ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 49

สรุปบท บทที่ 49 คุกเข่าสามครั้ง ก้มกราบเก้าครั้ง: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 49 คุกเข่าสามครั้ง ก้มกราบเก้าครั้ง – ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดย ฮั่วลั่วหยิง

บท บทที่ 49 คุกเข่าสามครั้ง ก้มกราบเก้าครั้ง ของ ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ในหมวดนิยายเวลาเดินทาง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทันทีที่จงซื่อเดินไป ความพึงพอใจบนใบหน้าของแม่เฒ่าเจียงก็หายไป เหลือเพียงแต่ความกังวลเท่านั้น

เหตุใดหญิงผู้นั้นไม่กลับมาร้องไห้อ้อนวอนนาง หากนางไปตาม ถงซื่อจะกลับมาจริงหรือ? แต่ถ้าต้องอ้อนวอนให้กลับมา นางยังจะสั่งผู้หญิงคนนั้นได้อีกหรือ

“เจียวเอ๋อร์” แม่เฒ่าเจียงเรียกมู่ซือเจียวที่กำลังโกรธ

มู่ซือเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง นางหยุดอยู่กับที่แล้วคลี่ยิ้มแห้ง “ท่านย่า ข้าลืมไปว่ายังไม่ได้ขนฟืนกลับมาจากบนภูเขา ข้าไปดื่มน้ำแล้วจะไปแบกนะเจ้าคะ”

“ช่างฟืนมันเถอะ ข้าจะถามเจ้าว่าอาสะใภ้รองของเจ้าถูกตระกูลลู่ขับไล่หรือ?”

แววตาของมู่ซือเจียวเป็นประกาย เมื่อคิดว่าช่วงนี้แม่เฒ่าเจียงเริ่มกังวลก็เข้าใจความหมายของคำถาม

เมื่อครู่เอาแต่จดจ่ออยู่กับการยั่วยุความสัมพันธ์ของบ้านนั้น ลืมไปว่าครอบครัวของถงซื่อมีความสำคัญต่อครอบครัวนี้เพียงใด

ท้ายที่สุดหากไม่มีถงซื่อและมู่เจิ้งหาน นางก็คงจะต้องถูกบังคับให้ทำงาน เมื่อเทียบกับการทำให้พวกเขาบาดหมางกันแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ครอบครัวของถงซื่อกลับมาให้เร็วกว่านี้

“คือว่า” มู่ซือเจียวแสร้งทำเป็นโกรธ “ท่านย่าไม่รู้หรอกว่ามู่ซืออวี่ทำเกินไป ปากบอกว่าจะดูแลอาสะใภ้รองต่อ แต่พวกเขากลับขับไล่อาสะใภ้รองออกไปทันทีที่นางลุกจากเตียงได้ โถ อาสะใภ้รองผู้น่าสงสาร เหตุใดเราไม่ไปรับนางกลับมาล่ะเจ้าคะ?”

นางจะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก

หากทำงานหนักต่อไป นางอาจจะกลายเป็นป้าขึ้นมาสักวัน ถ้ากลายเป็นคนขี้เหร่ตัวใหญ่เทอะทะขึ้นมา นางจะใช้ชีวิตได้อย่างไร?

สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงฉายชัดถึงความสมน้ำหน้าเมื่อมีคนเบิกทาง “ก็สมควรโดนแล้ว! ถ้านางไม่คุกเข่าอ้อนวอนข้าในครั้งนี้ ข้าจะไม่ให้นางกลับมา”

มู่ซือเจียวขมวดคิ้ว

ในที่สุดก็ยอมให้อาสะใภ้รองกลับมาสักที ในเวลานี้ถ้าได้คนกลับมาเร็วก็จะมีคนมาทำงานให้เร็ว ๆ มิใช่หรือ เหตุใดจะต้องพูดแรง ๆ กับอาสะใภ้รองด้วย ถ้าถงซื่อไม่ยอมก็อาจจะไม่กลับมาก็เป็นได้

“ท่านย่า จริง ๆ แล้วข้าคิดว่าอาสะใภ้รองน่าสงสารมาก เหตุใดเราไม่ยกโทษให้นางแล้วพานางกลับมาล่ะเจ้าคะ?” มู่ซือเจียวพูดจูงใจ

“ไม่ ถ้านางอยากกลับมาก็ต้องคุกเข่าอ้อนวอนให้ข้ายกโทษให้สิ ข้าจะได้คิดทบทวนเสียหน่อย” แม่เฒ่าเจียงพูดเสียงแข็ง “ไปแบกฟืนกลับมา ชักช้าไม่ได้ความจริง ๆ”

มู่ซือเจียวได้แต่ฮึดฮัด นางหันไปอีกทางพร้อมสีหน้าแข็งกร้าว แววตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจครอบครัวของตนและความไม่พอใจต่อแม่เฒ่าเจียง

ณ ทุ่งนา

ฉึก! ฉึก!

มู่ต้าซานหยิบจอบขึ้นมาแล้วทุ่มลงบนพื้น บนร่างกายที่บอบบางของเขามีเพียงเสื้อผ้าที่ขาดห้อยรุ่งริ่ง

มู่ต้าไห่นั่งดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้

ถังซื่อลูบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “ดูสิ งานที่ทุ่งนาน่าเบื่อจะตายชัก ทำทั้งปีก็เก็บเงินไม่ได้หรอก พี่ชายข้าบอกให้ข้าตามเขาไป”

ถ้าไม่ไปจากที่นี่ นางจะกลายเป็นถงซื่อคนที่สอง นางไม่ต้องการกลายเป็นผู้หญิงที่ต่ำต้อยเหมือนถงซื่อ

มันบังเอิญมากที่พี่ชายของนางเสนอธุรกิจและขอให้นางและมู่ต้าไห่ทำ ไปอยู่ในเมืองที่ครึกครื้น มีอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ มากมาย แน่นอนว่าการทำธุรกิจย่อมดีกว่าอยู่ในชนบทและถูกแม่เฒ่าเจียงทรมานเช่นนี้

“เราไม่มีทุน”

“พี่ชายของข้าจะยืมมาให้”

“พรุ่งนี้ข้าจะไปในเมือง ถามลุงของข้าดู”

“ข้าจะไปด้วย”

ในตอนนั้น เหตุใดเขาถึงถูกแม่ของเขาหลอกกัน?

ตั้งแต่ยังเล็ก แม่เฒ่าเจียงก็เห็นเพียงพี่ชายและน้องชายของเขาเท่านั้น เขาเป็นคนที่เชื่อฟังมากที่สุด ทำให้เมียเชื่อฟัง ทำให้ลูกสาวและลูกชายเชื่อฟัง แต่สุดท้ายแม่เฒ่าเจียงก็ยังไม่ชอบเขา

เขาเคยชินกับการเชื่อฟังมานานจึงไม่อยากต่อต้านมารดา

“ไม่ใช่ว่าถูกขับไล่” มู่ชิงพูด “เมียและลูกชายของเจ้าต้องการอยู่คนเดียว ลูกเขยของเจ้าเป็นคนดีมาก ก่อนหน้านี้เขาขอให้หัวหน้าหมู่บ้านซื้อบ้านเก่าทางใต้ของหมู่บ้านแล้วให้พวกข้าช่วยซ่อม แม้ว่าจะซ่อมแซม แต่ก็แทบจะทำใหม่หมด ทำออกมาแล้วยังดีกว่าบ้านข้าอีก ถ้าเจ้าแยกทางกับพวกเขาแล้วอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็ไปใช้ชีวิตดี ๆ ในบ้านนั้นสิ แต่ลืมมันไปเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ข้าจะกลับแล้ว”

มู่ต้าซานไม่รู้ว่าเขาเดินกลับไปได้อย่างไร ทันทีที่เขาเข้าไปในลานบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงแม่เฒ่าเจียงด่าอยู่

มู่ต้าซานฟังที่แม่เฒ่าเจียงด่าถงซื่อและหานเอ๋อร์อย่างมึนงง นางคิดว่าพวกเขาถูกตระกูลลู่ขับไล่ออก และนางกำลังรอให้ถงซื่อและหานเอ๋อร์กลับมาร้องไห้และขอร้องให้พวกเขายกโทษ

“เจ้ากลับมาทันเวลาพอดี” แม่เฒ่าเจียงมองมู่ต้าซานอย่างภาคภูมิใจ “แม่ขอเตือนเจ้า ถ้าผู้หญิงคนนั้นขอร้องให้เจ้ากลับไป เจ้าไปบอกนางว่าต้องมาคุกเข่าสามครั้ง ก้มกราบเก้าครั้ง ข้าถึงจะให้นางกลับมา”

มู่ต้าซานไม่อยากสนใจในตอนแรก แต่เมื่อเห็นความพึงพอใจในแววตาของแม่เฒ่าเจียง ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

มู่ต้าซานผู้ถ่อมตัวมาตลอดพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด “พวกเขาไม่ได้ถูกขับไล่ แต่หานเอ๋อร์ต้องการแยกออกมาเองต่างหาก ลู่อี้เองก็ใช้เงินซ่อมแซมบ้านให้พวกเขา หัวหน้าหมู่บ้านก็ตกลงที่จะให้พวกเขาซื้อที่ดิน”

ไม่ต้องคิดถึงเรื่องคุกเข่าสามครั้งและก้มกราบเก้าครั้งเลย เพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น

แม่เฒ่าเจียงยืนตัวแข็งทื่อ

“เจ้าพูดอะไร? ไม่ได้โดนขับไล่หรือ?”

“อืม ใช่” เมื่อเห็นท่าทางของแม่เฒ่าเจียง มู่ต้าซานก็รู้สึกโล่งใจทันที

ใบหน้าของแม่เฒ่าเจียงพลันบิดเบี้ยว “ไม่กลับมาก็ช่าง! คอยดูก็แล้วกันว่าพวกนั้นจะอดตายอยู่ข้างนอกตอนไหน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย