ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 221

มู่ซืออวี่มาที่ริมแม่น้ำพร้อมกับอ่างไม้ นางนำเสื้อผ้าที่ใส่แล้วออกมาแล้วเริ่มลงมือซัก

ตอนแรกมีหญิงสาวและหญิงชรามากมายซักผ้าอยู่ที่นี่ พวกนางถือโอกาสนี้เข้ามาพูดคุย

“แม่ฉาวอวี่ กิจการของพวกเจ้ากำลังไปได้ดีเลยนะ วันนั้นข้าเดินผ่านไป เห็นว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเชียวล่ะ!”

“พอใช้ได้จ้ะ กิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ”

“ไม่น้อยแล้ว เก้าอี้หนึ่งตัว 1 ตำลึงเงิน โต๊ะหนึ่งตัว 2 ตำลึงเงิน ราคาไม่ใช่ถูก ๆ คนอย่างเรา ๆ ซื้อไม่ไหวหรอก”

มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

“ครอบครัวของพวกเจ้านับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าหาเงินได้ สามีของเจ้าก็เป็นขุนนาง เด็ก ๆ ที่บ้านเจ้ายังได้เล่าเรียนหนังสืออีก ในหมู่บ้านพวกเรามีแต่เจ้าแล้วจริง ๆ”

“พี่หวัง ช่วงนี้ครอบครัวของพวกท่านก็ร่ำรวยขึ้นเหมือนกันมิใช่หรือ ข้าเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของท่านแล้ว นั่นเป็นของร้านยวลกลิ่นอิสตรีใช่หรือไม่?”

“รวยขึ้นที่ใดกัน ก็เหมือนแต่ก่อนมิใช่หรือ” หวังซื่อลูบดอกไม้มุกบนผมนางเล่น

“โธ่เอ๊ย ดอกไม้มุกนี่ท่านใช้เงินไป 5 ตำลึงเงินกระมัง ยังกล่าวว่าไม่ได้รวยขึ้นอีก ครอบครัวท่านแต่ก่อนเป็นเช่นไรพวกเราจะไม่รู้หรือ”

“นั่นสิ พวกเราไม่ใช่ว่าจะยืมเงินท่านเสียหน่อย จะปิดบังไปไย ท่านบอกพวกเรามาเถอะ ท่านรวยขึ้นได้อย่างไร?”

หวังซื่อบิดผ้า แล้วโยนลงในอ่างข้าง ๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “พวกเจ้าไปถามแม่ฉาวอวี่สิ ข้าจะเทียบกับนางได้อย่างไร?”

หลังจากหวังซื่อไปแล้ว คนในหมู่บ้านก็เริ่มนินทาหวังซื่ออีกครั้ง

มู่ซืออวี่ไม่ร่วมวงพูดคุยกับพวกนาง แต่ก็ได้ยินข่าวลือมาไม่น้อย

หมู่นี้หวังซื่อจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของมากมาย แม้แต่เนี่ยนตี้ ลูกสาวที่นางชิงชังก็ยังซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ แสดงว่านางหาเงินได้จริง ๆ

ครั้นเอ่ยถึงเนี่ยนตี้ หวังไฉ่เหลียน หลานสาวของหวังซื่อระยะนี้ไม่ได้ตามตอแยลู่เซวียนอีกต่อไปแล้ว เช่นนี้ก็ดี หลบเลี่ยงปัญหาไปได้อีกหนึ่งอย่าง

หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเดินถืออ่างมา ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางมีลับลมคมใน “พวกท่านได้ยินหรือยัง? เกิดเรื่องกับหลี่ต้าหลางแล้ว”

“หลี่ต้าหลางมีเรื่องหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”

“ได้ยินว่าไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับแม่ม่ายเจี่ยที่กระท่อมเล็ก ๆ ในหมู่บ้านน่ะสิ สุดท้ายก็ถูกคนรักของแม่ม่ายเจี่ยจับได้ ก็เลยหักขาที่สามของเขาแล้ว”

“ขาที่สามรึ คิกคิก”

มู่ซืออวี่เก็บเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับอ่างไม้ในอ้อมแขน

“มีสามีเป็นขุนนางนี่ไม่เหมือนคนอื่นจริง ๆ ดูซิว่านางครึ้มอกครึ้มใจเพียงใด?”

“นั่นสิ”

คำนินทาเหล่านั้นไม่กระทบอารมณ์มู่ซืออวี่แม้แต่น้อย ธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด หากทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน เช่นนั้นก็ไม่มีใครคิดร้ายอะไร หากมีครอบครัวหนึ่งอยู่ระดับสูงกว่า คงเลี่ยงคำครหาไม่ได้ แม้แต่พี่น้องแท้ ๆ ยังเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคนนอก

มู่ซืออวี่กลับมาถึงบ้านก็กำลังตากผ้า ทว่าสักพักก็มีคนมาเคาะประตู

ลู่จื่ออวิ๋นจึงพาเสี่ยวเฮยไปเปิดประตู

“ท่านอาอัน” ลู่จื่ออวิ๋นร้องเรียกเมื่อเห็นคนที่มาหา

มู่ซืออวี่หันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นอันอี้หาง “คุณชายอัน ท่านนั่งรอสักครู่ ข้าใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ไม่รีบร้อน” อันอี้หางไม่กล้ามองมู่ซืออวี่ตรง ๆ ตั้งแต่เขารู้ตัวว่าตนคิดอะไรแปลก ๆ

เขาสุ่มเลือกม้านั่งหินตัวหนึ่งแล้วนั่งลง

ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปข้างในครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกมาพร้อมกับกาน้ำร้อนในมือ

“ขอถามสักคำได้หรือไม่ พี่เซี่ยอยู่ในบ้านลู่มีสถานะอะไร?”

“เขาทำสัญญากับข้าห้าปี หลังจากห้าปีแล้วก็จากไปได้ เขาไม่ใช่ทาส แต่เป็นสหายของพวกเรา เรื่องนี้วางใจได้ อันอวี้แต่งเข้ามาแล้วก็จะเป็นสหายของพวกเรา มาอยู่กับพวกเรา พวกเราจะไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย หากคุณชายอันเป็นห่วงน้องสาว ท่านก็สามารถมาเยี่ยมนางได้ตลอด อย่างไรเสียพวกเราก็อยู่ใกล้ ๆ กัน แม่ท่านปฏิบัติต่ออันอวี้อย่างไรท่านก็รู้ พวกเราคงไม่ต้องคอยดูแลแม่ท่านใช่หรือไม่?”

“ยิ่งไปกว่านั้น สินสอดจำนวน 100 ตำลึงเงิน หากแม่ท่านรู้จักจัดการให้ดี นางก็สามารถใช้เงินนี้ไปสร้างกิจการเล็ก ๆ ได้ นั่นไม่ยิ่งดีกว่าหรือ?”

“100 ตำลึง?” อันอี้หางขมวดคิ้ว

อวี้ซื่อไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้

ไม่แปลกใจว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้กระตือรือร้นเรื่องแต่งงานของอันอวี้ อีกทั้งวันนี้ท่าทีที่มีต่ออันอวี้จึงดีเช่นนี้ คงเพราะรู้ว่าลูกสาวคนนี้จะนำผลประโยชน์งาม ๆ มาให้นาง

“ใช่ เงินนี้พวกเราเต็มใจให้ แต่ท่านจะต้องบอกแม่ของท่านให้ชัดเจน ในเมื่อพวกเรามอบเงินออกไปแล้ว นางมีเรื่องอะไรก็ไม่อาจมาร้องขออันอวี้ได้อีก”

ในตอนที่อันอี้หางนำคำพูดเหล่านี้มาถ่ายทอดให้อวี้ซื่อฟัง อวี้ซื่อก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“ครอบครัวลู่หมายความว่าอย่างไร? กลัวว่าข้าจะไปขอเงินพวกเขาหรือ?”

อันอี้หางเอ่ยเบา ๆ “ท่านแม่คงไม่ทำใช่หรือไม่?”

“ข้า…” อวี้ซื่อกระดากอายขึ้นมา

นางอาจจะไม่ไปหาคนครอบครัวลู่ แต่นางจะไปหาอันอวี้ อันอวี้เป็นลูกสาวของนาง เหตุใดนางจะไปขออาหารกับลูกสาวของนางไม่ได้?

“ท่านแม่ ท่านอย่าได้คิดเช่นนั้นจะดีที่สุด” อันอี้หางเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่เซี่ยเป็นคนรับใช้ของครอบครัวลู่ ทุกสิ่งที่เขามีเป็นของเจ้านาย หากท่านบุ่มบ่ามไปแตะต้องสิ่งของในบ้านของพวกเขา เช่นนั้นก็อาจถูกส่งตัวให้ทางการได้ทันที”

“อันที่จริงข้าคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสม ถึงแม้เซี่ยคุนจะเป็นคนดีแต่ก็เป็นคนรับใช้ น้องสาวของพวกเราแต่งเข้าไปก็เป็นคนรับใช้ หากภายหน้าพวกเขามีลูกก็จะเป็นคนรับใช้เช่นกัน”

อันอี้หางตั้งใจเอ่ยขจัดความคิดเอาแต่ได้ของอวี้ซื่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย