บ่ายวันถัดไป มู่ซืออวี่วางหนังสือดีที่หอหนังสือหงเหวินส่งมาให้ในพื้นที่ของสมนาคุณ จากนั้นวางป้ายที่มีรูปวาดเชื้อเชิญไว้ตรงประตู ในนั้นระบุว่าหากซื้อมากกว่า 20 ตำลึงเงิน จะได้รับ ‘คันฉ่องสองด้าน’ เล่มพิเศษเป็นของสมนาคุณ
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว นางจึงตรวจงานที่มอบหมายให้ลูกศิษย์ทั้งหมดกลับไปทำเพื่อดูความคืบหน้าล่าสุดของคนงาน
เซี่ยคุนนำห่อผ้าห่อหนึ่งมาส่งให้มู่ซืออวี่
“นี่อะไร?” มู่ซืออวี่รู้สึกสงสัย เมื่อนางเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเสื้อผ้าสตรีชุดหนึ่ง
มองดูแล้วชุดสตรีนี้โปร่งบางมาก แน่นอนว่าไม่ใช่ขนาดตัวของนาง แต่จู่ ๆ นางก็รู้สึกอยากแกล้งเขาขึ้นมา
“ให้ข้าหรือ? เสื้อผ้าชุดนี้สวยจริง ๆ” มู่ซืออวี่นำไปทาบบนตัวนาง
เซี่ยคุน “…”
เขาจ้องหน้านางเขม็ง ประหนึ่งกำลังบอกว่า ‘นี่เจ้าโง่เง่าเต่าตุ่นไปแล้วหรือ?’
มู่ซืออวี่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็หมดสนุก รีบวางเสื้อผ้าชุดนั้นลง
“เสื้อผ้าชุดนี้ตัดเย็บไม่เลว ราคาคงไม่ใช่ถูก ๆ กระมัง?”
“ไม่แพง”
“ไม่แพงจริง ๆ นั่นแหละ สินสอด 100 ตำลึงก็จ่าย เสื้อผ้า 2 ตำลึงเงินจะแพงอย่างไรกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ยเย้า
“นาง….จะชอบหรือไม่?” เซี่ยคุนกังวลใจ
“ท่านคงไม่ได้ประหม่าใช่หรือไม่? โถ พ่อคนดี นี่เป็นประวัติการณ์จริง ๆ! พี่ใหญ่เซี่ยถึงกับตกประหม่า หายากยิ่งกว่าสายฝนสีแดงเสียอีก”
เซี่ยคุนคว้าเสื้อผ้าชุดนั้นขึ้นมา ยัดใส่อ้อมแขนของนางอีกครั้ง
“ท่านคงไม่ได้หวังให้ข้าเอาไปมอบให้นางแทนท่านใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น “พี่ชาย ตอนนี้นางเป็นคู่หมั้นคู่หมายของท่านแล้ว ท่านอยากให้อะไรก็ให้ได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกแล้ว”
“ข้าไม่รู้ว่าต้องเอาไปให้อย่างไร” เซี่ยคุนยังคงไม่สบายใจ
“ท่านก็หอบเอาเสื้อผ้านี้ไป คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วเอ่ยกับนางด้วยความรักใคร่ ‘เสี่ยวอวี้ เจ้าจะใส่เสื้อผ้าที่ข้าซื้อมาหรือไม่’ เช่นนี้ก็ได้แล้ว”
มุมปากของเซี่ยคุนกระตุก เขามองนางราวกับนางเป็นคนโง่
มู่ซืออวี่หัวเราะคิกคัก “หากไม่อยากฟังข้า เหตุใดต้องมาถามข้า? นำเสื้อผ้าหนึ่งชุดไปมอบให้นั้นต้องมีคำพูดมากมายเพียงนั้นเชียวหรือ? ท่านก็แค่นำไปให้ก็พอแล้ว”
หัวคิ้วของเซี่ยคุนขมวดจนแทบจะบี้แมลงวันให้ตายได้แล้ว
ตอนที่เขาเห็นชุดนี้ก็คิดว่า หากนางสวมใส่มันจะต้องน่ามองมากเป็นแน่ เขาจึงตัดสินใจซื้อมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากซื้อมาแล้วก็เกิดปัญหา ไม่รู้ว่าควรมอบให้นางอย่างไร
มู่ซืออวี่ไม่สนใจเขาอีก ไม่ว่าเขาจะตามติดนางเพียงไร นางก็จะไม่นำไปส่งให้
“พี่สะใภ้” จางโม่หลานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้าน “ท่านรีบกลับไปที่บ้านเถอะ ที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่วางเครื่องเรือนไม้ในมือลง
“ข้าไม่อาจอธิบายให้ชัดเจนได้ในไม่กี่คำ วันนี้พี่อี้ยุ่งหรือไม่ หากไม่ยุ่งก็เรียกเขากลับไปด้วยเถอะ!” จางโม่หลานกล่าว
มู่ซืออวี่หันมองเซี่ยคุน “พวกเรากลับบ้านเถอะ ระหว่างทางแวะศาลาว่าการกันก่อน ดูว่าสามีข้ากลับไปด้วยได้หรือไม่”
เป็นไปดังคาด ไม่ว่าลู่อี้จะยุ่งเพียงใด เมื่อได้ยินว่าที่บ้านเกิดเรื่องเขาก็กลับมาด้วยทันที
มู่ซืออวี่และจางโม่หลานขึ้นรถม้าที่เซี่ยคุนบังคับ ลู่อี้นั่งอยู่ในรถม้าที่จือเชียนบังคับ ส่วนต้าจู้ที่บังคับเกวียนวัวมานั้นให้เขาค่อย ๆ ตามหลังกลับไป
ภายในรถม้า จางโม่หลานเล่าสิ่งที่นางรู้ให้มู่ซืออวี่ฟัง
“คนในหมู่บ้านเห็นถงซื่อและหลินต้าจ้วงนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แม่เฒ่าเจียงบอกว่าหลินต้าจ้วงมาหามู้ต่าไห่ พอดีกับที่ถงซื่อกลับบ้านมาหาของที่เคยเก็บไว้ที่นั่นพอดี จึงได้ยั่วเย้าหลินต้าจ้วงและทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกัน แม่ของท่านตื่นมาก็ร้องห่มร้องไห้ นางกลับไปถึงบ้าน พยายามแขวนคอตนเอง โชคดีที่แม่สามีของข้าเป็นห่วงก็เลยไปหานาง ช่วยนางเอาไว้ได้ ท่านหมอจูรีบร้อนมาหาข้ากับสามีที่กำลังจะเข้าเมืองพอดีจึงให้มาบอกท่าน ตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“ขอบคุณเจ้ามาก ไม่รู้ว่าข้าต้องตอบแทนพวกเจ้าอย่างไรดี” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างจริงใจ “เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ ควรให้ท่านหมอจูมาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
“ตอนนั้นข้ากำลังเป็นกังวล คิดว่าหากเขามาเพียงลำพังแล้วกล่าวได้ไม่ชัดเจนจะทำอย่างไร ข้ายังไม่ทันได้คิดอะไรมากมายก็ปีนขึ้นเกวียนวัวมาตามแล้ว”
จางโม่หลานลูบท้องของนาง
ทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่กำลังโจษจันกันเรื่องนี้ เมื่อเห็นรถม้าของครอบครัวลู่แล่นกลับมา แต่ละคนก็เงียบปาก หยุดพูดคุยกันทันที
แม่เฒ่าเจียงตักน้ำจากในครัวมาหนึ่งกระบวย
นั่นก็คือน้ำจากบ่อ ยังไม่ได้ต้มให้สุก มู่ตงหยวนเห็นกระบวยที่ใช้ตักน้ำมาเต็มไปด้วยฝุ่นผง ไม่รู้ว่ากระบวยนี้ไม่ได้ทำความสะอาดมานานเพียงใดแล้ว
เพียงแค่มองสิ่งที่สกปรกโสโครกเป็นที่สุดนี้ มู่ตงหยวนก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาทันที เขารีบผลักแม่เฒ่าเจียงออก
เคร้ง!
กระบวยในมือนางหล่นลงบนพื้น น้ำสาดกระเซ็นไปทุกหนทุกแห่ง บางส่วนยังกระเด็นไปบนตัวของแม่เฒ่าเจียง
“ตงหยวน เจ้าเจ็บแผลหรือ?” แม่เฒ่าเจียงไม่โกรธ แต่กลับนึกเป็นห่วงบาดแผลของมู่ตงหยวนขึ้นมา
สายตาของมู่หยวนลุกเป็นไฟ ถลึงตามองแม่เฒ่าเจียงอย่างดุร้าย “หุบปาก!”
“ได้ ๆ ข้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้ว” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยละล่ำละลัก
“ที่บ้านมีอะไรให้กินบ้าง?” เขาหิวแทบตายแล้ว นางไม่เห็นหรือ?
นับวันยิ่งไม่มีประโยชน์แล้วจริง ๆ
“ข้าวที่เหลือเพียงน้อยนิดกินหมดแล้วเมื่อวานนี้ เหลือแค่เพียงมันเทศสองหัวแล้ว”
“เช่นนั้นไปซื้อมา”
“ที่บ้านเราไม่เหลือเงินแล้ว”
เงินทั้งหมดถูกมู่ต้าไห่และภรรยาเอาไปหมดแล้ว
มู่ตงหยวนจ้องแม่เฒ่าเจียง “หลายปีมานี้ข้าให้เงินไม่ใช่น้อย ๆ กระมัง?”
แม่เฒ่าเจียงหลุบตาลงแล้วเอ่ยปาก “พี่ใหญ่เจ้ากับพี่สะใภ้หนีไปแล้ว เงินภายในบ้านทั้งหมดถูกพวกเขาหอบหนีไปหมดสิ้นแล้วล่ะ”
มู่ตงหยวนหลงลืมไปนานแล้วว่าตนไม่ได้กลับบ้านมานานมากจึงไม่ได้เห็นมารดา ตอนที่แม่เฒ่าเจียงเข้าเมืองไปหาเขา เขาก็ไม่ได้เจอหน้านาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
รออ่านบทต่อไปนานแล้ว...
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...