บ่าวรับใช้นำชามาให้
เวินเหวินซงทำท่าทางเชื้อเชิญ “เชิญจิบชา”
โจวป๋อเหวินกล่าวขอบคุณ
หลังจากจิบชาไปอึกหนึ่ง โจวป๋อเหวินก็เริ่มอธิบายจุดประสงค์ของตน
“ใต้เท้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? ตระกูลโจวของเราทำการค้าอย่างซื่อสัตย์สุจริต พวกเราย่อมไม่กล้าทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน”
เวินเหวินซงจิบชาไปพลาง ดวงตาฉายแววเย้ยหยัน
ทำการค้าซื่อสัตย์สุจริต?
หากไม่ใช่เพราะเซี่ยคุนหาข้อมูลมาได้ ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อว่าตระกูลโจวที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้ใจบุญสุนทานจะทำเรื่องสกปรกอยู่ลับ ๆ มากมายเพียงนั้น
“ระยะนี้มีพ่อค้าวาณิชหลั่งไหลเข้ามายังเมืองฮู่เป่ยจำนวนมาก จึงต้องเข้มงวดกวดขันยิ่งกว่าเดิม ท่านเพียงถูกคนเบื้องล่างร้องเรียนมา ตามหลักแล้วอาจไม่มีอะไรผิด”
“ข้าเชื่อว่าพรุ่งนี้คุณชายโจวและตระกูลจะไปที่ศาลาว่าการเพื่อให้รายละเอียดที่จำเป็น หากมีข้อสงสัยใด ๆ ข้าจะส่งคนไปเชิญคุณชายโจวมาถามไถ่ วันนี้เย็นมากแล้ว คุณชายโจวรีบพักผ่อนจะดีกว่า”
โจวป๋อเหวินเห็นเวินเหวินซงมีท่าทีสุภาพ ทั้งสิ่งที่กล่าวมาก็มีเหตุผล จึงผ่อนคลายลงได้มาก
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนใต้เท้าปลัดอำเภอช่วยดูแลแล้ว” โจวป๋อเหวินเอ่ย จากนั้นจึงเหลียวมองผู้ติดตามของตน
ผู้ติดตามส่งกล่องใบเล็ก ๆ กล่องหนึ่งให้ทันที
“นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ใต้เท้าปลัดอำเภอโปรดรับไว้”
เวินเหวินซงไม่ขยับเขยื้อน ทว่าบ่าวข้างกายเขากลับยื่นมือออกไป
บ่าวรับใช้รับกล่องไว้แล้วเอ่ยว่า “ผู้น้อยจะไปส่งคุณชายโจวกลับ เชิญทางนี้ขอรับ”
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ส่งโจวป๋อเหวินกลับไปแล้ว เวินเหวินซงก็ตะโกนออกไปด้านนอก “รีบนำอาหารมาเร็วเข้า! ข้าหิวจะตายแล้ว”
บ่าวรับใช้กลับมาระหว่างเวินเหวินซงกำลังรับประทานอาหาร
เขานำกล่องออกมาวางตรงหน้าเวินเหวินซงแล้วเอ่ยว่า “นายท่าน คุณชายโจวผู้นั้นมอบตั๋วเงินให้บ่าวขอรับ”
จากนั้นเขาจึงหยิบตั๋วเงินออกมา
เวินเหวินซงสะบัดมือ “มอบให้เจ้าก็เป็นของของเจ้า”
บ่าวผู้นั้นซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เขาถอยหลังไปสองสามก้าว ยืนอยู่ข้าง ๆ รอให้เวินเหวินซงสั่งการ
เวินเหวินซงรับประทานอาหารด้วยกิริยาท่าทางที่เรียบร้อยยิ่ง เขาเปิดกล่องใบนั้นออกแล้วดูข้างในพลางเดาะลิ้น “ผลงานชั้นเยี่ยม! หินโมราชั้นเลิศถึงเพียงนี้…”
วันต่อมา เวินเหวินซงวางกล่องนั้นลงตรงหน้าลู่อี้
ลู่อี้เหลือบมอง จากนั้นจึงกล่าวว่า “เจ้าเก็บไว้เถอะ”
“ให้ข้าจริง ๆ หรือ?” เวินเหวินซงระแวง ทว่ามือเขาไม่ได้ระแวงด้วย
เขาหยิบกล่องใบนั้นไปกอดไว้ในอ้อมอกไม่ยอมปล่อย “หินโมราชิ้นนี้อย่างน้อยก็มีราคาพันตำลึงเงิน คนแซ่โจวผู้นี้ช่างใจกว้างจริง ๆ กับปลัดอำเภอคนหนึ่งยังใจกว้างถึงเพียงนี้ หากเปลี่ยนมาประจบท่าน ไม่รู้ว่าจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่เพียงใดมาให้”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่าภายหน้าเจ้าจะทำข้อตกลงอะไรกับเขา” ลู่อี้เอ่ยเบา ๆ “ข้าไม่มีเวลาไปสนใจเขา”
“เช่นนั้นสินค้า…”
“คืนให้เขา”
“น่าสงสารคนแซ่โจวผู้นี้ที่ต้องมาตกอยู่ในกำมือท่าน! ยอมรับเลยว่าตระกูลโจวไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริง ๆ ตลอดหลายปีมานี้ พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายมากมาย บางทีตอนนั้นที่กิจการของพ่อแม่ท่านล้มเหลว เกรงว่าตระกูลโจวอาจมีส่วน!”
“ข้าเพียงแค่อยากสืบหาความจริงที่เกิดขึ้นในปีนั้น” ลู่อี้กำพู่กันในมือแน่น
“ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อน” เวินเหวินซงกล่าว “หากพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ พวกเราย่อมไม่ปล่อยไปแน่นอน”
โจวป๋อเหวินยืนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการ เขามองนักการขนสินค้าออกมา โดยมีเวินเหวินซงตามมาด้านหลัง
เขารีบเข้าไปทักทาย เอ่ยกับเวินเหวินซงว่า “ขอบคุณใต้เท้าปลัดอำเภอ”
“เฮ้อ ข้าเป็นเพียงปลัดอำเภอตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ข้าจะกล้าให้ท่านเรียกว่า ‘ใต้เท้า’ ได้อย่างไร? เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าและข้าพบพานครั้งแรกก็คุ้นเคยดั่งสหายเก่า ไม่สู้คบหากันเป็นพี่น้องเป็นอย่างไร ข้าเห็นว่าข้าอายุมากกว่าน้องโจวสองปี เช่นนั้นข้าเป็นพี่ใหญ่ก็แล้วกัน”
“นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว พี่เวิน ข้าต้องขอบคุณท่านมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ หากพอมีเวลาว่าง เช่นนั้นไปดื่มกันสักสองสามจอกเป็นอย่างไร?” โจวป๋อเหวินกล่าว
“ตอนนี้ไม่ได้ ข้ายังมีงานต้องทำ เอาอย่างนี้ ตอนเย็นพวกเราไปดื่มสักสองสามจอกเป็นอย่างไร ถือเสียว่าฉลองที่ได้พบสหายใหม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...