ไป๋เหวยคังส่งสหายกลุ่มหนึ่งออกไป เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ยังรออยู่ตรงนั้นจึงเดินเข้าไปหา
มู่ซืออวี่เห็นดังนั้นก็สาวเท้าเข้าไปเช่นกัน
“ข้าพาคนมากมายเพียงนี้มารบกวน เจ้าคงไม่ถือโทษผู้เฒ่าคนนี้กระมัง?” ไป๋เหวยคังกล่าว
มู่ซืออวี่ค้อมศีรษะลง “เจ้าสำนักโปรดอย่าเอ่ยเช่นนั้น”
“ลู่อี้เรียกข้าว่าอาจารย์ เจ้าก็เรียกข้าว่าอาจารย์เถอะ!” ไป๋เหวยคังเอ่ย “หากเจ้าไม่รังเกียจ…”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีขึงขัง “ท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านที่ทำเรื่องเหล่านี้เพื่อข้า”
“ข้าตื่นตาตื่นใจกับความสามารถของเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากให้ความสามารถของเจ้าถูกกลบเอาไว้ ลานหรรษาแห่งนี้ ภายหน้าจะยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าเดิม ความสามารถของเจ้าควรขจรขจายกว่าที่เป็นอยู่” ไป๋เหวยคังเอ่ย “อีกนานเพียงใดจึงจะไปเมืองหลวง?”
“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวชิงเอ๋อร์โตขึ้นมาก ทั้งยังเดินเตาะแตะได้แล้ว คงพอปรับตัวกับการเดินทางไกลได้ อีกสามเดือนข้าจะจัดงานวันเกิดครบรอบสิบเอ็ดปีให้ฉาวอวี่และเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ที่บ้านเจ้าค่ะ”
“ได้ ถึงตอนนั้นค่อยบอกข้า ข้าคงไม่มาส่งพวกเจ้า พออายุมากขึ้นก็ทนดูฉากแยกจากกันไม่ไหวแล้ว”
“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”
มู่ซืออวี่ยังไม่ทันได้เข้าเมืองหลวงก็เกิดเรื่องสำคัญขึ้นในเมืองฮู่เป่ย บางทีอาจเป็นเพราะเมืองฮู่เป่ยมีชื่อเสียงโด่งดังมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะนับวันยิ่งรุ่งเรืองขึ้น คนมากมายจึงหลั่งไหลมาลงหลักปักฐานที่นี่ เวินเหวินซงนายอำเภอจึงได้รับพระราชโองการให้ควบรวมเมืองเตียนอวี้เข้ามาอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองฮู่เป่ย จากนั้นก็เลื่อนขั้นจากนายอำเภอขั้นเจ็ดเป็นนายอำเภอขั้นหก
“นายอำเภอขั้นหกหรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเลยนะ!” มู่ซืออวี่เอ่ยล้อเวินเหวินซง “อะไรกัน? คิดจะให้เจ้าเลื่อนขั้นเป็นข้าหลวง ทั้ง ๆ ที่คุณสมบัติของเจ้ายังไม่ครบถ้วน สงสัยตำแหน่งนายอำเภอขั้นเจ็ดคงใหญ่ไม่พอที่จะควบคุมอาณาเขตกว้างใหญ่เพียงนั้นได้กระมัง อย่างไรก็เถอะ ข้ายังกังวลอยู่ดี บางทีพวกเขาอาจจะต้องมอบตำแหน่งที่สูงกว่านี้ให้เจ้า หากเจ้าไม่มีอำนาจจัดการภาพรวมจะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นจะไม่กลายเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเกินไปหรือ!”
เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่ซืออวี่ เวินเหวินซงไม่วางท่าอย่างนายอำเภอแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนน้องชายอีกคนของลู่อี้ นางจึงไม่ต่างอะไรจากพี่สะใภ้
“พี่สะใภ้ ท่านมาส่งของขวัญให้ข้าหรือมาหัวเราะเยาะกันแน่?”
“ส่งของขวัญ ๆ” มู่ซืออวี่แตะกล่องที่นางถือเอาไว้ “ถึงอย่างไรก็ได้เลื่อนขั้น นี่เป็นเรื่องน่ายินดี เริ่มจากขั้นหกก็เพียงพอให้คนหวาดกลัวแล้ว! นอกจากนี้ ไม่มีผู้ใดทำได้มาก่อน เจ้าเป็นคนแรกนับแต่โบราณกาลที่ได้เป็นนายอำเภอขั้นหก ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ถึงแม้ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรอาจจะไม่ได้บันทึกแต่ก็อาจจะไปอยู่ในตำนาน!”
“ไม่ใช่ว่าต้องขอบคุณใต้เท้าลู่หรือ เดิมทีการจัดการความวุ่นวายนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขา”
“เจ้าถึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบเมืองฮู่เป่ยต่ออย่างไรเล่า ไม่สิ ต้องเรียกว่า ‘เขตเมืองฮู่เตียน’ ถึงจะถูก ชื่อนี้ได้จากการควบรวมสองเมืองเข้าด้วยกัน ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นต้นคิด แต่รู้ไว้เถิดว่าการได้เป็นนายอำเภอในอาณาเขตกว้างขวางเช่นนี้ มีคนไม่น้อยร้องขอแต่ไม่ได้มา ในสายตาของพวกเขา ตำแหน่งของเจ้าถือเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ที่ไม่อาจกินได้เชียวนะ!”
“อาณาเขตที่ดูแลใหญ่ขึ้น ย่อมมีเรื่องให้ต้องกังวลมากขึ้น”
“นี่ไม่ยิ่งง่ายดายหรือ? เดิมทีเจ้ามีปลัดอำเภอเพียงคนเดียวในมือ บัดนี้มีถึงสองคน เจ้าคอยสังเกตคนทางเมืองเตียนอวี้ให้ดีเสียก่อน หากใช้ได้ก็ใช้ หากใช้ไม่ได้ก็หาคนมาแทน”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดงานเลี้ยงอายุครบสิบเอ็ดปีของเด็กทั้งสองก็มาถึง
วันนี้ มู่ซืออวี่เชิญคนสนิททั้งหมดของนางมาสังสรรค์ที่งานเลี้ยงเล็ก ๆ
ถงซื่อและเจิ้งซูอวี้มาช่วยตั้งแต่เช้าครู่ เฉินซื่อ ลู่เจินเจิน เหยาซื่อ ลู่เหม่ยฉิน และคนอื่น ๆ นั้นไม่นานก็ตามมาเช่นกัน
นี่เป็นทั้งงานวันเกิดและงานอำลา หลังจากทานมื้อนี้แล้ว พวกเขาก็พร้อมที่จะไปจากเมืองฮู่เป่ย มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเพื่อเริ่มต้น ‘ต่อสู้’ ในที่แห่งใหม่
นอกจากสหายเก่าเหล่านี้แล้ว มู่ซืออวี่ยังเชิญไป๋เหวยคัง อาจารย์ของลู่ฉาวอวี่ เหวินอวี่เซวียน พร้อมด้วยศิษย์พี่หญิง และฟ่านอวี๋ อาจารย์ของลู่จื่ออวิ๋นมาด้วย
“พี่ใหญ่เหวิน” ฟ่านอวี๋มิได้พบเหวินอวี่เซวียนเป็นเวลานานแล้ว ทว่าเมื่อพบเขาที่นี่อีกครั้ง ดวงตาของนางไม่ได้ฉายแววยึดติดลุ่มหลงดังเดิมอีกต่อไป
เหวินอวี่เซวียนก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวนางเช่นกัน
“ระยะนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...