ทันทีที่จงซื่อเดินไป ความพึงพอใจบนใบหน้าของแม่เฒ่าเจียงก็หายไป เหลือเพียงแต่ความกังวลเท่านั้น
เหตุใดหญิงผู้นั้นไม่กลับมาร้องไห้อ้อนวอนนาง หากนางไปตาม ถงซื่อจะกลับมาจริงหรือ? แต่ถ้าต้องอ้อนวอนให้กลับมา นางยังจะสั่งผู้หญิงคนนั้นได้อีกหรือ
“เจียวเอ๋อร์” แม่เฒ่าเจียงเรียกมู่ซือเจียวที่กำลังโกรธ
มู่ซือเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง นางหยุดอยู่กับที่แล้วคลี่ยิ้มแห้ง “ท่านย่า ข้าลืมไปว่ายังไม่ได้ขนฟืนกลับมาจากบนภูเขา ข้าไปดื่มน้ำแล้วจะไปแบกนะเจ้าคะ”
“ช่างฟืนมันเถอะ ข้าจะถามเจ้าว่าอาสะใภ้รองของเจ้าถูกตระกูลลู่ขับไล่หรือ?”
แววตาของมู่ซือเจียวเป็นประกาย เมื่อคิดว่าช่วงนี้แม่เฒ่าเจียงเริ่มกังวลก็เข้าใจความหมายของคำถาม
เมื่อครู่เอาแต่จดจ่ออยู่กับการยั่วยุความสัมพันธ์ของบ้านนั้น ลืมไปว่าครอบครัวของถงซื่อมีความสำคัญต่อครอบครัวนี้เพียงใด
ท้ายที่สุดหากไม่มีถงซื่อและมู่เจิ้งหาน นางก็คงจะต้องถูกบังคับให้ทำงาน เมื่อเทียบกับการทำให้พวกเขาบาดหมางกันแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ครอบครัวของถงซื่อกลับมาให้เร็วกว่านี้
“คือว่า” มู่ซือเจียวแสร้งทำเป็นโกรธ “ท่านย่าไม่รู้หรอกว่ามู่ซืออวี่ทำเกินไป ปากบอกว่าจะดูแลอาสะใภ้รองต่อ แต่พวกเขากลับขับไล่อาสะใภ้รองออกไปทันทีที่นางลุกจากเตียงได้ โถ อาสะใภ้รองผู้น่าสงสาร เหตุใดเราไม่ไปรับนางกลับมาล่ะเจ้าคะ?”
นางจะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก
หากทำงานหนักต่อไป นางอาจจะกลายเป็นป้าขึ้นมาสักวัน ถ้ากลายเป็นคนขี้เหร่ตัวใหญ่เทอะทะขึ้นมา นางจะใช้ชีวิตได้อย่างไร?
สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงฉายชัดถึงความสมน้ำหน้าเมื่อมีคนเบิกทาง “ก็สมควรโดนแล้ว! ถ้านางไม่คุกเข่าอ้อนวอนข้าในครั้งนี้ ข้าจะไม่ให้นางกลับมา”
มู่ซือเจียวขมวดคิ้ว
ในที่สุดก็ยอมให้อาสะใภ้รองกลับมาสักที ในเวลานี้ถ้าได้คนกลับมาเร็วก็จะมีคนมาทำงานให้เร็ว ๆ มิใช่หรือ เหตุใดจะต้องพูดแรง ๆ กับอาสะใภ้รองด้วย ถ้าถงซื่อไม่ยอมก็อาจจะไม่กลับมาก็เป็นได้
“ท่านย่า จริง ๆ แล้วข้าคิดว่าอาสะใภ้รองน่าสงสารมาก เหตุใดเราไม่ยกโทษให้นางแล้วพานางกลับมาล่ะเจ้าคะ?” มู่ซือเจียวพูดจูงใจ
“ไม่ ถ้านางอยากกลับมาก็ต้องคุกเข่าอ้อนวอนให้ข้ายกโทษให้สิ ข้าจะได้คิดทบทวนเสียหน่อย” แม่เฒ่าเจียงพูดเสียงแข็ง “ไปแบกฟืนกลับมา ชักช้าไม่ได้ความจริง ๆ”
มู่ซือเจียวได้แต่ฮึดฮัด นางหันไปอีกทางพร้อมสีหน้าแข็งกร้าว แววตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจครอบครัวของตนและความไม่พอใจต่อแม่เฒ่าเจียง
ณ ทุ่งนา
ฉึก! ฉึก!
มู่ต้าซานหยิบจอบขึ้นมาแล้วทุ่มลงบนพื้น บนร่างกายที่บอบบางของเขามีเพียงเสื้อผ้าที่ขาดห้อยรุ่งริ่ง
มู่ต้าไห่นั่งดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้
ถังซื่อลูบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ดูสิ งานที่ทุ่งนาน่าเบื่อจะตายชัก ทำทั้งปีก็เก็บเงินไม่ได้หรอก พี่ชายข้าบอกให้ข้าตามเขาไป”
ถ้าไม่ไปจากที่นี่ นางจะกลายเป็นถงซื่อคนที่สอง นางไม่ต้องการกลายเป็นผู้หญิงที่ต่ำต้อยเหมือนถงซื่อ
มันบังเอิญมากที่พี่ชายของนางเสนอธุรกิจและขอให้นางและมู่ต้าไห่ทำ ไปอยู่ในเมืองที่ครึกครื้น มีอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ มากมาย แน่นอนว่าการทำธุรกิจย่อมดีกว่าอยู่ในชนบทและถูกแม่เฒ่าเจียงทรมานเช่นนี้
“เราไม่มีทุน”
“พี่ชายของข้าจะยืมมาให้”
“พรุ่งนี้ข้าจะไปในเมือง ถามลุงของข้าดู”
“ข้าจะไปด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...