อ่านสรุป บทที่ 242 บ้านเป็นของเจ้า ข้าก็เป็นของเจ้า จาก ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดย ฮั่วลั่วหยิง
บทที่ บทที่ 242 บ้านเป็นของเจ้า ข้าก็เป็นของเจ้า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายเวลาเดินทาง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ในห้องเหลือเพียงมู่ซืออวี่และลู่อี้
บรรยากาศในห้องเงียบลงครู่หนึ่ง ความกระอักกระอ่วนพลันก่อตัวขึ้นมา นางรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
มู่ซืออวี่เห็นเขาจ้องนางอย่างโง่งม จึงแสร้งโมโหกลบเกลื่อน “ท่านมองอะไร? ยังต้องออกไปดื่มสุรากับแขกอีกไม่ใช่หรือ? ข้าบอกพี่ใหญ่เซี่ยแล้ว เขาจะช่วยดูไม่ให้ท่านดื่มเยอะ ท่านก็อย่าเออออตามคนอื่นเขาล่ะ ดื่มไม่ไหวก็แสร้งทำเป็นเมาเสีย เช่นนี้พวกเขาก็จะปล่อยท่านแล้ว”
“ได้ ข้าจะฟังฮูหยิน” ลู่อี้กอบกุมใบหน้าของนางแล้วจูบลงบนหน้าผากนางหนึ่งครั้ง “รอข้ากลับมา”
สิ้นคำนั้น เขาก็หันหลังแล้วสาวเท้าออกไป ราวกับมีคนกำลังไล่ตามเขาเสียอย่างนั้น
มู่ซืออวี่ทำเสียงฮึดฮัด นางยกมือขึ้นแตะแก้มร้อนผะผ่าวของตน จากนั้นจึงล้มตัวนอนลงบนเตียง
“อ๊ะ…” กวานบนผมนางทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
นางลุกขึ้นนั่ง ถอดกวานบนศีรษะออกก่อน หลังจากถอดเครื่องประดับหนัก ๆ เหล่านั้นออกแล้ว ทั้งร่างกายก็พลันรู้สึกเบาโหวง สบายตัวขึ้นอย่างมาก
“พี่สะใภ้อี้” ลู่เจินเจินเดินถือบัวลอยเข้ามา “ข้าเอาบัวลอยหมักสุรามาให้ท่านรองท้องก่อน อีกประเดี๋ยวพี่อี้กลับมาค่อยทานกับท่าน”
“ไม่ต้องดูแลข้าหรอก เจ้ารีบไปทานข้าวเถอะ” มู่ซืออวี่รับบัวลอยหมักสุราจากมือของลู่เจินเจินมา
“พี่สะใภ้อี้ ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน” ลู่เจินเจินกอดแขนของมู่ซืออวี่ “เมื่อครู่นี้มีแขกมาใหม่สองคน ข้าได้ยินว่าพวกเขาคือนักการเกากับเสมียนเวินอะไรสักอย่าง พวกเขาสองคนแต่งงานหรือยังจ๊ะ?”
มู่ซืออวี่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าคงไม่ได้ชอบพอพวกเขาใช่หรือไม่?”
ลู่เจินเจินแลบลิ้น “ข้าก็แค่ถามดู!”
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา เจ้าชอบแบบนักการเกาหรือชอบแบบเสมียนเวิน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามพลางตักบัวลอยหมักสุราทานหนึ่งคำ
วันนี้เป็นวันทำงานปกติ หลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านไปสองชั่วยามก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว
ลู่เจินเจินเม้มปาก “นักการเกาแต่งงานแล้วหรือยัง?”
“เจ้าชอบนักการเกาหรือ?” มู่ซืออวี่รู้สึกประหลาดใจ
เวินเหวินซงดูสุภาพนุ่มนวล อีกทั้งยังดูเป็นคนอารมณ์ดี แม่นางน้อยส่วนมากชอบคนประเภทนี้
ส่วนนักการเกา เขาทั้งคมเข้มทั้งแข็งแรง พูดจาค่อนข้างหยาบกระด้างเสียงดัง โดยเฉพาะเมื่อถูกสายตาคู่นั้นของเขาจ้องมอง กระทั่งเด็กทารกยังตกใจจนร้องไห้
“พี่สะใภ้อี้ไม่รู้อะไร” ลู่เจินเจินนั่งลงข้าง ๆ “กิจการช่วนช่วนของพี่ชายกับพี่สะใภ้ของข้าไม่ได้ราบรื่นอยู่เสมอ”
“ตอนแรกที่เปิดก็พอได้เงินบ้าง แต่พอเป็นเช่นนี้ก็เริ่มทำให้คนอิจฉา มีคนที่มาสร้างความยุ่งยากให้พวกเรามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเจ้าถิ่น มากินแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน อีกทั้งยังมาหาเรื่องพวกเรา พวกเราคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราอาจจะต้องกลับไปทำไร่ทำสวนเหมือนเดิมแล้ว แต่นักการเกาช่วยขับไล่พวกเขาไประหว่างที่เขากำลังลาดตระเวน ทั้งยังคอยช่วยดูแลกิจการของพวกเรา”
“เจ้าถิ่นเหล่านั้นพอเห็นนักการมาร้านพวกเราบ่อย ๆ ก็ไม่กล้าก่อเรื่องอีก กิจการของพวกเราจึงเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีเขาเป็นผู้มีบุญคุณกับเรา พวกเราจึงไม่คิดเงินเขา แต่เขายังยืนกรานจะจ่ายเงินให้ได้ ทุกครั้งที่มากินก็จ่ายเงินทุกครั้ง กิจการของพวกเราจึงดีขึ้น”
“กล่าวเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดจะตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกายงั้นหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยล้อ
“ข้าก็แค่ถาม! แทนที่จะให้พี่ชายและพี่สะใภ้หาให้ข้า มิสู้ข้าหาคนที่ชอบเองไม่ดีกว่าหรือ หากข้าหาคนที่ชอบเจอ วันข้างหน้าของข้าจะได้สบายขึ้นหน่อย”
“ข้าก็ไม่รู้ว่านักการเกาแต่งงานแล้วหรือยัง หากมีโอกาสเหมาะ ๆ ข้าจะถามให้” มู่ซืออวี่กล่าวยิ้ม ๆ “เจ้ารีบออกไปดื่มสุราเถอะ อย่าเอาแต่หิวอยู่เลย”
ลู่เจินเจินบรรลุเป้าหมายของตนแล้ว ทั้งยังรู้สึกหิวขึ้นมาจริง ๆ นางจึงออกไปหาของกิน
มู่ซืออวี่ทานบัวลอยหมักสุราแล้วก็วางถ้วยไว้บนโต๊ะ เอนตัวพิงหน้าต่างมองออกไปข้างนอก
เสียงครื้นเครงจากแขกเหรื่อที่กำลังสังสรรค์ดังคลอไปกับเสียงหรีดหริ่งเรไรในสวน ลมหวีดหวิวหอบกรุ่นหอมจาง ๆ พัดผ่านหน้านางอย่างแผ่วเบา
ที่แท้ในสวนแห่งนี้ก็มีการปลูกดอกไม้หลายชนิดที่นางชอบ ดอกไม้บานชูช่อ กำจายกลิ่นหอมเข้ามา สร้างความทรงจำแสนสุขให้นางไม่น้อย
“ระวัง” เซี่ยคุนและจือเชียนพยุงลู่อี้เข้าประตูมา
“ฮูหยิน นายท่านดื่มจนเมามายแล้วขอรับ” จือเชียนกล่าว
“วางไว้บนเตียงก่อน ต้องขอบคุณพวกเจ้าแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ส่วนแขกคนอื่น ๆ ข้าคงต้องรบกวนให้พวกเจ้าช่วยดูแล”
“ไม่มีปัญหาขอรับ” จือเชียนรับคำอย่างรู้ความ “หากข้าไม่ไหวก็ยังมีพี่เซี่ย พี่เซี่ยเป็นเซียนสุราเชียวนะขอรับ”
มู่ซืออวี่นำน้ำแกงสร่างเมาเข้ามาแล้วปิดประตู
“มาดื่มน้ำแกงก่อน” มู่ซืออวี่ดึงลู่อี้ขึ้นมา
ลู่อี้พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง “เจ้ายังไม่ได้กินอะไรกระมัง? ข้าจะกินด้วยกันกับเจ้า”
เมื่อนางกินจนอิ่มแล้ว เขาก็จะได้กินนางดี ๆ เสียที
เขาหิวโหยมาเนิ่นนานก็เพื่อรอวันเข้าหอ เพื่อจะได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะมื้อนี้เสียที
อาหารมาส่งนานแล้ว ตอนนี้แทบจะเย็นหมดแล้ว โชคดีที่อาหารบางอย่างเป็นอาหารจานเย็น ยังพอกล้อมแกล้มทานได้
มู่ซืออวี่ทานบัวลอยหมักสุราเข้าไปถ้วยหนึ่งแล้วจึงไม่หิวมากนัก นางทานอาหารอย่างละสองสามคำ หลังจากซดน้ำแกงที่อุ่นบนเตาเล็ก ๆ ถ้วยหนึ่ง อาหารมื้อนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว
ลู่อี้ทานไปเพียงไม่กี่คำเพราะเขาดื่มสุราลงไปมากมายแล้ว จึงเพียงใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาคำสองคำระหว่างดื่มก็อิ่มแล้ว
“รอเดี๋ยว…” มู่ซืออวี่เห็นลู่อี้อุ้มนางขึ้นมาจึงรีบเอ่ย “พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำ”
“เอาไว้อาบด้วยกันทีหลัง” เสียงที่ลู่อี้ตอบมานั้นแหบพร่า
เปลวเทียนสีแดงกำลังเริงระบำ ภายใต้แสงเทียนสีแดง ลู่อี้ค่อย ๆ เปลื้องผ้านางออกทีละน้อย เมื่อเห็นผิวขาวราวกับหยกนั้น สายตาของเขาพลันลึกล้ำขึ้นมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มู่ซืออวี่ใกล้ชิดกับลู่อี้เช่นนี้ เพียงแต่ครั้งนี้นางไม่กล้าสบตาที่กำลังแผดเผาคู่นั้นของเขา
ลู่อี้ค่อย ๆ พรมจูบลงบนลาดไหล่นาง ริมฝีปากบางทิ้งรอยรักรอยแล้วรอยเล่าไว้บนร่างกาย
นี่เป็นอาณาเขตของเขา
เขาเป็นดั่งราชาแห่งสัตว์ร้าย ประกาศก้องถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ในอาณาเขตของตน
เส้นผมสีดำแผ่สยายพัวพัน ร่างกายทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกัน เสียงครวญครางราวกับลูกแมวน้อยผสานไปกับเสียงคำรามของราชาแห่งสัตว์ร้ายดังสะท้อนในค่ำคืนอันเงียบงัน ราวกับวสันตฤดูนี้ไม่มีวันสิ้นสุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
รออ่านบทต่อไปนานแล้ว...
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...