“พี่ชาย โปรดรอสักครู่ ข้าจะขอติดรถม้าของท่านเข้าไปในเมืองหลวง”
มู่ซืออวี่เรียกคนส่งของของหอหลิงอวิ๋นให้หยุดรถม้า
ชายผู้นั้นก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนเช่นเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้เขาเดินทางมายังบ้านของมู่ซืออวี่เพื่อรับสินค้าไปขายให้กับหอหลิงอวิ๋น เขาได้กินอาหารที่มู่ซืออวี่แบ่งปันให้ ทั้งยังเข้ากันได้ดีกับนาง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจะขอเข้าไปในเมืองพร้อมกับเขา ชายผู้นี้ก็ตอบตกลงทันที
“ข้าจะช่วยเจ้าขนเอง” เฉินซ่งเห็นว่ามู่ซืออวี่หอบหิ้วกระเป๋ามากมายทั้งเล็กใหญ่มาด้วย จึงกระโดดลงจากรถมาไปช่วยถือ “เจ้าจะนำสิ่งของเหล่านี้ไปทำอะไร?”
“สามีข้าเพิ่งทำงานเป็นเสมียนที่ศาลาว่าการ เขายังไม่ได้ออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนร่วมงานใหม่ ข้าว่าจะเอาอาหารไปให้ เขาจะได้แบ่งปันกับเพื่อนร่วมงานด้วย อย่างน้อยก็จะได้สร้างมิตรภาพ”
“ดูเถิด โบราณกล่าวไว้ว่า หากจะเอาหญิงใดมาเป็นภรรยาก็จงเลือกหญิงที่มีคุณธรรม ต้องขอชื่นชมลู่อี้ที่โชคดีมีเจ้าเป็นภรรยา”
มู่ซืออวี่ยิ้มร่า “รอข้าสักครู่นะ ข้าขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ข้าเพิ่งทำงานบ้านเสร็จ หากสวมชุดเลอะเทอะเช่นนี้เข้าไปในเมือง ประเดี๋ยวสามีจะอับอาย”
“อย่าได้กังวล ข้าไม่รีบ แต่งตัวให้งดงามที่สุดเถิด ข้าจะรอ” เฉินซ่งกล่าว
มู่ซืออวี่กลับไปยังห้องของตน ถอดเสื้อผ้าที่นางสวมตอนทำงานไม้ออก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดสีแดงเข้มงดงาม หวีผมอย่างระมัดระวังแล้วมัดเป็นมวย
ดอกไม้และปิ่นประดับประดาบนมวยผมที่มัดไว้ ขับเน้นให้ใบหน้าของนางสวยผุดผาดขึ้นมา
เมื่อไม่นานมานี้ นางตั้งใจลดน้ำหนัก ตอนนี้ลดลงไปได้มากกว่ายี่สิบชั่ง ร่างกายของนางในตอนนี้กระฉับกระเฉงมากกว่าที่เคย
นางเหลือบมองตลับแป้งสีแดงข้างตัวที่ไม่เคยใช้มาก่อน หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็เอื้อมมือมาหยิบ
ในการเดินทางไปยังศาลาว่าการในครั้งนี้ นางต้องแต่งตัวให้งดงามและเหมาะสมที่สุด ลู่อี้จะได้ไม่ต้องอับอาย
“พี่สะใภ้ลู่ นี่ท่านจริงหรือ?” เฉินซ่งจ้องมองด้วยความตกตะลึง “ท่านงามเหลือเกิน”
“อะแฮ่ม!” ลู่เซวียนกระแอม
เขาจ้องมองเฉินซ่งด้วยความไม่พอใจ
เฉินซ่งลูบศีรษะของตนอย่างเขินอาย “ข้าไม่ได้หมายความในทางที่ไม่ดี เพียงแต่นางเปลี่ยนไปมากจนไม่อาจเชื่อได้ว่านี่คือพี่สะใภ้ลู่ ข้าเพียงแค่ประหลาดใจจนลืมตัวน่ะ”
“ท่านแม่ ข้าอยากไปด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นกอดขามู่ซืออวี่ “ข้าอยากไปหาท่านพ่อ”
“อวิ๋นเอ๋อร์ วันนี้ยังไม่ได้ ข้ามีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ข้าไม่อาจดูแลเจ้าได้เต็มที่” มู่ซืออวี่เอื้อมมือลูบศีรษะของลู่จื่ออวิ๋น “เอาล่ะ ข้าจะซื้อของอร่อย ๆ กลับมาให้เจ้านะ”
ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รบเร้าผู้เป็นแม่
“ลู่เซวียน งานบ้านทั้งหมดให้เจ้าเป็นผู้ดูแลก็แล้วกัน หากตอนเที่ยงกลับมาไม่ทันก็ต้มผักในหม้อให้ร้อนแล้วค่อยกิน”
“ข้ารู้แล้วน่า”
ณ ศาลาว่าการ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร เหล่าเสมียนก็วางมือจากภาระงานพลางเอ่ยถามว่าจะกินอะไรในวันนี้
“เสมียนลู่ ไปด้วยกันหรือไม่?”
“อย่าชวนเขาเลย เขาทั้งสุภาพ จิตใจสะอาดสะอ้าน จะไปในที่สกปรกและน่าอับอายเช่นนั้นกับเราได้อย่างไร?”
“เราเพียงไปกินข้าวก็เท่านั้น ไฉนพูดราวกับเราไปที่สกปรกจนคนอื่นรับไม่ได้เล่า?”
“ในสายตาผู้บริสุทธิ์บางคน อาจจะมองว่าเราทำอะไรสกปรกก็ได้”
ลู่อี้ไม่สนใจ ปล่อยให้ถังซานอวี่พูดตามใจอยากต่อไป
เหตุผลที่ถังซานอวี่เกลียดชังลู่อี้เพราะลู่อี้ปล่อยตัวผู้ร้ายที่เขาจับมา
ใช่แล้ว เรื่องราวเกิดจากชายที่ถูกเฆี่ยนตี ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจนจำแทบไม่ได้ อีกไม่นานอาจต้องตายในคุก
เมื่อสืบทราบว่าผู้ร้ายที่แท้จริงคือคนอื่น ชายผู้นั้นก็พ้นผิด เป็นเหตุให้ถังซานอวี่ถูกเบื้องบนเรียกเข้าพบและตำหนิ เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธแค้นและขยะแขยงลู่อี้
“เอาเถิด เสมียนถัง อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระเลย เราเองก็ต่างเดินไปในเส้นทางเดียวกัน ทำงานร่วมกัน ควรสามัคคีกันไว้นะ”
“แต่ข้าไม่อยากจะเดินร่วมทางกับใครบางคน ไม่รู้ว่าจะถูกแทงข้างหลังเมื่อใด” ถังซานอวี่เย้ยหยัน “จองหองตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคารพเราเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...