เมื่อมู่ซืออวี่หิ้วของห่อเล็กห่อใหญ่ออกมา ชาวบ้านรอบ ๆ ต่างก็มองมาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ถึงแม้ว่านางจะยืนหยัดเพื่อลู่จื่ออวิ๋น แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ดีว่านางไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่เลย อย่าได้แม้แต่จะพูดถึงการดูแลฝาแฝดชายหญิงคู่นี้ เพียงแค่ไม่รังแกพวกเขาก็ดีเท่าไรแล้ว
“เฮอะ! ถ้าข้าไม่เห็นนางตั้งท้องในเดือนสิบ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กสองคนนี้เกิดจากเจ้า ชาติที่แล้วเขาทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เกิดใหม่ในท้องของนางคนนี้กัน”
หญิงชราถ่มน้ำลายตามหลังมู่ซืออวี่
“ของพวกนี้พอให้นางใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายได้สองสามวันเท่านั้นแหละ เด็กน้อยผู้น่าสงสารเอ๋ย ข้าเกรงว่าแม้แต่ขนไก่เส้นเดียวพวกเขาก็คงไม่ได้เห็น”
“ก็ใช่อย่างที่ท่านว่า เสี่ยวอวิ๋นขี้อายมาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าไปขโมยถอนต้นกล้าพี่สะใภ้หวังได้ หรือว่าเป็นเพราะหิวจนทนไม่ไหว พวกท่านไม่เห็นกันรึ วันนั้นข้าเห็นสองพี่น้องนั่นฉีกเปลือกไม้กิน! หากเห็นต้นไม้ที่ไม่มีเปลือก นั่นแหละต้นที่สองพี่น้องฉีกกินเข้าไป ท่านพูดเช่นนี้แล้วคิดว่ามู่พ่างโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่”
ทุกคนเยาะเย้ยมู่ซืออวี่เพียงชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวถึงเด็กน้อยผู้น่าสงสารและสิ่งที่ตระกูลหวังต้องสูญเสีย ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้เห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจนัก เพราะตระกูลหวังก็รุกรานผู้คนในหมู่บ้านไม่น้อยไปกว่ามู่ซืออวี่
“ลู่ฉาวอวี่ ออกมาช่วยข้าเร็ว!” มู่ซืออวี่เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อเห็นลานเล็ก ๆ ทรุดโทรมอยู่ตรงหน้า นางก็ตะโกนเรียกก่อนจะเดินเข้าประตูไป
ลู่ฉาวอวี่ยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง เห็นมู่ซืออวี่กำลังถือสิ่งของห่อเล็กห่อใหญ่เต็มไปหมด ทว่าท่าทางกลับดูราวกับว่าเป็นหมาแก่ที่กำลังเหนื่อยล้า
สำหรับมารดาที่เห็นแก่ตัวคนนี้ บ่นว่าเหมือนหมาแก่ก็ไม่เป็นไร หมามีความภักดีอยู่แล้ว จะเอานางไปเปรียบเทียบกับหมาที่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากด้านใน มู่ซืออวี่ก็ไม่ร้องเรียกอีก นางปิดประตูลานบ้านแล้วค่อยปล่อยไก่ทั้งสามตัวที่ผูกไว้ด้วยเชือก
ไก่ทั้งสามตัวตกใจทันทีที่ถูกปลดเชือก มันกระพือปีกวิ่งหนีไป มู่ซืออวี่เห็นแล้วก็เศร้าใจ “น่าจะจับไก่ไว้สักตัวสิ บ้าไปแล้ว… นี่โง่ขึ้นด้วยหรือ รอสักพักเถอะ เดี๋ยวแม่จะจับให้หมด”
มู่ซืออวี่หิ้วข้าวสารหนึ่งชั่งเข้ามาในครัว จากนั้นก็มีเสียงโครมครามดังออกมาจากห้องครัว และไม่นานกลิ่นหอมก็โชยออกมา
โครก…
ท้องของลู่ฉาวอวี่ร้องขึ้นมาราวกับเสียงกลอง
เขาลูบท้องตัวเองพลางมองไปทีลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังหลับใหล หรือว่าสุดท้ายแล้วออกไปหาของกินด้านนอกดี
“น้องพี่ พี่จะรีบกลับมานะ เจ้ารอพี่ก่อน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นข้าง ๆ เตียง จากนั้นก็วิ่งออกไปด้านนอกด้วยความกังวลใจ
ส่วนมู่ซืออวี่ต้มโจ๊กผักเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ร่างกายนี้โลภจริง ๆ เพียงแค่ได้กลิ่นโจ๊กที่ยังทำไม่เสร็จน้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ดวงตาของนางก็เอาแต่มองไปทางหม้อโจ๊กอย่างไม่อาจควบคุม ราวกับว่าพร้อมจะเขมือบในวินาทีต่อไปให้ได้
มู่ซืออวี่ค้นไปทั่วทั้งครัว ในที่สุดก็พบเกลือและน้ำมันที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย นางล้างชามน้ำมันด้วยน้ำร้อน เทน้ำมันและน้ำลงในหม้อ เติมผักใบเขียวที่ถอนออกมาจากสวน สุดท้ายก็โรยเกลือ
“เด็กคนนั้นล่ะ?” นางนำโจ๊กผักที่เย็นแล้วเข้ามาในห้องของลู่จื่ออวิ๋น แต่กลับไม่พบลู่ฉาวอวี่
หลังจากวางชามลงบนโต๊ะ นางก็เดินไปแตะหน้าผากของลู่จื่ออวิ๋นก่อนจะขมวดคิ้ว “มีไข้นี่”
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว แสงสุดท้ายกำลังสาดส่องลงมา ย้อมโลกทั้งใบให้กลายเป็นสีทองอร่าม
ลู่ฉาวอวี่เดินลากขาด้วยความลำบากใจ เด็กชายสวมเพียงเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร่างเล็ก ๆ กำลังสั่นเทา ใบหน้างามเปรอะไปด้วยโคลน แลดูเหมือนขอทานข้างถนนไม่มีผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...