ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 512

สรุปบท บทที่ 512 อันอวี้ออกจากหอซือเป่า: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

ตอน บทที่ 512 อันอวี้ออกจากหอซือเป่า จาก ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 512 อันอวี้ออกจากหอซือเป่า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายเวลาเดินทาง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ที่เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ลู่อี้ขึ้นไปบนรถม้าคันนั้น

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากประตูศาลต้าหลี่

“เมื่อครู่เป็นเจียงเก๋อเหล่ากระมัง? เหตุใดใต้เท้าลู่จึงขึ้นรถม้าเจียงเก๋อเหล่าเล่า?”

เมื่อสหายร่วมงานที่ออกมาจากข้างในเห็นฉากนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอิจฉา

“ข้าได้ยินว่าใต้เท้าลู่ไม่ได้เป็นขุนนางจากการสอบขุนนาง” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “เขาไม่แม้แต่จะผ่านการสอบขุนนาง แต่กลับถูกใต้เท้าฉิน นายอำเภอเมืองฮู่เป่ยในตอนนั้นเลื่อนขั้นให้เป็นปลัดอำเภอโดยตรง ต่อมาเมื่อใต้เท้าฉินได้รับการเลื่อนขั้นจึงแต่งตั้งเขาเป็นนายอำเภอเมืองฮู่เป่ย ใต้เท้าลู่มีวันนี้ได้ล้วนต้องขอบคุณฮูหยินผู้นั้นของเขาด้วย…”

“พูดจบแล้วหรือยัง?” เจี่ยเฉิงผิงมองคนข้าง ๆ ด้วยความไม่พอใจ “ทุกคนล้วนเป็นสหายร่วมงานกัน ปกติใต้เท้าลู่ดูแลทุกท่านเป็นอย่างดี มาพูดเรื่องผิดถูกลับหลัง ทำตัวราวกับสตรีชอบนินทาว่าร้ายคนเช่นนี้ พวกท่านไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?”

“ใต้เท้าเจี่ยเห็นใต้เท้าลู่เป็นพี่น้องจริง ๆ สินะ แม้กระทั่งพูดถึงยังไม่ได้ เอาละ แยกย้าย ๆ”

กลุ่มคนทยอยแยกย้ายกันออกไป

ค่ำคืนนั้น จือเชียนถือโคมไฟเดินอยู่ด้านหน้าโดยมีลู่อี้เดินตามหลัง

บริเวณรอบข้างมืดสนิท โคมไฟในจวนที่ปกติแล้วจะสว่างไสวล้วนดับลงเพราะสายลมและหิมะที่โปรยปรายลงมา บ่าวรับใช้เข้านอนหมดแล้ว ดูเหมือนว่าใต้หล้านี้จะเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

“เจ้าก็ควรกลับไปพักผ่อน” ลู่อี้เห็นว่าห้องเบื้องหน้ายังคงมีแสงสว่างอยู่ ถึงแม้มันจะวูบไหวไปมา อย่างไรก็ยังพอเห็นแสงรำไร “ข้าเห็นว่าวันนี้เจ้าไอทั้งวัน พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องติดตามข้า ไปหาท่านหมอ ทานยาแล้วพักผ่อนเถิด”

“ข้าทำได้ขอรับ”

“ฟังข้า” ลู่อี้ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

ยามนี้มู่ซืออวี่เอนตัวอยู่บนเตียง ซุกร่างอยู่ใต้ผ้าห่ม ทว่าหมอนยังคงยกพิงหัวเตียงไว้สูง เห็นได้ชัดว่ายังรอสามี

ลู่อี้อุ้มนางให้นอนลง

“ท่านกลับมาแล้ว” มู่ซืออวี่กอดคอเขา “ข้างนอกมืดแล้ว เหตุใดวันนี้ท่านกลับมาช้านัก? ทานข้าวหรือยัง?”

“ข้าทานแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “ต่อไปไม่ต้องรอข้า เพราะแม้กระทั่งข้าเองยังไม่รู้ว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่”

“ข้าไม่ได้รอท่านเสียหน่อย ข้านอนไม่หลับต่างหาก ข้าถึงรอท่านนานขึ้นอีกนิด?” มู่ซืออวี่กล่าว

ลู่อี้ได้แต่จนใจ

คำพูดเช่นนี้ แม้แต่เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ยังไม่เชื่อ

“วันนี้ท่านอยู่ที่ศาลต้าหลี่เป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามเขา

“พอใช้ได้ ทุกอย่างราบรื่นดี”

มู่ซืออวี่มองลู่อี้ภายใต้แสงสลัวเลือนราง

พอใช้ได้หรือ?

ราชสำนักยามนี้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ฮ่องเต้ผู้นั้นไม่ใช่กษัตริย์ที่ปราดเปรื่องอะไร สถานการณ์จะดีได้หรือ?

“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน” มู่ซืออวี่กอดเอวลู่อี้ “ท่านถอดเสื้อคลุมออกก่อน ขึ้นมาแล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”

ลู่อี้ถอดเสื้อคลุมออก แล้วขึ้นไปบนเตียงขณะที่สวมเสื้อและกางเกงด้านในตัวบาง

มู่ซืออวี่เข้าไปซุกอยู่ในอ้อมแขนเขา แล้วเล่ารายละเอียดเรื่องที่อันอวี้ตั้งครรภ์ให้ฟัง

“ระยะนี้มีคดีหนึ่งที่ต้องการให้พี่เซี่ยช่วยตรวจสอบ กว่าเขาจะกลับมาเมืองหลวงต้องใช้ระยะเวลาสักพัก พี่เซี่ยไม่อยู่ ไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับฮูหยินเซี่ยได้ ข้าจะเตรียมคนมากหน่อยไปดูแล”

สามีภรรยาคลอเคลียกันพูดเรื่องจิปาถะที่บ้าน สายลมเย็นพัดผ่านมาระลอกหนึ่ง ทว่าทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย

วันต่อมา มู่ซืออวี่ไปที่เรือนกรุ่นฝัน สั่งให้คนงานเตรียมต้อนรับวันสิ้นปีที่กำลังจะมาถึง นางกำชับพวกเขาไม่ให้รับคำสั่งซื้อก่อนวันสิ้นปี แม้จะรับคำสั่งซื้อมาแล้ว ก็ต้องบอกกล่าวแก่ลูกค้าว่าไม่อาจส่งของได้จนกว่าจะผ่านพ้นช่วงปีใหม่ จากนั้นก็ให้เฟิงเจิงจัดสรรตารางงานของคนงาน โดยให้คนงานทำงานทั้งหมดสามกะ เช่นนี้ทุกคนจะได้เฉลิมฉลองปีใหม่ได้อย่างผ่อนคลาย

นอกจากเรื่องวันหยุดแล้ว เงินเดือนและเงินพิเศษล้วนถูกแจกจ่าย ดังนั้นเมื่อผู้คนเดินผ่านเรือนกรุ่นฝัน พวกเขาล้วนได้ยินเสียงเฮด้วยความดีใจดังมาจากข้างใน

“ฮูหยินเซี่ยมาแล้วหรือขอรับ” เฟิงเจิงเห็นอันอวี้เดินเข้ามา จึงเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ฮูหยินเซี่ยมาขอรับ”

มู่ซืออวี่หันกลับมาดู “เหตุใดเจ้าไม่นอนอยู่บนเตียงดี ๆ เล่า เหตุใดจึงออกมาข้างนอก? วันนี้หิมะตกอีกแล้ว พื้นลื่น เจ้าระวังด้วย”

“ข้าในตอนนี้ไม่อาจไปทำงานที่หอซือเป่าได้แล้ว ข้าจึงไปที่นั่นเพื่อแจ้งกับผู้ดูแลว่าจะออกจากหอซือเป่าอย่างเป็นทางการ” อันอวี้กล่าว

ดูซิว่าข้าโง่งมเพียงใด เมื่อครู่ยังรู้สึกสงสารเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่เลย แท้จริงแล้วกลับเป็นนางต่างหากที่เจ้าเล่ห์ที่สุด

ลู่จื่ออวิ๋นไปส่งสินค้าดังคาด

ครานี้ยังคงเป็นสนามแข่งม้า

เมื่อนางลงมาจากรถม้า สิ่งที่เห็นมีเพียงสนามม้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

ของที่นางมาส่งวันนี้ไม่ใช่เสื้อผ้า แต่เป็นสนับเข่าคู่หนึ่งและรองเท้าใส่บนหิมะคู่หนึ่ง

“ย่าห์!”

กลางสนามม้า คนผู้หนึ่งกำลังควบม้าอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังง้างคันศรและยิงธนูอยู่บนหลังม้าด้วย

เป้าอยู่ไกลเป็นอย่างมาก ด้วยสายตาของลู่จื่ออวิ๋น เห็นแค่เพียงจุดดำเล็ก ๆ จุดหนึ่งเท่านั้น ทว่าลูกศรของคนผู้นั้นกลับไม่พลาดเป้าแม้แต่น้อย

“มาจากหอซือเป่าหรือ?” ผู้ติดตามคนหนึ่งเดินเข้ามา

หน้าตาของผู้ติดตามคนนั้นดูคุ้นตาเล็กน้อย เป็นคนเดิมกับที่พบเมื่อครั้งที่แล้ว

“นี่เป็นของของพวกท่าน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ลองตรวจดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่ หากมีอะไรผิดพลาด ตอนนี้ยังไม่สายที่จะแจ้ง”

ผู้ติดตามคนนั้นรับของไปแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีปัญหา”

เมื่อส่งของเสร็จแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นจึงเดินออกมาด้านนอก

ในตอนนี้เอง ม้าเล็ก ๆ ตัวหนึ่งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้านาง

ม้าตัวนั้นดูน่ารักเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือขนของมันเป็นสีแดง ราวกับชาดชั้นดี

ลู่จื่ออวิ๋นมองไปรอบ ๆ กลับไม่เห็นผู้อื่น ทว่าก็ควรเป็นเช่นนั้น ด้านนอกสนามแข่งม้ามีคนเฝ้า ม้าที่นี่ก็ออกไปไม่ได้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดจับตาดูมัน

นางเอื้อมมือออกไปลูบลงบนเส้นขนของม้าตัวน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย