ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 700

ในค่ำคืนอันมืดมิด ดวงจันทร์แขวนเด่นอยู่กลางฟ้า

ซูฟางหวาได้ยินเสียงฝีเท้าจึงนอนลงบนเตียง กุมท้องตนเองแล้วร้องโอดโอย

คนที่เข้าประตูมาเอ่ยด้วยความระมัดระวัง “องค์หญิง อัครมหาเสนาบดีลู่ไม่มาเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นเอง เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดพลันหายไป ซูฟางหวาผู้ที่นอนอยู่บนเตียงลุกพรวดพราดขึ้นมา สายตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“เหตุใดเขาจึงไม่มา? เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าข้าป่วย?”

“บ่าวบอกแล้วเพคะ เพียงแต่อัครมหาเสนาบดีลู่กล่าวว่า หากองค์หญิงป่วยก็ให้ไปเชิญท่านหมอมา เขาไม่ใช่หมอ ไม่รู้วิธีรักษาองค์หญิงเพคะ”

“ฮูหยินผู้นั้นของเขามีดีอะไรกัน? องค์หญิงผู้นี้เป็นองค์หญิงจากอาณาจักรเหลียง จะสู้ฮูหยินบ้านนอกผู้นั้นของเขาไม่ได้เชียวหรือ? ข้าไม่ได้จะให้เขาหย่าภรรยาเสียหน่อย อย่างมากก็แค่รับข้าเป็นภรรยาที่มีสถานะเท่าเทียมนาง…”

“องค์หญิง ระวังสิ่งที่กล่าวเถิดนะเพคะ” สาวใช้หงซิ่วมองออกไปข้างนอกแล้วเอ่ยเสียงเบา “ครานี้เรามาที่นี่เพื่อแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใดแต่งกับอัครมหาเสนาบดีแทนที่จะเป็นฮ่องเต้ หากถ้อยคำนี้ถูกเล่าลือออกไป ฮ่องเต้ฮุ่ยจะกริ้วเอาได้นะเพคะ”

ฮ่องเต้ฮุ่ยก็คือฟ่านหยวนซี

“ตอนนั้นองค์หญิงใหญ่อาณาจักรเฟิ่งหลินก็ไม่ได้แต่งงานกับฮ่องเต้ชรา ทว่าเลือกอู่อันโหวบุรุษที่หล่อเหลาผู้นั้น ต่อมาจึงมีจิ่นอ๋องในตอนนี้ นางยังเลือกผู้ที่จะแต่งงานด้วยได้ เหตุใดข้าจะเลือกไม่ได้?”

“สถานการณ์ในตอนนั้นของพวกเขาไม่เหมือนกันนะเพคะ”

“มีอะไรไม่เหมือน?”

“องค์หญิงใหญ่อายุเพียงสิบแปดปี ฮ่องเต้ผู้นั้นห้าสิบปีแล้ว ฮ่องเต้ฮุ่ยตอนนี้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับการแต่งงาน องค์หญิงที่มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ที่ใดบ้างจะเลือกขุนนางแทนที่จะแต่งกับเขากันเพคะ?”

สิ่งสำคัญที่สุดอีกจุดหนึ่งคือ อู่อันโหวตอนนั้นยังเป็นเพียงซื่อจื่อและยังไม่ได้แต่งงาน อัครมหาเสนาบดีลู่ในตอนนี้มีภรรยาและลูกแล้ว สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว บุตรธิดาเฉลียวฉลาดกตัญญูรู้ความ เขาจะแต่งงานกับหญิงสาวที่อายุมากกว่าธิดาของตนเพียงไม่กี่ปีได้อย่างไร?

“องค์หญิง ใต้เท้าจิ่งขอพบเพคะ”

ใต้เท้าจิ่งคือราชทูตที่มาส่งนางเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้

“ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว เขามาทำอะไร?”

สาวใช้ต่างมองหน้ากันด้วยความสับสน

ที่แท้องค์หญิงไร้สมองผู้นี้รู้ว่าอะไรคือดึกดื่น เช่นนั้นเมื่อครู่นี้นางยังคิดจะใช้ลูกไม้หลอกล่ออัครมหาเสนาบดีลู่เข้าห้องนางหรือ?

“เช่นนั้นให้เข้ามาหรือไม่เพคะ…”

“ให้เขาเข้ามาเถอะ”

ใต้เท้าจิ่งเป็นชายวัยกลางคน เขาเข้าประตูมาก็คารวะ ก่อนจะกล่าวว่า “องค์หญิง กระหม่อมมาที่นี่เพื่อเตือนท่าน ลู่อี้ผู้นี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง อย่าได้ล่วงเกินเขาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมมีเพียงหายนะ พวกเรามาที่นี่เพื่อความสันติ หากฮ่องเต้ฮุ่ยรั้งท่านไว้ในพระราชวัง แต่งตั้งองค์หญิงเป็นฮองเฮา นี่เป็นเรื่องดีสำหรับอาณาจักรเหลียงเรา แต่หากฮ่องเต้ฮุ่ยไม่ยินดี พวกเรายังสามารถเลือกเซวียนอ๋องได้”

“เซวียนอ๋อง?”

“ไม่ผิด” ใต้เท้าจิ่งเอ่ย “เซวียนอ๋องเพิ่งให้คนส่งข้อความมา เชิญองค์หญิงไปเที่ยวชมเขาลี่ ช่วงนี้ใบเฟิงบนเขาลี่สวยงามยิ่งนัก ประจวบเหมาะที่จะไปเที่ยวชมพอดี”

“ข้าไม่เคยพบเซวียนอ๋อง เขาคิดจะทำอะไร?”

“เซวียนอ๋องน่ะหรือ ระหว่างเขากับบัลลังก์มีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นกลางเท่านั้น หากเขาเป็นฝ่ายยื่นสัมพันธไมตรีให้เรา ย่อมต้องมีประโยชน์เป็นแน่ ไม่ว่าอย่างไร องค์หญิงต้องจำเอาไว้ว่าหากท่านไม่ใช่องค์หญิงอาณาจักรเหลียง อัครมหาเสนาบดีลู่คงไม่แม้แต่ชายตามองท่าน นับประสาอะไรจะให้ท่านอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ตอนนี้ท่านไม่ได้ตัวคนเดียว หากแต่เป็นตัวแทนของทั้งอาณาจักรเหลียง ขอองค์หญิงอย่าได้แสร้งป่วยเพื่อหลอกลวงบุรุษอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นจะนำพาความอัปยศอดสูมาให้ทั้งอาณาจักรเหลียงได้”

“บ่าวรับใช้ในจวนมีมากมาย พวกเขาจะมารายงานก่อนที่องค์หญิงอาณาจักรเหลียงจะสิ้นพระชนม์” ลู่อี้กอดเอวผอมบางของภรรยา “เชื่อฟังข้า ไม่ต้องไปสนใจองค์หญิงอะไรนั่น นอนก่อนเถอะ”

มู่ซืออวี่ล้มตัว มองบุรุษที่ดึงดูดหญิงสาวที่ห่างกันถึงสิบปีผู้นี้

“ท่านไปยั่วยวนนางที่อาณาจักรเหลียงไว้อย่างไร? เหตุใดแม่นางน้อยผู้หนึ่งที่เยาว์วัยเพียงนี้ถึงได้มาตกหลุมรักท่าน บุรุษที่สามารถเป็นพ่อนางได้”

ลู่อี้คว้ามือนางไปแตะที่ริมฝีปากแล้วจูบเบา ๆ “ตอนอยู่ที่อาณาจักรเหลียง สามีเจ้าต้องเผชิญหน้ากับการลอบสังหารอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จะมีเวลาจดจำสตรีผู้หนึ่งได้อย่างไร? บัดนี้เมื่อคิดดูแล้ว มีคราหนึ่งนักฆ่าที่ในวังส่งมาจัดการได้ยากเล็กน้อย ข้าได้แทรกซึมคนของข้าเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังเตรียมตัวเป็นอย่างดี จู่ ๆ ก็มีคนส่งจดหมายมา คนที่ส่งจดหมายมาเปิดโปงแผนของข้า เกือบจะทำให้ข้าเสียเรื่อง คิดว่าคงเป็นนางที่ทำ”

“เอาเถอะ ข้าไม่ถามแล้ว”

“ข้าส่งคนไปจับตาดูคณะราชทูตแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องใหญ่อะไร ยิ่งไปกว่านั้น แม้นางจะโง่เขลา แต่ราชทูตผู้นั้นไม่ได้โง่ เขากระจ่างแก่ใจว่าผู้ใดที่อาณาจักรเหลียงควรแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ผู้ใดเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาที่สุด”

มู่ซืออวี่ก็รู้ว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรไม่ได้เรียบง่ายเพียงนั้น มันไม่ใช่เพียงเรื่องของชายหญิง หากแต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง เพียงแต่เพราะเคยมีเหตุการณ์ของฮูหยินอู่อันโหว นางจึงอดที่จะกังวลว่าเหตุการณ์อาจจะซ้ำรอยอีกครั้งไม่ได้

วันต่อมา มู่ซืออวี่จึงถามไถ่เรื่ององค์หญิงทั้งสอง

“องค์หญิงจิ่นซิ่วและคุณหนูไปเรือนพักผ่อนบนภูเขาแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องจิ่นก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน องค์หญิงจากอาณาจักรเหลียงผู้นั้นจู่ ๆ ก็เอ่ยว่านางต้องการไปเที่ยว อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ให้คนของเราตามไป บ่าวจึงไปขอคำแนะนำจากนายท่าน ทว่านายท่านกล่าวว่าไม่ต้องสนใจ บ่าวจึงไม่ได้มารายงานเจ้าค่ะ”

“เอาละ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากมีเรื่องผิดปกติอะไร ให้มารายงานข้าทันที”

“เจ้าค่ะ”

“เมื่อคืนนี้คุณหนูกลับห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ยามจื่อกระมังเจ้าคะ!” ฉานอีเอ่ย “บ่าวส่งคนไปจับตาดู หลังจากดอกถานฮวาแห้งเหี่ยว จิ่นอ๋องจึงส่งคุณหนูใหญ่กลับไปทางประตูข้าง ก่อนจะกลับไปห้องตนเองเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย