ภายในห้องนอน มู่ซืออวี่เช็ดผมไปพลาง คิดเรื่องลู่ฉาวอวี่ไปพลาง
ลู่อี้เห็นนางเหม่อลอย กระทั่งเขาเดินเข้ามานานแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาจึงคว้าผ้าจากมือนางมาเช็ดผมให้
“เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งถามเจิ้งหาน เขาเป็นเด็กตรงไปตรงมาขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ยอมบอกเหตุผลที่ต่อยตีให้ข้าฟัง เจ้าว่าอีกสักสองสามวัน ข้าควรไปสำนักศึกษาเหวินชางสักเที่ยวดีหรือไม่?”
“ที่เขาไม่ยอมพูดย่อมมีเหตุผล พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาสาเหตุ”
ลู่อี้ไม่เคยคิดว่าลู่ฉาวอวี่เป็นเด็กไม่รู้ความ บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์ในวัยเยาว์ เด็กคนนั้นจึงโตมาอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับปีศาจ ความคิดความอ่านนำเด็กในวัยเดียวกันไปมากโข
มู่ซืออวี่หันกลับมามองลู่อี้ที่อยู่ด้านหลัง “ข้าจะเอาของไปให้ท่านอาจารย์ คงแค่ถามเรื่องความคืบหน้าในการเรียนของพวกเขา ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่พวกเขาไปต่อยตีกัน”
ผมสีดำสนิทของลู่อี้ปรกลงมาบนใบหน้า พอใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ทั่วทั้งตัวก็ราวกับไม่เคยแปดเปื้อนฝุ่นผงบนโลกมนุษย์ บดบังดวงตาคมกริบคู่นั้นเอาไว้มิดชิด
นางตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ ราวกับเห็นคุณชายน้อยจากสกุลหนึ่ง สง่างามเกินอาจเอื้อม
จากมุมนี้ นางสามารถมองเห็นขนตางอนยาวชัดเจน มือคู่นั้นกำลังขยับเช็ดผมให้นางอย่างตั้งใจ การกระทำของเขาช่างนุ่มนวล ทั้งยังสง่าเสียจนสายตาของนางแทบจะพร่ามัว
รอยแผลเป็นของเขาดูเหมือนจะจางลงไปมากแล้ว หากไม่มองดูดี ๆ ก็คงไม่เห็นแม้แต่น้อย
ชายผู้นี้ช่างแปลกจริง ๆ มีขี้ผึ้งดี ๆ เช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ใช้ตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงดีขึ้นนานแล้ว
“หากเจ้าไม่วางใจ เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน”
“ข้าไปคนเดียวก็ได้ ท่านมีงานมากมาย…”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” ลู่อี้เกลี่ยนิ้วไปตามเรือนผมของนาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลง กระซิบที่ข้างหู “เขาเป็นลูกชายของเราสองคน ข้าจะปล่อยให้เจ้าต้องเลี้ยงดูเพียงลำพังได้อย่างไร”
ยามลมหายใจร้อนผะผ่าวรินรดลงบนใบหู มู่ซืออวี่ก็รู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา
นางสัมผัสใบหูของตน หลบเลี่ยงสายตาร้อนแรงของเขา
“วันนี้ข้าได้ยินบางอย่างมา” มู่ซืออวี่ลูบชายเสื้อของตน “ท่านอยู่ที่ศาลาว่าการ ได้ยินอะไรบ้างหรือไม่?”
“เรื่องสกุลหลี่น่ะหรือ?”
มู่ซืออวี่พยักหน้ารัว ๆ ลืมแล้วว่าผมของนางยังอยู่ในมือของลู่อี้ ผลที่ได้คือแทบจะกระชากผมตนเอง
“อ๊ะ!”
สีหน้าของนางบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
ลู่อี้รีบปล่อยมือแล้วลูบศีรษะนาง
ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะให้นางอย่างอ่อนโยน รอให้นางหายเจ็บแล้วจึงเอ่ยว่า “ให้ข้าดูซิ มีรอยแดงตรงไหนหรือไม่”
มู่ซืออวี่ปล่อยให้เขาเกลี่ยผมอย่างว่าง่าย
“ข่าวลือเหล่านั้นไม่เป็นผลดีกับท่าน ท่านมีวิธีจัดการหรือไม่? ข้าไม่อยากให้ท่านรักษาตำแหน่งขุนนางไว้ไม่ได้เพราะเรื่องนี้” มู่ซืออวี่ถอนหายใจ
“มีข้าอยู่ เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” ลู่อี้เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้สั่นคลอนตำแหน่งของข้าไม่ได้”
“แต่ว่า…”
ลู่อี้ยังคงลูบศีรษะนางเบา ๆ “ไปนอนเถอะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว”
คืนนั้นมู่ซืออวี่รู้สึกจิตใจระส่ำระส่ายเป็นอย่างมาก ปกติแล้วนางจะรู้สึกเขินอายยามใกล้ชิดกับลู่อี้ ทว่าคืนนี้ เมื่อนางได้แนบชิดอยู่ในอ้อมอกของลู่อี้และได้ยินเสียงหัวใจของเขา จิตใจถึงสงบลง
ลู่อี้รอให้มู่ซืออวี่หลับไปแล้วค่อยลืมตาขึ้น
ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขาจะอยู่ในศาลาว่าการ แต่ก็ยังมีคนเล่าลือไปถึงหูของเขา เขาจะไม่ทราบได้อย่างไร
ชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจ นึกไม่ถึงว่ามันจะกระทบกับมู่ซืออวี่อย่างใหญ่หลวง ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียแล้ว
เขาเอียงหน้า ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของนาง “นอนเถิด ข้าจะเก็บกวาดให้หมดสิ้นภายในสองวัน”
…
ลู่ฉาวอวี่ขอลาหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านหนึ่งวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...