“ท่านพ่อ!” ลู่จื่ออวิ๋นตะโกนเรียกชายร่างสูงใหญ่จากทางหน้าต่าง เรียกเสร็จก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ “ท่านพี่ ท่านพ่อกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่ฉาวอวี่เข้ามายืนข้าง ๆ น้องสาวแล้วเรียกลู่อี้ขึ้นมาเบา ๆ “ท่านพ่อ”
ลู่อี้ขานรับลูกชายและลูกสาวของเขาเบา ๆ พลางเลื่อนสายตามาหยุดมองที่มู่ซืออวี่และแม่เฒ่าเจียง
เขาสวมเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยเย็บปะ ผมถูกมัดรวบสูงจนเผยให้เห็นใบหน้าทั้งหมด บนหน้าผากของเขามีแผลไฟไหม้ขนาดเท่าฝ่ามือ รอยแผลน่าพรั่นพรึงราวกับตัวตะขาบ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ นัยน์ตาสีทมิฬเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง
ส่วนชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนก้าอี้รถเข็นคือลู่เซวียน หลังจากที่ถูกนักโทษประหารทำร้าย เขาก็กลายเป็นคนขี้โรค ทำให้ต้องกินยาอยู่เรื่อย ๆ ทั้งยังมีอาการไอตลอดเวลา
เขาดูผอมมาก และเนื่องจากร่างกายที่ซูบผอมเกินไป ใบหน้าที่ดูดีของเขาจึงขาดชีวิตชีวา แตกต่างจากกิริยาเฉยเมยแบบลู่อี้ เขามองไปที่ลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋นอย่างอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับมองไปทางมู่ซืออวี่และแม่เฒ่าเจียงด้วยความเกลียดชัง ราวกับว่าเป็นขยะที่น่าขยะแขยงอย่างไรอย่างนั้น
แม่เฒ่าเจียงมองเห็นลู่อี้ ในใจก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย หญิงชราเห็นด้วยสายตาตัวเองว่าลู่อี้ต่อยหมูป่าจนตาย ส่วนตรงหัวสมองของหมูป่าตัวนั้นมีเลือดหยดติ๋ง ๆ ยามหันกลับมามองที่นาง นางก็รู้สึกว่าหมัดนั้นอาจพุ่งมาหานางได้
“นังอ้วน คอยดูเถอะ” แม่เฒ่าเจียงลุกจากพื้นแล้ววิ่งหนีหายวับไปกับตา
เห็นเงาที่ปราดเปรียวของนางแล้ว มู่ซืออวี่ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา คนอ้วนทุกคนไม่ได้คล่องแคล่วขนาดนี้ ดูท่าแม่เฒ่าเจียงคงเป็นคนอ้วนที่มีความสามารถพิเศษ
ครั้นสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนกำลังพินิจพิจารณาอยู่ มู่ซืออวี่ก็มองตามจนเห็นสายตานิ่งเรียบของลู่อี้ นางรีบยืนขึ้นตัวตรง ลูบเส้นผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ท่านกลับมาแล้วหรือ? รีบเข้ามาเถิด”
พูดจบแล้วก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้ง นี่เป็นบ้านของพวกเขา นางต้องทักทายด้วยหรือ
ลู่เซวียนมองนางอย่างแปลกใจ แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจผู้หญิงคนนี้ ชายหนุ่มเอาแต่พยายามลุกยืนขึ้นจากรถเข็น
“เพิ่งจะกลับมาชั่วครู่นี้เอง อย่าขยับเลย” ลู่อี้หันมาพูดกับลู่เซวียน
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ถึงบ้านแล้ว ขยับได้นิดหน่อยแล้ว” ร่างกายของลู่เซวียนยังคงอ่อนแอ เพียงแค่ไม่สามารถเดินได้ไกล “ท่านพี่ ดูในครัวแล้วไม่มีของกินอะไรเลย เด็กทั้งสองจะหิวตายซะก่อนแล้วกระมัง”
ลู่เซวียนมักจะอยู่ที่บ้าน เขารู้ดีว่ามู่ซืออวี่ใจร้ายมาก ตอนที่เขาอยู่นั้นไม่สามารถทำของกินให้เด็ก ๆ กินได้ ครั้งนี้พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ไม่อยู่ ผู้หญิงที่มีพิษร้ายคนนั้นไม่รู้ว่าจะทรมานเด็ก ๆ อย่างไรบ้าง
สองพี่น้องที่ว่าเห็นแม่เฒ่าเจียงวิ่งสลัดหางทิ้งไปแล้วก็วิ่งออกมาหาผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ
“ขาของเจ้าเป็นอะไรไป” ลู่อี้สังเกตเห็นขาของลู่ฉาวอวี่ที่เดินอย่างไม่คล่องแคล่วจึงก้าวขายาว ๆ ไปหา ชายหนุ่มถกขากางเกงของลูกชายขึ้นมาจนเห็นบาดแผล จากนั้นก็ใช้สายตาเฉียบคมมองไปทางมู่ซืออวี่ “เจ้าทำอะไรเขา?”
มู่ซืออวี่เห็นชายหนุ่มและน้องชายกลับมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะโดนระดมกำลังสอบสวนนางอย่างไรบ้าง
ดูความผิดที่นางต้องแบกไว้สิ แต่ใครปล่อยให้นางครอบครองดูแลร่างกายของผู้อื่นเล่า หากครอบครองก็ย่อมต้องจ่ายราคาสินะ
“ข้าไม่ได้ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี” มู่ซืออวี่ไม่อยากพูดเยอะจึงปล่อยให้เขาเข้าใจไปเอง อย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว เพราะเจ้าของร่างเดิมก็มีความผิดจริง ๆ นางได้แต่อธิบายอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “ข้ารู้ว่าทำผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี”
สุดท้ายนางจะพลิกเรื่องราวได้หรือไม่ก็ไม่อาจคาดเดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...