ามาชี้หน้าฟิลิป ก่อนจะต่อว่าเขา “ฟิลิป คลาร์ค แกพูดอะไรไว้กับฉันก่อนหน้านี้? ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ? นั่นเลยทำให้แกไม่เห็นหัวฉันที่เป็นแม่ยายแกแล้วอย่างนั้นสิ?”
นี่มันคิดจะฝืนชะตาฟ้าจริง ๆ สินะ!
ไอ้เจ้าลูกเขยขยะนี่ยังกล้ามาขึ้นเสียงใส่เธออีกด้วย
ในฐานะแม่ยาย เธอจะไม่กลายเป็นคนที่เสียเกียรติอย่างนั้นหรือ?
เขาจะต้องโดนดี!
ฟิลิปรู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่ถ้าเขาทำให้มาร์ธาไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ก้มหัวยอมรับความผิด “แม่ ผมขอโทษครับ ผมไม่ควรที่จะปฏิบัติต่อแม่แบบนั้น…”
“มาพูดขอโทษตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?”
มาร์ธาไม่ยอมอ่อนข้อและยกโทษให้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแววตาถากถางและโกรธเคือง “แกทั้งคู่ควรจะไปคุยกันได้แล้วว่าเมื่อไหร่แกจะทำเรื่องหย่ากัน”
หย่า
เรื่องหย่าอีกแล้ว
ฟิลิปรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วินน์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามาเช่นกันและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เธอถามขึ้น “แม่ นี่แม่เป็นอะไรอีกเนี่ย? สร้างปัญหาแต่เช้าเลย…ช่วยปล่อยให้หนูได้พักหายใจบ้างได้ไหม?”
วินน์รู้อารมณ์ของแม่เธอดี
สร้างปัญหาอย่างไม่มีเหตุผลและอารมณ์เกรี้ยวกราดราวกับเด็ก ๆ นั่นเป็นวิชาเรียนที่เธอเรียกได้ว่าเป็นหัวกะทิเลย
เธอไม่เคยปฏิบัติต่อฟิลิปในฐานะลูกเขยเลยแม่แต้น้อย
ทุกอย่างก็เป็นเพราะวินน์ท้องก่อนแต่งกับฟิลิป ทำให้เธอและตระกูลของเธอต้องอับอาย ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้วินน์และฟิลิปต้องย้ายออกจากบ้านและไปซื้ออพาร์ตเมนต์อยู่กันเอง
โดยปกติแล้วทุกคนจะยอมให้มาร์ธา แม้ว่าเธอจะทำตัวไม่มีเหตุผล ทุกคนก็ยอมทำตามมาตลอด
“แกหมายความว่ายังไง? ฉันนี่น่ะเหรอสร้างปัญหา? แกไม่รู้งั้นเหรอ? ไอ้เจ้าขยะนี่กล้ามาขึ้นเสียงด่าฉันข้างนอกเมื่อกี้นี้”
มาร์ธายืนมือออกมาชี้หน้าฟิลิป “ฉันไม่สนใจว่าพวกแกสองคนจะคิดยังไง แต่ในครอบครัวนี้ ฉันกับมันอยู่ร่วมกันไม่ได้!”
วินน์รู้สึกหมดหนทาง เธอจ้องหน้าฟิลิปและแกล้งทำเป็นต่อว่าเขา “ฟิลิปคุณไปพูดอะไรกับแม่ของฉัน? คุณรออะไรอยู่อีก? รีบ ๆ ขอโทษซะ!”
ฟิลิปไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาจึงโค้งหัวลงเพื่อขอโทษ “แม่ผมขอโทษครับ”
และในครั้งนี้ มาร์ธารู้สึกราวกับเธอไม่ใช่ไก่รองบ่อนอีกต่อไป เชิดหน้าชูตาขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ยังคงต่อว่าฟิลิปต่อไปอีกพักนึง
ฟิลิปยังคงกล่าวขอโทษอย่างนั้นอยู่อีกสองสามครั้ง เขาจึงสามารถปลีกตัวมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทอันดับหนึ่ง