มู่ซืออวี่ยกยิ้มให้ลู่อี้ “ขอบใจเจ้ามาก”
ขอบคุณที่เขาเชื่อนาง แม้ว่าเหตุผลของนางจะดูเกินจริงก็ตาม
คนฉลาดอย่างลู่อี้จะมองไม่เห็นข้อแก้ตัวง่อย ๆ ของนางได้อย่างไร แต่ที่เขาไม่ได้เผยให้เห็น นั่นก็เพราะความอ่อนโยนของเขาเองต่างหาก
เดิมทีลู่อี้ทั้งเกลียดชังทั้งเอือมระอาเจ้าของร่างเดิมจนกระทั่งนางตาย แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาอบอุ่นขึ้นแล้ว และความสัมพันธ์ของนางกับลูกทั้งสองคนก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของเขาได้หรือไม่
หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าของร่างเดิมที่เสียไปเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
ครึ่งปี…
เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้วงั้นหรือ?
ไม่ ๆ นางจะคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
ในเมื่อต้องมาขลุกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว นางก็ต้องหาวิธีทำลายสถานการณ์นี้ให้ได้ เจ้าของเดิมก็คือเจ้าของเดิม นางก็คือนาง พวกนางไม่เหมือนกัน โชคชะตาก็ต้องไม่เหมือนกัน
แล้วก็พวกเขา…
ลู่อี้ก็ดี ลู่ฉาวอวี่ก็ดี ลู่จื่ออวิ๋นก็ดี จนถึงตอนนี้พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ดีมาก ๆ จะให้พวกเขาใช้ชีวิตที่มืดมนอย่างนี้ได้อย่างไรกัน
นางต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขามีความสุข ยิ่งความสุขเพิ่มขึ้นมากเพียงใด อัตราความเป็นไปได้ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น
“ต่อให้พี่ชายของข้าดูดีแค่ไหน เจ้าก็อย่ามองเขาขนาดนี้ พวกเรายังอยู่นี่ น่าไม่อายเสียจริง” ลู่เซวียนขัดจังหวะความคิดของมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ฮึมฮัมเสียงเบาพร้อมทั้งหันมองไปทางลู่อี้ เพียงแค่หันไปมอง ติ่งหูของเขาก็แดงขึ้นมา
“ข้าไม่ได้มองเจ้าเสียหน่อย แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ข้าไปทำงานล่ะ”
พอถงซื่อและมู่เจิ้งหานออกมาจากบ้านตระกูลมู่ และมาใช้ชีวิตกับลูกสาวอยู่ที่บ้านของตระกูลลู่ หญิงสาวในหมู่บ้านต่างก็อดไม่ไหวที่จะซุบซิบนินทา อยากรู้ว่าทั้งสองจะสามารถอยู่กับคนตระกูลลู่ได้หรือไม่
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประตูทางเข้าของบ้านตระกูลลู่มีคนเดินเข้าเดินออกอยู่ตลอด ครั้นคนตระกูลลู่ออกมาพบ เหล่านักเผือกก็ทำเป็นเฉไฉไม่รู้เรื่อง ฝีมือการแสดงเช่นนี้บอกเลยว่าให้ราคาได้มากสุดแค่ 5 เหมา
หลังจากที่ลู่อี้ตักน้ำแล้วก็ขึ้นไปยังภูเขาเพื่อตัดไม้ ตอนที่ร่างกายอันแข็งแกร่งแบกท่อนไม้ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน เหล่าสตรีต่างมองแขนล่ำ ๆ ที่กำลังออกแรงพร้อมกับกลืนน้ำลาย ด้วยเหตุนี้คำพูดที่แพร่กระจายในวงนินทาก็สามารถสร้างจินตนาการทุกชนิดจนสามารถรวบรวมเป็นหนังสือได้ โดยเฉพาะร่างกายที่สูงใหญ่กำยำของลู่อี้กับร่างอ้วนท้วมตัวเตี้ยของมู่ซืออวี่แล้ว ภาพในจินตนาการนั้นก็ทำให้พวกเขาไม่ผิดหวัง
“ข้าเดิมพันกับเจ้าไว้สูงสุดห้าวัน สองคนนั้นจะต้องโดนขับไล่ออกมาแน่นอน ลู่อี้มีน้องชายที่กำลังป่วยอยู่หนึ่งคน มีลูกชายกับลูกสาวอีกสองคน อีกทั้งยังมีผู้หญิงขี้เกียจกินเก่งชอบเอาเปรียบอีกหนึ่งคน ตอนนี้ยังต้องมาเลี้ยงแม่ยายกับน้องเมียอีก ถือเป็นการรังแกคนซื่อสัตย์ชัด ๆ เลย”
“ลู่อี้เป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจ ไม่ใช่แค่ห้าวันแน่นอน ข้าขอพนันว่าสิบวัน”
“ข้าขอพนันว่าหนึ่งเดือน ถึงลู่อี้จะไม่มีความสุข แต่เขาก็จะไม่เผยให้ใครเห็นหรอก ดูสิ เขายังต้องเลี้ยงดูแม่ยายกับน้องเมียอีกตั้งหนึ่งเดือน แค่นี้ก็แย่มากพอแล้ว”
“ใช่แล้ว เจ้าได้ยินมาว่าสภาพบ้านตระกูลมู่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“เมื่อก่อนหานเอ๋อร์ต้องทำงานในบ้าน ส่วนมู่ต้าไห่กับมู่ต้าซานทำงานในนา วันนี้ได้ยินแม่เฒ่าเจียงโวยวายอยู่ในบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าเจ็บเอวแปลบ ๆ นี่แหละ แต่สะใภ้ใหญ่ของนางยังนอนหลับจนตะวันส่องก้น ข้าเพิ่งเคยเห็นพี่สะใภ้ใหญ่บ้านนั้นโดนด่า แม่หานเอ๋อร์เพิ่งจะออกไป สะใภ้ใหญ่ลำบากแย่ หลังจากนี้ยิ่งแย่แน่”
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานช่วยกันหอบฟืนลงภูเขาไป เมื่อลู่ฉาวอวี่เกิดลื่นขึ้นมา มู่เจิ้งหานก็รีบเข้ามาดึงไว้
“ขอบคุณขอรับ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นเบา ๆ
มู่เจิ้งหานไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ไม่ต้องขอบใจ ข้าดูแลเจ้าเพราะความจำเป็น”
“ท่านคือท่านน้าของข้า ท่านอาวุโสกว่าข้า ไม่ต้องระมัดระวังตัวอย่างนั้นหรอก ข้าไม่ได้จะกินท่านเสียหน่อย” ลู่ฉาวอวี่กระชับฟืนบนหลังแล้วออกเดินทางต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...