ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 526

วันต่อมา ลู่จื่ออวิ๋นก้าวออกมาจากบ้านโดยสวมรองเท้าสำหรับเดินกลางหิมะ นางเดินไปในหมู่บ้าน

คนอื่น ๆ ยังไม่ตื่น นางมาที่เรือนพักร้อนแห่งนี้เป็นครั้งแรก จึงอยากจะดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ

บางทีอาจเป็นเพราะนางเติบโตมาในหมู่บ้านชนบทจึงไม่รู้สึกว่าที่นี่รกร้างและห่างไกลจากตัวเมืองแม้แต่น้อย นางชอบที่นี่มาก ที่นี่ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและมีอิสระเสรีอย่างที่นางไม่เคยมีมาเป็นเวลานาน

เหมยแดงบานสะพรั่งทั่วทั้งภูเขา แดงราวกับสีของชาด นี่เป็นความรักที่ท่านพ่อมอบให้กับท่านแม่

ดีจริง ๆ!

ลู่จื่ออวิ๋นเลือกหินก้อนที่สะอาดเกลี้ยงเกลาที่สุดแล้วนั่งลง มองดูภูเขาฝั่งตรงข้าม

เหมยแดงที่สว่างไสวราวกับชาดทำให้หัวใจของนางอบอุ่น

ลมระผ่านใบหน้างดงาม พัดพาเศษใบไม้ปลิวผ่านใบหู ใบหน้าที่งามยิ่งกว่าดอกเหมยแดงที่กำลังบานสะพรั่งนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

รถม้าคันหนึ่งผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน

ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมอง เห็นเพียงรถม้าที่ทั้งหรูหรา ใหญ่ และตระการตายิ่งกว่ารถม้าสกุลลู่อยู่ตรงหน้า

อีกทั้งยังมีคนอีกมากมายติดตามมา เจ็ดถึงแปดคนเดินอยู่ข้างนอก ส่วนอีกเจ็ดถึงแปดคนควบขี่ม้าตามมา ในนั้นมีทั้งสาวใช้และผู้คุ้มกัน

อันที่จริงนางเห็นเพียงรถม้าคันนั้นและกลุ่มคนที่เดินทางผ่านมาตรงหน้า ไม่ได้สังเกตเห็นว่าข้างหลังก็ยังมีรถม้าอีกคัน เพียงแต่รถม้าคันนั้นค่อนข้างเรียบง่าย

คนในรถม้าคันข้างหลังเห็นนางแล้ว เมื่อเห็นนาง เขาพลันแตะแหวนหยกที่สวมอยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ ดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นเงียบสงบไร้คลื่นอารมณ์

“นี่ คนที่อยู่ข้างหน้า…” สาวใช้คนหนึ่งลงมาจากรถม้า ตะโกนมาทางลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นมองไปรอบ ๆ กลับไม่พบผู้ใด นางเหลือบมองสาวใช้ผู้นั้น แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านเรียกข้าหรือ?”

“ที่นี่นอกจากเจ้าแล้วยังมีผู้อื่นหรือ?” สาวใช้คนนั้นเย่อหยิ่งจองหองเป็นอย่างมาก

“มีอันใด?”

“ได้ยินว่าที่นี่มีเรือนพักร้อนหลังหนึ่ง ไปทางไหน?”

ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ

คนเหล่านี้จะมาทำอะไรที่บ้านนาง?

นางชี้ไปที่ถนนเบื้องหน้า “นั่น ไปทางนั้นก็ถึงแล้ว”

คนในรถม้าเลิกม่านขึ้น มองมาทางลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นก็เห็นอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน

อีกฝ่ายเป็นสตรีหน้าตาไม่เลว อายุมากกว่านางราวสองสามปี เค้าความเป็นเด็กบนใบหน้ายังไม่จางหายไป ทว่าสายตาหยิ่งผยองนั่นช่างดูขัดตาจริง ๆ

รถม้าเคลื่อนต่อไป

ลู่จื่ออวิ๋นหมุนตัวกลับไปที่บ้าน

มู่ซืออวี่เพิ่งลุกขึ้นมา เมื่อลู่จื่ออวิ๋นเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง สีหน้าของผู้เป็นแม่ดูสับสน

“จากที่เจ้าอธิบาย ข้าไม่รู้จักแม่นางน้อยผู้นี้”

“ข้าเห็นว่านางดูใหญ่โตเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนคนธรรมดา” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “สาวใช้ของนางหรือก็หยาบคาย ท่านแม่ คนเหล่านี้คงไม่ได้มาดีกระมัง?”

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าตัวตนของอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา เหตุใดถึงได้บอกทางไปสุ่ม ๆ เล่า?”

“ข้าไม่ได้ชี้ทางสุ่ม ๆ เสียหน่อย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยท่าทีไร้เดียงสา “พวกเขามีหลายคนเพียงนั้น ย่อมไม่อาจผ่านเส้นทางเล็ก ๆ ได้ มีเพียงต้องใช้ทางเส้นหลักเท่านั้น”

“หมู่บ้านนี้เดิมทีก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ถึงแม้จะเป็นทางหลัก ก็ไม่อาจรับรองรถม้าใหญ่โตเช่นนั้นได้!” จื่อเยวี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยยิ้ม ๆ “กล่าวได้ว่าท่านไม่ได้จงใจสร้างปัญหา”

“ข้าได้รับความไม่เป็นธรรมนะเจ้าคะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “พวกเขายืนกรานจะถามทางข้า ข้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ย่อมไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ชี้ให้พวกเขาไปเส้นทางหลัก”

อีกด้านหนึ่ง รถม้าหรูหราตระการตาคันนั้นติดหล่ม ไม่ว่าจะดันอย่างไรก็ขึ้นมาไม่ได้ คุณหนูผู้แต่งกายหรูหราจำต้องลงจากรถม้า รองเท้าปักดิ้นลายดอกบัวทองก้าวลงบนพื้นสกปรกจนเปรอะเปื้อนง่าย ๆ ในชั่วพริบตา หนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านรองเท้าคุณหนูจากสกุลผู้มั่งมีไป ทำให้นางตกใจเสียจนต้องกรีดร้อง

ชิ้ง! ชายคนหนึ่งแกว่งดาบของเขาออกมา จากนั้นหนูตัวดังกล่าวก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันที

เลือดของหนูตัวนั้นสาดกระเซ็นใส่กระโปรงคุณหนู

เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มู่ซืออวี่กำลังรับรองแขกทานอาหารเช้า

นางและลู่จื่ออวิ๋นมองหน้ากัน

ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับบุรุษและสตรีแต่งกายดูดี

ชายหนุ่มคนนั้นบุคลิกดีเยี่ยม รูปโฉมโนมพรรณยิ่งดีกว่า ดวงตาใส่กระจ่างทว่าเยือกเย็นคู่นั้นกวาดตามองทั้งยังพกพาความองอาจสายหนึ่งมาด้วย

ส่วนแม่นางน้อยผู้นั้น…

ดูราวกับเพชรนิลจินดาเคลื่อนที่ได้

แม้กระทั่งรองเท้าปักลายยังปักด้วยไข่มุกตะวัน ประหนึ่งว่าต้องการประกาศให้ผู้อื่นรู้ว่า ‘ข้ารวยมาก รีบเข้ามาปล้นสิ’

“ทั้งสองท่านมีนามว่าอันใดหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

ฮูหยินถานเปิดปากขึ้น “เซี่ยซื่อจื่อ”

มู่ซืออวี่หันกลับไปมองฮูหยินถาน

ฮูหยินถานเอ่ยปากแนะนำนาง “ท่านนี้คือซื่อจื่อจวนอู่อันโหว”

สถานะของเซี่ยเฉิงจิ่นสูงศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องคารวะสตรีแวดวงขุนนางเหล่านี้

มู่ซืออวี่พลันนึกขึ้นได้ “ข้าคิดออกแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบซื่อจื่อท่านนี้”

“เป็นเจ้า!” หานหว่านเอ๋อร์ชี้ไปที่ลู่จื่ออวิ๋นแล้วเอ่ยว่า “เป็นเจ้าที่จงใจบอกทางพวกเราผิด ทำให้รถม้าของพวกเราติดหล่มจนเกือบจะขึ้นมาไม่ได้”

ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แม่นางท่านนี้ พวกท่านเคยพบข้ามาก่อนหรือ?”

“ก่อนหน้านี้บ่าวรับใช้ข้าถามทาง เจ้าบอกให้ข้าไปข้างหน้า ยังจะกล้าบอกว่าพวกเราไม่เคยพบกันมาก่อนอีกหรือ?” หานหว่านเอ๋อร์เอ่ยด้วยความคับแค้นใจ

“รถม้าพวกท่านใหญ่โตปานนั้น ข้าย่อมต้องชี้ไปทางที่กว้างกว่าเพื่อให้พวกท่านเดินทางได้สะดวก ข้าไม่ได้บอกผิดนี่ เพียงแค่ไปข้างหน้า อ้อมเล็กน้อยก็มาถึงที่นี่แล้ว หากพวกท่านไม่ได้นั่งรถม้ามา ข้าย่อมต้องบอกทางที่เล็กกว่าแน่นอน นี่ไม่ใช่เพราะข้าคำนึงถึงพวกท่านหรอกหรือ?”

“ฮูหยินลู่ ขอเวลาพูดคุยด้วยสักประเดี๋ยวได้หรือไม่?” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย