มู่ซืออวี่ออกมาจากห้องนอนของลู่ฉาวอวี่ นางเป่าผมให้ลู่จื่อวิ๋นอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มพับเสื้อผ้าและเก็บกวาดของในห้อง
ลู่อี้หาบน้ำ ผ่าฟืน เดินไปมารอบ ๆ แปลงผักพร้อมกับจอบบนไหล่ เมื่อกลับมาก็พบว่ามู่ซืออวี่กำลังยุ่งอยู่กับงานบ้านจนหัวหมุน สีหน้าของเขาก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา
สุขภาพของลู่เซวียนไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาต้องกินยาสามครั้งต่อวัน แม้ว่าจะดีขึ้นแล้ว สามารถลุกจากเตียงเดินเหินเองได้ แต่ก็ไม่ได้มีกำลังมากนัก ลุกได้ไม่นานก็จะหมดแรงและต้องนั่งพัก ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บนรถเข็นหรือเตียงนอนเป็นส่วนใหญ่
ในช่วงแรกลู่อี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างสงสัยในความเปลี่ยนแปลงราวกับเป็นคนละคนของนาง แต่มู่ซืออวี่ไม่ได้สนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานบ้านต่อไปอย่างคล่องแคล่ว พอลู่อี้เริ่มเห็นว่านี่เป็นเรื่องที่ดีต่อลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่ เขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปห้ามหญิงสาว
ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็เอาแต่จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดเวลา ราวกับจะทำให้ร่างอวบนั้นพรุนไปทั้งตัว เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่ในท่าทางขยันขันแข็งแบบนั้น
มู่ซืออวี่เริ่มเข้าไปทำความสะอาดในห้องครัว
ผู้หญิงย่อมต้องละเอียดลออกว่าผู้ชาย แม้ว่าลู่อี้จะเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกซอกทุกมุมละเอียดยิบ เพียงแค่ช่วยให้บ้านไม่กลายเป็นกองขยะเท่านั้น นางจึงได้เข้าไปช่วยทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่มู่ซืออวี่ใช้เวลาหลายชั่วยามในการทำความสะอาด ห้องทั้งห้องที่เคยดูคับแคบไปด้วยสิ่งของที่ระเกะระกะไร้ระเบียบก็พลันกว้างขึ้นเพราะการเก็บกวาดข้าวของให้เข้าที่ ทุกซอกทุกมุมดูสบายตาไปหมดราวกับว่าได้บ้านหลังใหม่
เมื่อต้องจัดการกับหยากไย่ที่เกาะอยู่ตามกำแพง หญิงสาวก็รู้สึกสงสาร นางไม่สามารถทำร้ายได้แม้แต่แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ จึงเพียงทำลายรังของพวกมันแล้วพยายามไล่ให้ออกไป “อย่าโกรธกันเลยนะ พวกเจ้าไปสร้างรังใหม่ที่อื่นเสียเถอะ แค่ไปให้ไกลจากบ้านนี้ก็พอแล้ว”
ลู่อี้อึ้งไปกับภาพที่เห็น “…”
นี่เขากำลังมองเหตุการณ์แบบไหนอยู่กัน เกิดอะไรขึ้นกับหัวของนางหรือเปล่า เหตุใดถึงได้ดูใสซื่อมากถึงขนาดนี้กัน
ดูเหมือนว่ามู่ซืออวี่คนที่ใสซื่อคนนี้จะดูเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แต่เขากลับชินกับนางตอนร้ายกาจมากกว่าตอนใสซื่อแบบนี้
ลู่เซวียนเข็นรถเข็นเข้าไปหาลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้างหน้าต่างแล้วถามขึ้น “ช่วงนี้นางเป็นอะไรไปหรือเปล่า จู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเช่นนี้ได้”
ถึงอย่างนั้นลู่เซวียนก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรจากอีกฝ่ายนัก
เด็กคนนี้ดูต่างจากคนอื่นมาตั้งแต่ยังอ่อนวัย ทั้งยังไม่ได้สนใจผู้ใดเลยตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา แม้แต่ลู่อี้ก็ยังถูกเมินเฉย นับประสาอะไรกับอาที่แทบไม่ได้สนทนากัน มีเพียงลู่จื่ออวิ๋นเท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากลู่ฉาวอวี่
แต่ในคราวนี้ลู่ฉาวอวี่ไม่เพียงแค่เอ่ยปากตอบเท่านั้น เด็กคนนี้ยังหันมาสบตากับเขา ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เลื่อนลอยราวกับมีหลุมดำอยู่อีกต่อไป แค่เพียงยังดูเย็นชาเล็กน้อยเท่านั้น “แล้วไม่ดีหรือขอรับ”
ลู่เซวียนนิ่งอึ้ง
ย่อมต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มแสนไร้เดียงสาและดูบริสุทธิ์ของเสี่ยวอวี่
เขาคิดถึงเด็กน้อยฉาวอวี่คนนั้นไม่น้อย ลู่ฉาวอวี่ที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเอาไว้ได้
หวังเพียงว่าสักวันจะมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั่นอีกครั้ง
จู่ ๆ เขาก็เริ่มรู้สึกไม่อยากจะไล่มู่ซืออวี่ออกไปอีกแล้ว
ถึงอย่างไรเสีย นางก็เป็นแม่ของเด็กทั้งสอง เด็ก ๆ ก็มองนางเป็นแม่ และนางยังเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถมอบความอบอุ่นให้กับลู่ฉาวอวี่ได้
“ข้าพาลู่เซวียนไปพบท่านหมอครั้งนี้ ต้องจ่ายค่ายาห่อละ 10 ตำลึง ต้องใช้ยาทั้งหมด 3 ห่อ ราคาทั้งหมด 30 ตำลึง บ้านเรามีเงินแค่ 10 ตำลึงเท่านั้น ต้องหาหยิบยืมจากเพื่อนมาก่อนอีก 20 ตำลึง” ลู่อี้อธิบายอยู่ด้านหลังมู่ซืออวี่
หญิงสาวที่กำลังคัดแยกผักอยู่ก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะเอามือกุมหน้าอกด้วยความตกใจ “ข้าตกใจหมดเลย เหตุใดจู่ ๆ มายืนพูดอยู่ด้านหลังแบบนี้เล่า”
นางจะต้องหาเงินที่เหลือมาคืนสินะ
เจ้าของร่างนี้ไม่น่าจะเป็นคนขี้โกงถึงเพียงนั้นหรอก
นางเพิ่งจะมาถึงโลกนี้ ยังไม่ทันปรับตัวให้เข้ากับร่างกายนี้ได้ดีนักก็ต้องมาหาเงินใช้หนี้เสียแล้วหรือ
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังวุ่ยวายอยู่กับความคิดในหัว ลู่อี้ก็โยนอะไรบางอย่างใส่อ้อมแขนของนาง
สีหน้าของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยความสงสัย นางเปิดกระเป๋าใบนั้นออกแล้วเทเงิน 15 เหวินออกมา
“เงินส่วนตัวของข้ามีอยู่เท่านี้” ลู่อี้อธิบายเพิ่ม
มู่ซืออวี่มีแววประหลาดใจ “ให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...