ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 696

สรุปบท บทที่ 696 อยู่ที่ว่าคุณหนูคิดอย่างไร: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

สรุปตอน บทที่ 696 อยู่ที่ว่าคุณหนูคิดอย่างไร – จากเรื่อง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดย ฮั่วลั่วหยิง

ตอน บทที่ 696 อยู่ที่ว่าคุณหนูคิดอย่างไร ของนิยายเวลาเดินทางเรื่องดัง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดยนักเขียน ฮั่วลั่วหยิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เซี่ยเฉิงจิ่นยกมือขึ้นกุมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ “โอ๊ย…”

ลู่จื่ออวิ๋นถึงได้เห็นว่าที่ไหล่ของเขามีบาดแผล เพราะเมื่อครู่นี้เขาใช้วิชาตัวเบา บาดแผลของเขาจึงปริออก บาดแผลที่ปรินั้นมีเลือดไหลซึมเสื้อผ้าออกมาเป็นจำนวนมาก

“ท่านได้รับบาดเจ็บ เหตุใดยังกล้าทำถึงเพียงนี้?!”

“เดิมทีก็เป็นเพียงบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแต่อยู่ระหว่างการเดินทางจึงไม่มีเวลารักษา มันเลยปริแล้วปริอีก ตอนนี้ดีนัก บาดแผลร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ข้ายังไม่ทันได้รักษา มันก็เริ่มสร้างปัญหาเสียแล้ว”

“ข้าจะเชิญท่านหมอมาให้ท่าน”

“อย่าเลย ข้าลอบเข้ามาในบ้านเจ้ายามนี้ หากท่านพ่อท่านแม่เจ้ารู้เข้าจะต้องรังเกียจข้าแน่นอน ข้าไม่อยากให้พวกเขาเกลียดข้า”

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าจะเกลียดท่านหรือไม่นั้น สำคัญมากหรือ?”

“สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงเรื่องที่ว่า ข้าจะผ่านการทดสอบของพวกเขาได้หรือไม่”

เซี่ยเฉิงจิ่นสารภาพความในใจของตนออกมานานแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่จื่ออวิ๋นเขาก็ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น ‘ความทะเยอทะยาน’ ของตนเองอีกต่อไป

ลู่จื่ออวิ๋นผ่านพิธีปักปิ่นมาแล้ว นับวันยิ่งมีคนมาสู่ขอนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ามู่ซืออวี่และลู่อี้มักจะถามลู่จื่ออวิ๋นว่านางคิดอย่างไรเสียก่อน หากพวกเขาได้รับคำตอบเชิงปฏิเสธ ทั้งคู่ก็จะปฏิเสธผู้ที่มาสู่ขอเหล่านั้นทันที

“เช่นนั้นก็ให้คนของท่านมารับเถิด!”

“ไม่เช่นนั้น…” เซี่ยเฉิงจิ่นเอนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแรง “เจ้าช่วยข้าทำแผลเป็นอย่างไร?”

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มน้อย ๆ “ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน ข้าไม่ค่อยสะดวกนัก”

“โอ๊ย…” เซี่ยเฉิงจิ่นกุมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ “ข้าเสียเลือดมากเกินไป รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวแล้ว ไม่รู้ว่าจะตายจากการเสียเลือดมากหรือไม่ หลายปีมานี้ผู้คนมากมายในอาณาจักรเฟิ่งหลินล้วนเห็นว่าข้าเป็นอุปสรรคขวากหนาม พยายามที่กำจัดข้าหลายครั้งหลายครา บัดนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้ว ข้าคงเป็นคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกฆ่าอย่างใจไม้ไส้ระกำเพราะความเฉยเมยของคนที่ข้ารัก”

“ท่านแสดงมากเกินพอดีแล้ว จิ่นอ๋อง”

“ข้าแสดงมากเกินไปหรือ?” เซี่ยเฉิงจิ่นสงบลง จากนั้นก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดที่ดูสมจริงออกมา “แล้วเช่นนี้เล่า? ดีขึ้นหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋น “…”

ปีศาจน้อยในตอนนั้นผ่านอะไรมากันแน่ เหตุใดเขาจึงกลับกลายมาเป็นคนไร้ยางอายถึงเพียงนี้?

“เจ้าช่วยข้าทายาดีหรือไม่? เจ้าวางใจเถิด บาดแผลอยู่ที่ไหล่ข้า ข้าไม่ต้องถอดเสื้อผ้าสักชิ้น”

แก้มของลู่จื่ออวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางถลึงตามองเซี่ยเฉิงจิ่น “ท่านเงียบปากไปเลย!”

เซี่ยเฉิงจิ่นกะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา “ข้าพูดไม่ถูกหรือ? หรือว่าเจ้า… อันที่จริงแล้วตั้งตารอให้ข้าถอดเสื้อผ้า…”

ตุ้บ!

หมอนนุ่ม ๆ ใบหนึ่งถูกขว้างมาทันที

เซี่ยเฉิงจิ่นที่รับหมอนได้เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าชวนข้าค้างที่นี่คืนนี้หรือ? ไม่ดีกระมัง? เหตุใดจู่ ๆ อวิ๋นเอ๋อร์ถึงได้กระตือรือร้นเช่นนี้เล่า?”

“ท่านยังอยากทำแผลอยู่หรือไม่?!”

บาดแผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา ยิ่งนานไปยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มมาสักพักแล้ว

ทว่าแม้ใบหน้าของคนผู้นี้จะซีดเซียวเพียงใด เขาก็ยังมีลิ้นที่ร้ายกาจเช่นเคย เซี่ยเฉิงจิ่นทำให้นางโกรธมากเสียจนไม่อาจทนมองเขาเลือดออกได้

“ข้าต้องอยากสิ” เซี่ยเฉิงจิ่นกระโดดลงมาจากหน้าต่าง “เช่นนั้นต้องรบกวนอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว”

ห้องของลู่จื่ออวิ๋นมีชุดเครื่องมือรักษาพยาบาล

เมื่อนางหยิบชุดเครื่องมือรักษาพยาบาลออกมา เซี่ยเฉิงจิ่นก็ถอดเสื้อคลุมของเขาออก จากนั้นก็เปิดเสื้อตัวใน เผยให้เห็นตำแหน่งของบาดแผล

ลู่จื่ออวิ๋นมองรอยเลือดที่อยู่บริเวณไหล่ หัวใจของนางพลันสั่นไหว

นางไม่ใช่คนที่ไม่เคยเห็นบาดแผลมาก่อนและนางก็ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนหนู ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนางเห็นบาดแผลบนไหล่เขา นางกลับรู้สึกเจ็บแปลบในใจราวกับได้รับบาดเจ็บเสียเอง

ไม่สิ ถึงแม้นางจะได้รับบาดเจ็บ นางก็คงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยเป็นสตรีที่บอบบาง บาดแผลเพียงเล็กน้อยย่อมไม่ส่งผลอะไรต่อหัวใจได้

“แผลเป็นหนองแล้ว”

“นั่นน่ะสิ เห็นได้ชัดว่าข้าบอบบางเพียงใด เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ต้องดูแลข้าให้ดี ๆ เล่า ไม่เช่นนั้นข้าคงเสียใจมาก”

“ต้องจัดการกับส่วนที่เป็นหนองก่อน”

“มาเถอะ! เจ้าทำอย่างที่เจ้าต้องการได้ทั้งสิ้น”

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านเงียบปากไปเถิด”

หากเขาไม่เงียบ นางอาจจะควบคุมมีดในมือไม่ได้

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านรีบกลับไปเถอะ! วันนี้ท่านไม่ได้เข้าวังไปพบฝ่าบาท พรุ่งนี้ท่านต้องไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นการหยามเกียรติฮ่องเต้ แม้ว่าฝ่าบาทในตอนนี้จะไม่ใช่ฝ่าบาทพระองค์ก่อน ทว่าระวังเอาไว้ก็ไม่ผิดอะไร”

“ข้าฟังเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าจะกลับโรงเตี๊ยม”

ลู่จื่ออวิ๋นส่งเซี่ยเฉิงจินออกไป

ทันทีที่พวกเขาไปถึงทางเข้าเรือน ซางจือก็ยกชาเดินเข้ามา

“ท่านอ๋องจิ่นจะไปแล้วหรือเจ้าคะ?”

ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองเซี่ยเฉิงจิ่นแวบหนึ่ง

นางไม่รู้ตัวว่าแววตาของตนเต็มไปด้วยความกังวล นั่นเพราะเซี่ยเฉิงจิ่นบุกรุกเข้ามาในเรือนผู้อื่น นางจึงกังวลว่ามู่ซืออวี่จะตำหนิเขา

“ใช่ วันหลังข้าจะมาเยี่ยมเยียนฮูหยิน” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย

“ฮูหยินกล่าวว่า หากครั้งหน้าจิ่นอ๋องไม่เข้าทางประตูหลัก ผู้คุ้มกันลับจวนเราจะไม่เกรงใจท่านแล้ว วันนี้จิ่นอ๋องยังรู้จักทักทายฮูหยิน ครั้งนี้จะปล่อยท่านไปสักครั้ง”

“ขอบคุณฮูหยินที่ปรานี”

ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ “ท่านพบท่านแม่ข้าหรือ?”

“ข้าเห็นดอกไป๋เหอที่อยู่ข้าง ๆ ดอกชบากำลังเบ่งบานอย่างงดงาม ข้านึกถึงฮูหยินขึ้นมา ฮูหยินสง่างามและสูงส่งพอ ๆ กับดอกไป๋เหอเหล่านั้น จึงเด็ดไปให้ฮูหยินใส่แจกันเล่น ๆ”

“นำดอกไม้จากจวนเราไปเป็นของกำนัล ท่านอ๋องจิ่นช่างน่าสนใจยิ่งนัก” ซางจือเอ่ย “คราวนี้ฮูหยินไม่ได้ตำหนิ คราวหน้าท่านคงไม่ได้โชคดีถึงเพียงนี้อีก”

เซี่ยเฉิงจิ่นกลับไปแล้ว จู่ ๆ ลู่จื่ออวิ๋นก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา

“ซางจือ ท่านแม่ข้ารู้ว่าเขาอยู่ในจวนเราตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?”

“จริงอยู่ที่วิชาตัวเบาของจิ่นอ๋องล้ำเลิศ ทว่าทันที่เขาเข้าจวนมาก็ส่งคนมาแจ้งให้ทราบแล้ว เขาไม่ได้เข้ามาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เพียงแต่เขาไม่ได้เข้าไปทางประตูหลัก ฮูหยินจึงตักเตือนให้เขาทำตามกฎเกณฑ์”

“คนผู้นี้ช่าง…” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ครั้งหน้าไม่ต้องปล่อยให้เขาเข้ามาแล้ว”

“ฮูหยินกล่าวว่า จนกระทั่งบัดนี้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณหนูค่อนข้างจริงใจจึงอยากให้โอกาสเขา ดูซิว่าเขาจะสั่นคลอนจิตใจคุณหนูได้หรือไม่ หากคุณหนูชมชอบเขา จวนเราก็จะปฏิบัติต่อเขาเช่นแขก แต่หากคุณหนูไม่ชอบเขา เช่นนั้นผู้คุ้มกันลับในจวนเราก็จะไม่ใช่พวกกินพืช”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย