แม่เฒ่าเจียงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว น้ำตาหลั่งไหลลงมาอาบสองแก้ม
นางคลานเข้ามา จับลูกกรงเหล็กไว้ มองมู่ซืออวี่อย่างวิงวอน “ซืออวี่ ข้าขอร้องเจ้าล่ะ ได้โปรดช่วยอี้เอ๋อร์ด้วย ข้าขอร้อง”
“ท่านทำผิดร้ายแรงเพียงนี้ ข้าช่วยท่านไม่ได้หรอก” มู่ซืออวี่ตอบอย่างไม่แยแส
“สามีของเจ้าเป็นนายอำเภอ โทษสถานใดก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขาไม่ใช่หรือ? ซืออวี่ ข้าเป็นย่าของเจ้า เจ้าช่วยข้าเถอะ ใช่ แต่ก่อนข้าไม่ดีกับเจ้า ต่อไปข้าจะเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้า หากเจ้าบอกให้ข้าไปทิศตะวันออก ข้าจะไม่ไปทิศตะวันตก ข้าจะเป็นบ่าวรับใช้เจ้า ขอแค่เพียงเจ้าช่วยชีวิตข้า ช่วยชีวิตพี่ชายของเจ้า ไม่ว่าเรื่องใดข้าล้วนเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง”
“โอรสสวรรค์ทำผิดยังโทษเทียบเท่าสามัญชน เหตุใดท่านจึงคิดว่าตนจะเป็นข้อยกเว้น?” มู่ซืออวี่มองแม่เฒ่าเจียงแล้วเอ่ยเบา ๆ “ไม่มีผู้ใดช่วยพวกท่านได้หรอก หากรู้ว่ามีวันนี้ เหตุใดยังคงทำเช่นนั้น”
แม่เฒ่าเจียงเห็นว่ามู่ซืออวี่ไม่ช่วยตนแน่แล้ว ก็ได้แต่ตะโกนตามหลัง “มู่ซืออวี่ เจ้าอย่าได้ชะล่าใจไป! ต้องมีสักวันที่เจ้าอับโชค สามีของเจ้าเป็นขุนนางแล้ว เจ้ายังคิดว่าเขาจะยังชอบหญิงบ้านนอกบ้านนาอย่างเจ้าหรือ! ถึงตอนนั้นเขาอยากมีสตรีมากน้อยเพียงใด เขาก็จะมีตามที่เขาต้องการ เจ้าไม่ควรค่าแม้กระทั่งเป็นสาวใช้ผู้หนึ่งของเขาด้วยซ้ำ”
“เจ้า! นังหญิงแพศยาอกตัญญู เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดี ข้าขอสาปแช่งให้ชีวิตนี้ของเจ้าถูกหย่าร้าง ปีศาจที่เจ้าเบ่งออกมาสองตัวนั่นจบไม่สวยแน่”
นักการเกามองลู่อี้ที่อยู่ข้างเขาอย่างกระอักกระอ่วน
เดิมทีพวกเขามาไต่สวนนักโทษอีกคดีหนึ่ง แต่กลับพบมู่ซืออวี่เข้าพอดี บนตัวของลู่อี้ยังมีเลือดหลงเหลืออยู่ พวกเขากลัวว่าจะทำให้นางตกใจจึงหลบอยู่ในมุมมืด นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับฉากนี้
ยายเฒ่าแซ่เจียงผู้นั้นคงเบื่อหน่ายชีวิตแล้วจริง ๆ นางกล้าก่นด่าสาปแช่งถึงขั้นนี้ เป็นคนโง่เขลาที่ไม่กลัวตายโดยแท้
“ในเมื่อนางพูดคำพูดน่าฟังไม่เป็น เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่อี้มองนักการที่รับผิดชอบเฝ้าห้องขังนิ่ง ๆ “เส้นทางที่ถูกเนรเทศไปลำบากเล็กน้อย หากนางหุบปากเสีย นางอาจจะรอดชีวิตไปถึงที่หมาย”
“ขอรับ ขอรับ” นักการรับคำสั่ง
ลู่อี้เดินออกไปข้างนอก
นักการคนนั้นมองนักการเกาแล้วกระซิบกระซาบ “สหายเกา ที่ใต้เท้าเอ่ยว่า ‘ไม่ต้องพูด’ คือ…”
“เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่มามากกว่าสิบปี ยังต้องให้ข้าสอนว่าทำให้คนผู้หนึ่ง ‘หยุดพูด’ อย่างไรอีกหรือ? ใต้เท้าบอกว่า ‘หยุดพูด’ ความหมายตรงตามตัวอักษร หญิงผู้นี้จิตใจอำมหิต เจ้าทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสีย”
สองสามวันมานี้มู่ซืออวี่ไม่ได้ออกไปนอกศาลาว่าการบ่อยนัก
เพื่อมู่เจิ้งอี้ลูกชายที่ล้ำค่าของตนแล้ว ถังซื่อและมู่ต้าไห่จะต้องมาหานาง ขอให้นางช่วยเหลืออย่างแน่นอน มู่ซืออวี่คร้านจะตอแยกับพวกเขา จึงทำเพียงหลบเลี่ยงไม่พบใครจนกว่าจะรู้วันเนรเทศของมู่เจิ้งอี้และแม่เฒ่าเจียง
“ฮูหยิน ถังซื่อและมู่ต้าไห่มาหานายท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านคาดเดาได้อย่างไรเจ้าคะ นายท่านไม่ได้พบพวกเขา แต่สั่งโบยพวกเขาสิบไม้ก่อน จากนั้นโยนพวกเขาออกนอกประตูเจ้าค่ะ” จื่อซูเอ่ยอย่างตื่นเต้น
จื่อเยวี่ยนที่กำลังจัดช่อดอกไม้ที่ตัดมาจากในสวนเอ่ยขึ้นเบา ๆ “สองคนนี้โง่งมจริง ๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแล้ว เหตุใดต้องมาหาเรื่องให้เดือดร้อนด้วย?”
“พวกเขาไม่ได้โง่เขลา เพียงแต่ไม่ยินยอม อายุปูนนี้แล้ว ลูกชายไม่อยู่ ลูกสาวก็หายตัวไป ไม่มีใครให้พึ่งพิงอีก คิดว่าต่อไปพวกเขาจะทำอย่างไรเล่า” มู่ซืออวี่กล่าว
ถงซื่อและหูโม่ลี่ใช้เวลาอันเงียบสงบอยู่ในเรือนลู่สองสามวัน
หูโม่ลี่ไม่ได้ปิดบังถงซื่อ นางบอกเล่าเรื่องมารดาให้ฟัง ถงซื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทว่าท้ายที่สุดก็ตัดสินใจทำตามที่มู่ซืออวี่จัดการ
ในเมื่อนางไม่รู้จะจัดการอย่างไร เช่นนั้นก็ปล่อยให้คนที่รู้จัดการ ระยะนี้ถงซื่อนับว่าเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว นางไม่ใช่คนฉลาดเฉลียว ไม่ว่าเรื่องใดล้วนทำได้ไม่ดี แต่เรื่องเชื่อฟังลูกสาว นางย่อมทำได้
“พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่แม่เฒ่าเจียงและมู่เจิ้งอี้ถูกเนรเทศแล้ว”
คืนนั้น ลู่อี้กล่าวกับมู่ซืออวี่ที่อยู่ในอ้อมแขน
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปดูเสียหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าอยากเห็นพวกเขาออกจากโลกของพวกเราไปด้วยสายตาตนเอง ต่อจากนี้ไป หูของข้าก็จะสงบแล้ว ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว”
“ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”
“ท่านไม่ยุ่งอยู่หรือ?”
“มีเวลาน้อยนิดที่ยังพอออกมาได้บ้าง”
มู่ซืออวี่ซุกเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...