มู่ซืออวี่เดินออกมาพร้อมเงินในมือ และมองเห็นเฟิงซื่อกำลังกล่าวบางสิ่งต่อลู่จื่ออวิ๋นพอดี
ลู่จื่ออวิ๋นจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังเหมือนอย่างเคย
ในขณะที่มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไป จากนั้นจึงกล่าวอย่างเย็นชา “พี่เฟิง”
“หือ!” เฟิงซื่อเงยหน้าขึ้น “แม่ฉาวอวี่ ข้ากำลังพูดคุยกับแม่หนูอวิ๋น! เจ้าควรสั่งสอนลูกสาวให้ดี เจอผู้ใหญ่แล้วไม่รู้จักทักทายหรือทำความเคารพไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ”
มู่ซืออวี่กล่าวเสียงแผ่วเบา “อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้ทักทายหรือทำความเคารพท่านหรือ? นางคงไม่รู้จักท่านน่ะสิ ข้ามักสอนนางว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า ให้ระวังตัวเวลาพบคนไม่รู้จัก ข้าไม่อนุญาตให้พูดคุยหรือเจรจากับคนพวกนั้น เรื่องเพียงเท่านี้ท่านไม่ควรถือสา ลูกสาวของข้าไม่รู้จักท่านจริง ๆ เอาล่ะ อวิ๋นเอ๋อร์ นี้คือป้าเฟิง จากนี้ไปก็กล่าวทักทาย อย่าทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจอีกล่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่” ลู่จื่ออวิ๋นตอบกลับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงหันไปมองเฟิงซื่อ “แม่ใหญ่เฟิง… อ๊ะ ไม่สิ ป้าเฟิง”
นางตระหนักได้ว่าตนพูดผิดจึงแลบลิ้นออกมาอย่างไร้เดียงสา
เฟิงซื่อ “…”
นางชักจะโกรธ แต่ไม่อาจหาทางระบายอารมณ์ได้
“เอาล่ะ ข้าเพิ่งจำได้ว่าไข่ที่พี่เฉินนำมาเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อไข่ของท่านเพิ่ม ขอบคุณมากสำหรับความปรารถนาดี” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไข่เพียงยี่สิบฟองเนี่ยนะ…” เฟิงซื่อหัวเราะแห้ง “ครอบครัวของเจ้ามีลูกมาก กินเพียงสิบวันก็หมดแล้ว”
“แต่อากาศร้อนเช่นนี้คงเก็บไว้นานไม่ได้ ไม่เช่นนั้นไข่จะแตก เน่าเสียซะเปล่า ๆ ท่านนำไปขายให้ผู้อื่นเถิด” มู่ซืออวี่กล่าวอย่างใจเย็น “ข้ามีการงานต้องทำอีกมาก ขอตัวก่อน”
อันที่จริงไข่ยี่สิบฟองที่อีกฝ่ายนำมาไม่ใช่ปัญหาหากจะซื้อไว้ นางสามารถนำไปขายต่อในเมืองหรือนำไปทำไข่ต้มชาแล้วส่งขายให้กับภัตตาคารเจียงซื่อ แต่…
การได้เห็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่มีความสุขนั้นทำให้นางทรมานใจมาก นางจึงไม่จำเป็นต้องเป็น ‘คนอัธยาศัยดี’ อีกต่อไป
นางไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องการขาย การนำสินค้าเข้าไปขายในเมืองนั้นจำเป็นต้องจ่ายภาษีที่ทำให้ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“เอาเถิด ลืมเรื่องนี้ไปเสีย” เฟิงซื่อหน้ามุ่ย “ขี้เหนียวเสียจริง”
หลังกล่าวจบ นางก็เดินจากไป
นางเดินอย่างเชื่องช้าพลางสังเกตว่ามู่ซืออวี่กำลังทำสิ่งใด แต่แน่นอนว่ามู่ซืออวี่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้นางได้เห็น
“หึ!” เฟิงซื่อจึงล้มเลิกความตั้งใจแล้วเดินจากไปทันที
ขณะที่ลู่จื่ออวิ๋นกำลังปิดประตู นางพลันมองเห็นลู่ฉาวอวี่เดินกลับมาพร้อมแบกฟืนไว้บนหลัง เด็กหญิงรีบเข้าไปช่วยทันที “ท่านพี่ ข้าจะช่วยเอง”
“ไม่ต้อง หากไม่ระวังมือเจ้าจะเป็นรอยได้” ลู่ฉาวอวี่หลบหลีก “ข้าทำเองได้”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินตามหลังลู่ฉาวอวี่ราวกับพยายามจะช่วยเหลือเขา
ลู่ฉาวอวี่มักจะเย็นชาและหัวเสียกับผู้อื่นได้ง่าย แต่เขามีความอดทนต่อน้องสาวเป็นอย่างมาก
“เมื่อครู่นี้ใครมา?”
“ท่านแม่บอกว่านางคือป้าเฟิง” ลู่จื่ออวิ๋นทำหน้ามุ่ย “ข้าไม่ชอบนางเอาเสียเลย เมื่อเข้ามาในบ้านเรา นางก็เอาแต่สำรวจ เอาแต่ถามว่าท่านแม่ทำสิ่งใด พอข้าไม่ตอบ นางก็หาว่าข้าหยาบคาย ขอให้ท่านแม่สั่งสอนข้า ฮึ! คนนิสัยเสีย”
ลู่จื่ออวิ๋นที่ดูร่าเริงเริ่มแสดงอารมณ์ที่แท้จริงของนางออกมา
ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองผู้เป็นน้องสาว “หากไม่ชอบก็อย่าไปข้องเกี่ยวกับนาง”
“อื้อ ท่านแม่ช่วยระบายความโกรธของข้าไปบ้างแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเผยรอยยิ้มซุกซน “ท่านแม่ใช้วาจาได้อย่างยอดเยี่ยม! ป้าเฟิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยล่ะแต่ไม่กล้าตอบโต้ ข้าอยากเรียนรู้จากท่านแม่มาก”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...