“เฉิงเฉวียน พรุ่งนี้บ้านพี่อี้ขึ้นบ้านใหม่ เจ้าจะให้อะไร?”
ลู่เหลียงที่ถือถังมูลสัตว์เดินผ่านประตูบ้านเฉิงเฉวียนร้องถาม
เฉิงเฉวียนกำลังซ่อมรูบนตะกร้าหวายเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ไปล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปบ้านพ่อตาน่ะ”
ลู่เหลียงตอบกลับมาว่า “ได้ยินว่าพ่อตาเจ้าถูกงูกัด พิษแพร่กระจายตอนส่งไปยังโรงหมอ ถึงแม้จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ก็กลายเป็นอัมพาตแล้ว ควรไปดูอยู่บ้างจริง ๆ”
เฉิงเฉวียนกระอึกกระอัก “ใช่”
ลู่เหลียงเดินออกมาได้ไม่นาน คนในหมู่บ้านที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็เอ่ยขึ้น “ถามผิดแล้ว บ้านเขาล่วงเกินลู่อี้ ตอนนี้จะกล้าไปบ้านลู่อี้ได้อย่างไร ปกติยังต้องคอยหลบหน้าให้มากหน่อยด้วยซ้ำ”
“พี่อี้ไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว” ลู่เหลียงกล่าว “ขอแค่เพียงภายหน้าพวกเขาไม่เล่นลูกไม้อีกก็ไม่เป็นไรแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสร้างความลำบากให้กัน”
“จริงสิ กิจการหมูตุ๋นของหมู่บ้านจ่ายเงินปันผลแล้ว พวกเจ้าได้หรือยัง?”
ครั้นเอ่ยถึงกิจการร้านหมูตุ๋นของหมู่บ้าน คนมากมายในหมู่บ้านล้วนยิ้มแย้มเบิกบาน สนิทชิดเชื้อกับคนบ้านลู่อี้มากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรเสียร้านหมูตุ๋นของหมู่บ้านนี้ก็เกิดขึ้นได้เพราะมู่ซืออวี่ขายสูตรให้หัวหน้าหมู่บ้าน
กิจการร้านค้าหมูตุ๋นของหมู่บ้านดีขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่เข้าร่วมกับร้านตั้งแต่เริ่มต้นล้วนได้รับเงินปันผลแตกต่างกันไปตามจำนวนเงินที่ลงขัน แต่ละคนได้รับคนละ 5 ตำลึงถึง 10 กว่าตำลึงต่อเดือน
“พี่สาวของข้าก็ลำบากเช่นกัน เลี้ยงของกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนั้นขึ้นมา” อวี๋ซื่อนั่งด่าอยู่ในลานบ้าน “ในตอนนั้นกิจการร้านหมูตุ๋นของหมู่บ้านก็ไม่ให้ครอบครัวพวกเราเข้าร่วม ตอนนี้แม้แต่งานขึ้นบ้านใหม่ก็ไม่เชิญพวกเรา ข้าเป็นผู้ใด? ข้าเป็นป้าแท้ ๆ ของลู่อี้ คนใจคอโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่าเช่นนี้ ข้าจะดูว่าเขาจะเป็นขุนนางได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว”
“ท่านแม่ ไม่ต้องพูดแล้ว” หญิงสาวข้าง ๆ เอ่ยเกลี้ยกล่อม “หากถูกได้ยินเข้าละก็…”
“ได้ยินก็ได้ยินไปสิ แล้วอย่างไร เขายังคิดจะจับข้าเข้าคุกเข้าตะรางอีกหรือ? ข้าจะดูซิว่าเขาจะกล้าไหม!” อวี๋ซื่อยืดคอ “พรุ่งนี้เขาจะขึ้นบ้านใหม่ ข้าจะไปดูซิว่าเขาจะกล้าไล่ข้าออกมาหรือไม่”
คนในหมู่บ้านว่าอย่างไร มู่ซืออวี่และลู่อี้ไม่มีแม้แต่เวลาจะพูดคุยกัน พวกเขาเชิญคนเสร็จก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบและข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างสำหรับพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น ลู่อี้พาเฟิงเจิงและคนอื่น ๆ มา สถานที่ก็จัดเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วจากการลงแรงช่วยกันของทุกคน
ลู่เจินเจินและเฉินซื่อมาเยี่ยมเยือน สามีของเฉินซื่อและลูกชายก็มาด้วย
ตอนนี้ครอบครัวของพวกนางขายช่วนช่วนได้กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เนื้อผ้าที่สวมใส่บนร่างกายย่อมไม่เหมือนแต่ก่อน บนผมของลู่เจินเจินยังมีปิ่นปักผมสีเงิน บนข้อมือก็สวมใส่กำไลเงินวงหนึ่ง
หันกลับไปมองเฉินซื่อ นางมักจะสวมใส่เครื่องประดับบนผมและบนข้อมืออยู่แล้ว ทว่าใบหน้าตอนนี้มีเลือดฝาดตามประสาคนไม่อดอยาก
ชาวบ้านเข้ามาในงานเลี้ยงคนแล้วคนเล่า เมื่อพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวเฉินซื่อก็ล้วนอิจฉา
“หากพูดให้น้อยลงหน่อย ทำความดีให้มากขึ้น พระโพธิสัตว์ย่อมต้องมองเห็น จะต้องไม่ให้คนจิตใจดีงามต้องลำบากเป็นแน่ ดูเฉินซื่อกับลู่เจินเจินสิ แต่ก่อนโน้นช่วยฉาวอวี่กับอวิ๋นเอ๋อร์อยู่บ่อย ๆ นี่ไม่ใช่ว่าสวรรค์ประทานพรหรือ!”
เฉินซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราล้วนเป็นคนโชคดี ขอแค่มีโอกาส ชีวิตจะต้องผ่านไปด้วยดีแน่นอน”
“ได้ยินว่ากิจการร้านค้าหมูตุ๋นดีมาก ป้าจวงได้ปันผลถึง 10 ตำลึงเงิน” ลู่เจินเจินพูดขึ้นมา “อิจฉาป้าจวงจริง ๆ กิจการของพวกท่านใหญ่โต พวกเราเดินเร่ขายช่วนช่วนไปทีละบ้าน ต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา”
“เราก็เหมือนกัน”
เฉินซื่อส่งสายตาชื่นชมให้ลู่เจินเจิน
“พี่สะใภ้ ข้าจะไปช่วยพี่สะใภ้อี้” ลู่เจินเจินลุกขึ้น
“ไปเถอะ” เฉินซื่อพยักหน้าให้
ทันทีที่ลู่เจินเจินจากไป จวงซื่อก็เอ่ยปากถาม “น้องสาวสามีเจ้าอายุอานามก็ไม่เด็กแล้ว ดูครอบครัวเหมาะ ๆ ไว้แล้วหรือยัง?”
“ข้ายังไม่ได้คิดเลย” เฉินซื่อตอบ
“พวกเจ้ากับครอบครัวลู่อี้มีความสัมพันธ์ดีไม่น้อย เหตุใดไม่ให้ลู่อี้ช่วยมองดูเจ้าหน้าที่ทางการในศาลาว่าการสักคนให้ลู่เจินเจินเล่า?” จวงซื่อกล่าวต่อไป “หากสำเร็จแล้วละก็ น้องสามีบ้านเจ้าก็โชคดีเลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...