ลู่อี้ถือฟืนไว้ในมือ เดินลงมาจากภูเขาอย่างใจเย็น ฟืนทั้งสองมีไก่ป่าและกระต่ายป่าห้อยอยู่อย่างละตัว
นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าขาดเสียหาย เขาจึงพับแขนเสื้อของตนขึ้นมาแล้วผูกไว้รอบเอว สะใภ้ตัวน้อยที่แอบชำเลืองมองอยู่ถึงกับแก้มแดงระเรื่อ
แต่เมื่อเห็นใบหน้านั้นนางก็หลีกเลี่ยงทันที ไม่กล้ามองอีกรอบ
ในขณะที่อวี๋ซื่อถือตะกร้าผักออกมาจากสวนผัก และเมื่อเห็นของที่ลู่อี้ถือมาด้วย สายตาของนางก็ลุกเป็นไฟ
นางทุบที่เอวของตนเองแล้วตะโกนเสียงดัง “ลู่อี้ มาช่วยข้ายกที จู่ ๆ เอวของข้าเจ็บก็แปลบขึ้นมา”
ลู่อี้หยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองอวี๋ซื่อ สายตาของเขาปราศจากความรู้สึกใด ๆ ราวกับว่าในแววตาของเขาเป็นเพียงถ้ำอันมืดมิด
คนที่อยู่ด้านหลังไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยเรียกอีกต่อไป เพียงแค่เอ่ยปากพูดว่า “มองอะไร ขอให้ช่วยจะเป็นไรไป ข้าเป็นป้าของเจ้านะ”
ใช่แล้ว สตรีผู้นี้คือพี่สาวของท่านแม่ผู้ล่วงลับไปแล้วของลู่อี้
ลู่อี้ยื่นมือออกไปหานาง อวี๋ซื่อจึงส่งตะกร้าผักไปให้เขาด้วยความภาคภูมิใจไม่หยุด
ชายหนุ่มเดินตรงไปด้านหน้า โดยมีอวี๋ซื่อเดินตามหลัง
จากนั้นนางก็เริ่มพูดพล่ามขึ้นมา “ลู่อี้ ไม่ใช่ข้าเคยบอกหรือว่า เหตุใดเจ้าถึงแต่งงานกับสะใภ้เช่นนี้ สะใภ้ของเจ้าจิตใจชั่วร้าย ไม่มีอะไรดี เจ้าไม่รู้หรอกว่าลูกทั้งสองของเจ้าลำบากแค่ไหน มีพอกินหรือไม่ก็ไม่พูดไม่กล่าว หญิงคนนั้นชอบสั่งให้พวกเขาไปสร้างเรื่อง เด็กตัวเล็กเช่นนั้น ไม่ได้ต่างจากลูกหมาบ้านพวกข้าเลย ลูกหมาของข้ายังต้องได้กินข้าว แต่เด็ก ๆ ต้องออกไปเคี้ยวเปลือกไม้ข้างนอก”
สีหน้าของเขาครึ้มทะมึนลงเรื่อย ๆ ใบหน้าที่มองไปทางอวี๋ซื่อยังคงทำให้ผู้คนหวาดกลัว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่ามันจองจำวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้ อวี๋ซื่อหวาดกลัวอย่างมากจนต้องร้องออกมาว่า “หวา!”
“เคี้ยวเปลือกไม้รึ” ลู่อี้ถามขึ้น
“ใช่สิ ลูก ๆ ของเจ้าไม่ได้เล่าให้ฟังรึ เด็กสองคนนั้นโง่หรือเปล่า นางรังแกเด็ก ๆเช่นนี้ พวกเขายังไม่ฟ้องเจ้าอีกรึ”
อวี๋ซื่อถอยหลังไปสองก้าว แต่เมื่อเห็นกระต่ายป่าและไก่ป่าที่แขวนอยู่ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
ลู่อี้ยัดตะกร้าผักกลับเข้าไปในอ้อมแขนของอวี๋ซื่อ “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อน”
“ไอ้หยา รอข้าก่อน” อวี๋ซื่อเข้ามาขวางลู่อี้ก่อนจะยิ้มเยาะ “ลู่อี้ ดูเจ้าสิ เข้าป่าครั้งเดียวล่าสัตว์ได้ตั้งมากมาย บ้านข้าไม่ได้กินเนื้อสัตว์นานแล้ว หากเจ้าจะแบ่งให้ข้าชิมบ้างสักหน่อย…”
มุมปากลู่อี้ถึงกับกระตุก “ท่านป้าอยากชิมรึ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” อวี๋ซื่อยิ้มร่า ดูผิวเผินนางเป็นคนที่น่ารักใคร่ แต่ก็เป็นเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น
ลู่อี้ไม่เคยลืมว่าหลังจากที่ท่านพ่อและท่านแม่เสียชีวิต ญาติพี่น้องเหล่านี้ต่างมาย้ายสิ่งของจากบ้านของพวกเขา ถ้าเขาไม่ใช้กำลังห้ามปราม คนเหล่านั้นคงเอาสิ่งที่เหลืออยู่ออกไปหมดแล้ว และในบรรดาคนเหล่านั้น คนที่ส่งเสียงดังที่สุดคือป้าของเขาคนนี้
“เมื่อครู่นี้ท่านป้าพูดว่าอวี่เอ๋อร์กับอวิ๋นเอ๋อร์เคี้ยวกินเปลือกไม้รึ?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“ใช่สิ ช่างน่าสงสารจริง ๆ สายตาของพวกเขาช่างดูหิวโหย หลังจากนั้นก็ไปถอนต้นกล้าผักจากบ้านของแม่นางหวังมา แม่นางหวังตามไปโวยวายอยู่พักใหญ่ นางเตะอวิ๋นเอ๋อร์ของเจ้าด้วยนะ พวกเขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังรึ เป็นเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นข่มขู่สิท่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...