สรุปเนื้อหา บทที่ 231 อันอวี้ถูกตี – ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดย ฮั่วลั่วหยิง
บท บทที่ 231 อันอวี้ถูกตี ของ ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ในหมวดนิยายเวลาเดินทาง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ท่านแม่…” อันอวี้ยืนอยู่ที่ประตู นาง ‘มอง’ ไปทางมารดาอย่างกระวนกระวายใจ
อวี้ซื่อปรายตามองอันอวี้ด้วยความเฉยชา “เหตุใดจึงออกมาอีก ยังขายขี้หน้าไม่พออีกรึ!”
อันอวี้เมินคำตำนิของมารดาแล้วถามหวังซื่อ “ท่านบอกว่าท่านได้ยินพี่ซืออวี่และน้าถงคุยกัน ได้ยินได้อย่างไรหรือจ๊ะ?”
“ข้าบังเอิญได้ยินน่ะ” หวังซื่อตอบ
“ได้ยินเมื่อไหร่ ได้ยินที่ไหน แล้วเหตุใดจึงพูดออกมา?” อันอวี้ ‘มอง’ อีกฝ่ายด้วยท่าทีแข็งกร้าว
หวังซื่อถูกดวงตาที่ไม่จดจ่อที่ใดเป็นพิเศษของอันอวี้จ้องมอง ก็พลันรู้สึกถึงไอเย็นเยียบราวกับกำลังจะจับไข้
ได้ยินได้อย่างไรน่ะหรือ? วันนั้นมู่ซืออวี่และเซี่ยคุนกำลังปรึกษากันเรื่องนี้ ประตูบ้านปิดไม่สนิท นางที่เดินผ่านไปย่อมได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา
แน่นอนว่าสิ่งที่นางพูดออกมาไม่มีทางเป็นเรื่องจริง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางกุขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีนังหญิงชั่วช้าคนนั้น
หวังซื่อเห็นว่าจุดประสงค์ของตนบรรลุแล้วก็ไม่คิดที่จะอยู่อีกต่อไป นางเพียงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ “ข้ายังมีเรื่องต้องทำที่บ้าน ข้าไปก่อนล่ะ”
สิ้นคำนั้นก็ถือชามถอนตัวออกไป นางไม่ได้ตั้งใจจะมอบเต้าหู้ถ้วยนั้นให้อยู่แล้ว เพียงแค่คิดจะสาดโคลนใส่คน ทำให้ผู้อื่นไม่มีความสุขเท่านั้นเอง
ปัง!
อวี้ซื่อปิดประตูอย่างแรง ประตูบ้านสั่นกึก ๆ อยู่สองสามครั้ง ฝุ่นผงจำนวนมากร่วงกราวลงบนพื้น อวี้ซื่อมองจนแน่ใจว่ามันจะไม่พังลงมาจึงได้เดินกลับเข้าไป
“ท่านแม่ พี่ใหญ่เซี่ยคุนไม่มีวันฆ่าคน” อันอวี้เอ่ยอย่างอ่อนแรง
“นี่ยังไม่แต่งงาน แต่ตอนนี้เจ้ากลับเริ่มพูดแทนเขาแล้ว หากเขาฆ่าคนแล้วจริง ๆ เจ้าจะมิช่วยเขาฝังศพหรอกหรือ?” อวี้ซื่อไม่พอใจ
“เขาไม่ใช่คนเช่นนั้น พี่ใหญ่ลู่ก็ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นเช่นกัน…”
เพียะ!
ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนหน้าอันอวี้
หญิงสาวมองไม่เห็น แต่นางสัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดมาพร้อมกับฝ่ามือ ตามมาด้วยความเจ็บแสบที่แล่นผ่านใบหน้า
นางกุมแก้มของตน ได้แต่หลั่งน้ำตาเงียบ ๆ
น้ำตาเหล่านั้นราวกับไข่มุก ร่วงหล่นลงมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า
“การแต่งงานครั้งนี้ยุติแล้ว” อวี้ซื่อเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“การแต่งงานเป็นเรื่องระหว่างสองครอบครัว ไม่ใช่เรื่องที่ท่านอยากจะล้มเลิกก็ล้มเลิกได้ หลายวันนี้มานี้นำอาหารของครอบครัวลู่มาทาน ทั้งหมดก็ควรส่งคืนใช่หรือไม่? อีกอย่างเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป เรื่องเพิ่งเกิดขึ้น ท่านกลับหลีกเลี่ยงเพราะกลัวตนจะถูกสงสัยเสียแล้ว เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผู้อื่นเขาคิดว่าครอบครัวอันของเราไม่รู้คุณคนหรือ? หากเป็นเช่นนี้แล้ว จะไม่มีผู้ใดด่าท่านพี่ด้วยหรือเจ้าคะ?”
“ตอนนี้เจ้ามีครอบครัวลู่หนุนหลังจึงกล้าเถียงข้าสินะ ปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ เป็นดังคาด คนแซ่เซี่ยผู้นี้แต่งงานด้วยไม่ได้ มิเช่นนั้นต่อไปเจ้าคงถึงขั้นไม่รู้จักแม่ของเจ้าแล้ว เจ้าคนแซ่เซี่ยมีดีอะไรกัน ก็แค่คนใช้คนหนึ่ง เจ้าแต่งไปก็จะกลายไปเป็นคนใช้ เจ้ากลับทำเหมือนเขาเป็นของหายากเสียอย่างนั้น”
“พี่ใหญ่เซี่ยเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ก่อนหน้านี้ท่านยังเป็นฝ่ายส่งของไปให้บ้านลู่เอง บัดนี้เกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ลู่ ท่านกลับหันหลังให้เขาแล้ว”
“หุบปาก!”
เพียะ!
ฝ่ามือตบลงมาอีกหนึ่งฉาด
อวี้ซื่อมองใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์นั้น พลางนึกถึงตอนที่ลูกชายต่อต้านนางเพื่อลูกสาวคนนี้ ในใจก็ยิ่งเกิดความเกลียดชังมากกว่าเดิม
อันอวี้แสดงสีหน้าดื้อดึง
นับตั้งแต่พ่อของนางจากไป นางมักจะระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้ซื่อเสมอ กลัวว่าจะเผลอไปทำให้มารดาไม่พอใจแล้วเกลียดตนมากขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้นางไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!
ไม่ว่านางจะทำดีกับท่านแม่เพียงใด เชื่อฟังมากแค่ไหน ท่านแม่ก็ไม่มีวันชอบนาง พี่ใหญ่เซี่ยและพี่สาวมู่ใจดีกับนาง อวิ๋นเอ๋อร์ก็ยังน่ารัก นางอยากแต่งงานกับเซี่ยคุน นางอยากได้ครอบครัวที่ธรรมดาแต่อบอุ่นครอบครัวนั้น แม้พี่ใหญ่เซี่ยจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนจริง ๆ นางก็ยินดีที่จะรอเขาอยู่ที่บ้าน
อันอวี้เงียบลงแล้ว อวี้ซื่อจึงรู้สึกโล่งใจ
ดูสิ เพียงแค่ถูกตี ตอนนี้ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำแล้ว
ทว่าคำพูดของอันอวี้กลับเตือนสตินางว่านางไม่อาจถอนหมั้นตอนนี้ได้จริง ๆ มิเช่นนั้นครอบครัวอันของนางจะถูกด่าทอว่าเป็นคนไม่รู้คุณคน
ตอนนี้เหยาซื่อและคนอื่น ๆ พาอันอวี้มาถึง มู่ซืออวี่วุ่นวายอยู่กับการทักทายทุกคน ตั้งใจว่าจะรอให้แขกกลับไปก่อนค่อยไปสอบถามสถานการณ์ของลู่อี้อีกครั้ง
ในห้องขัง ลู่อี้พลิกหน้าหนังสือหน้าแล้วหน้าเล่า
“จู่ปู้ลู่ มีคนมาหาท่าน”
ลู่อี้ขมวดคิ้วมุ่น
เขาได้ยินนักการเกาบอกว่าเฉินเซียนเฉิงจงใจสร้างความยุ่งยากให้ครอบครัวของเขา ไม่ให้ฮูหยินเข้ามาหา เขาจึงเขียนจดหมายไปเพื่อให้นางสบายใจ
ตอนนี้เหตุใดจึงปล่อยให้คนเข้ามาแล้ว?
“จู่ปู้ลู่” เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องขังอันเยือกเย็น
ในห้องขังยังมีนักโทษคนอื่นอยู่
พอมีแม่นางน้อยหน้าตางดงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้น อีกทั้งยังเป็นคุณหนูที่แต่งกายสวยงามผู้หนึ่ง ทุกสายตาล้วนจับจ้องบนร่างของเฉินซือจวิน
“คุณหนูเจ้าคะ” สาวใช้ข้างกายเฉินซือจวินตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เฉินซือจวินก็กลัวเช่นกัน แต่ไม่ได้หันหลังกลับ นางมองลู่อี้แล้วเอ่ยว่า “จู่ปู้ลู่ ข้านำของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ท่าน”
“คุณหนูเฉิน ข้าขอไม่รับไว้ ไร้ผลงานไม่รับของตอบแทน” ลู่อี้เอ่ยอย่างเย็นชา
“ท่านไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วจริง ๆ”สาวใช้เอ่ยขึ้น “คุณหนูของพวกเราได้ยินเรื่องของท่านก็รีบมาที่นี่ทันทีแท้ ๆ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เฉินซือจวินตำนิสาวใช้คนนั้นแล้วจึงหันมาเอ่ยกับลู่อี้ “ท่านวางใจเถอะ ข้าจะขอให้ท่านตาช่วย ใต้เท้าฉินคงต้องไว้หน้าท่านตาบ้างใช่หรือไม่?”
“คุณหนูเฉิน เจียงเหล่ามาที่นี่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่ควรให้เขาต้องมากังวล ท่านอย่าได้รบกวนเขาเลย เรื่องของข้า ข้าจะจัดการเอง” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ
“ข้าอยากช่วยท่าน” ดวงตาของเฉินซือจวินรื้นน้ำ ราวกับมีธารน้ำใสไหลเย็นคลออยู่ ขับให้นางดูนุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ต้องขอรับ ข้าและคุณหนูเฉินไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน เรื่องของข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านเป็นห่วง” ลู่อี้ตัดบทด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วอ่านหนังสือในมือต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
รออ่านบทต่อไปนานแล้ว...
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...