ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 91

เจ้าของร้านหนังสือมอบเงินให้กับอันอี้หาง เจ้าตัวนับเงินให้ครบถ้วนแล้วจึงจากไป

มู่ซืออวี่เอ่ยถามเจ้าของร้านหนังสือ “เถ้าแก่ ขอดูหนังสือที่นายน้อยคนเมื่อครู่นี้นำมาขายได้หรือไม่?”

ทันใดนั้น เจ้าของร้านหนังสือก็หัวเราะลั่น “เห็นนายน้อยหล่อเหลาละสิท่า หึหึ แม่นางน้อย เจ้านี่สายตาเฉียบแหลมเสียจริง หนังสือที่ข้ามอบให้เจ้าเมื่อครู่ นายน้อยผู้นี้นั่นแหละที่เขียน วาดเหมือนของจริงเลยล่ะ”

มู่ซืออวี่ “…”

นางเพียงไม่อยากซื้อหนังสือที่เจ้าของร้านแนะนำให้ จึงใช้นายน้อยผู้นั้นเป็นข้ออ้าง ทว่าคนที่เป็นข้ออ้างดันเป็นคนเขียนเสียนี่

ไม่ควรตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตาจริง ๆ

“เถ้าแก่เข้าใจผิดแล้ว ข้ามาเพื่อขอซื้อหนังสือเรียนสองเล่มให้ลูก ไม่ได้มาเพื่อซื้อให้ตัวเอง”

มู่ซืออวี่กล่าวตรง ๆ จะได้ไม่ถูกเจ้าของร้านชักจูงให้ซื้อหนังสือเช่นนั้นอีก

หนังสือเป็นของล้ำค่า นางไม่ต้องการใช้เงินไปกับหนังสือเบ็ดเตล็ดเหล่านั้น

จะว่าไปแล้ว ในยุคสมัยนี้ยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘เว็บไซต์’ นางเองก็เป็นหญิงมีพรสวรรค์ จะสร้าง ‘เว็บไซต์’ ขึ้นมาบ้างได้ไหมนะ?

“รอสักครู่ ข้าจะไปนำหนังสือมาให้”

เจ้าของร้านหนังสือตบหน้าผากไปฉาดหนึ่ง พลางนำหนังสือเรียนสองเล่มออกมาให้ทันที

“เท่าไหร่หรือ?”

“3 ตำลึงเงิน” เจ้าของร้านกล่าวพลางหัวเราะ

“แพงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” มู่ซืออวี่ตกตะลึง

นางคิดว่าหนังสือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย และไม่เคยคาดคิดว่าจะมีราคาสูงถึงเพียงนี้

“หนังสือถือเป็นของล้ำค่า แน่นอนว่าย่อมมีราคาแพง”

แต่เจ้าของร้านหนังสือไม่ได้ดูถูกที่มู่ซืออวี่ประหลาดใจ

มู่ซืออวี่นึกถึงในตอนที่อันอี้หางนำหนังสือมาขายให้กับเจ้าของร้าน หนังสือสองเล่มมีค่าเท่ากับเงิน 2 ตำลึง หากขายหนังสือได้มากก็ย่อมจะมีรายได้มาก เหตุใดนางไม่ลองเพิ่มรายได้เล่า? ที่นี่จะมีผู้รู้หนังสือกี่คนกัน?

“เถ้าแก่ หากข้าขายหนังสือที่มีความน่าสนใจมากกว่าทุกเล่มที่ท่านมี ท่านจะรับหรือไม่?”

“รับสิ แต่หนังสือที่ขายดีที่สุดเวลานี้คือหนังสือที่นายน้อยผู้นั้นเป็นคนเขียน เจ้าจะเขียนได้ดีกว่าเขาหรือ?” เจ้าของร้านหนังสือจ้องมองมู่ซืออวี่ “ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกนะ แต่การเขียนหนังสือไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าคิดว่าหลังอ่านหนังสือสองเล่มแล้ว เจ้าจะสามารถเขียนหนังสือเหมือนพวกบัณฑิตได้”

“ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องงานเขียนของข้า บอกราคาที่ท่านจ่ายมาก็พอ” มู่ซืออวี่เอ่ยถามเจ้าของร้านหนังสืออย่างมีความหวัง

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่างานเขียนของเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใด หากเป็นงานดี ข้าก็อาจจ่ายให้ได้ในราคา 500 อีแปะต่อหนึ่งเล่ม” เจ้าของร้านหนังสือกล่าว

“แล้วหากหนังสือของข้าขายได้มากกว่าหนังสือของนายน้อยผู้นั้นเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามอีกครั้ง

“หากเป็นเช่นนั้น… หากหนังสือของเจ้าขายดีจริง ข้าจะเพิ่มเงินให้เจ้าเป็นหนึ่งหรือสองตำลึงครึ่งต่อเล่ม” เจ้าของร้านหนังสือกล่าว “เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือว่าหนังสือธรรมดาทั่วไปขายได้เพียงไม่กี่ร้อยอีแปะ แต่หนังสือของนายน้อยผู้นั้นขายได้ในราคาหนึ่งถึงสองตำลึงเงิน หนังสือของเขาไม่เพียงมีเรื่องราวที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังมีภาพประกอบอันงดงาม จึงขายได้ในราคาสูงอย่างไรล่ะ”

“เถ้าแก่ช่างมีหัวการค้าเสียจริง คว้าเอาหนึ่งถึงสองตำลึงเงินเป็นกำไรสุทธิจากการค้าขายผลงานของผู้อื่น”

“ข้าเป็นพ่อค้า ย่อมต้องแสวงหาผลกำไร! เจ้าอยากซื้อหนังสือสองเล่มนี้ใช่หรือไม่?” เจ้าของร้านหนังสือเอ่ยถามอย่างอดทน

“ข้าไม่ต้องการหนังสือสองเล่มนี้แล้ว แต่ข้าขอพู่กันขนนก หมึก กระดาษ และหินฝนหมึก แล้วคราวหน้าข้าจะนำหนังสือมาขายให้กับเถ้าแก่”

เมื่อเจ้าของร้านหนังสือได้ยินสิ่งที่นางกล่าว เขาก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญแม้แต่น้อย

“เช่นนั้นทั้งหมดนี้ก็ 4 ตำลึงเงิน”

มู่ซืออวี่หยิบเงินออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ

นางไม่เพียงใช้เงินที่ลู่อี้มอบให้ในวันนี้จนหมดสิ้น แต่ยังนำเอาเงินเก็บที่มีของตนมาจ่าย ส่วนที่เหลืออยู่จึงเพียงพอที่จะประทังชีวิตได้ไม่นาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย