ซ่งฝูเซิงจินตนาการไว้อย่างดิบดี
ซื้อสีกับดินสอสีมาให้ลูกสาว เอาไปวางไว้ในห้องแล้ว ก็แค่รอให้ซ่งฝูหลิงว่าง ขอให้ช่วยวาดภาพพวกเขาที่สร้างครอบครัวกันมาด้วยมือเปล่าหน่อย
ในอนาคต ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี จะมีสมาชิกมาเพิ่มเท่าไร ล้วนเทียบกับช่วงเวลานี้ที่พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ชีวิตธรรมดาแต่กลับอบอุ่น
เมื่อถึงตอนนั้น ได้ดูภาพวาดก็จะลืมชีวิตที่ได้เริ่มต้นที่นี่ไม่ได้
แต่น่าเสียดาย จินตนาการที่แสนโรแมนติกอย่างที่ไม่ได้มีง่ายๆ กลับแตกสลาย
“ตูม!”
แตกต่างจากเสียงประทัด อีกทั้งระเบิดอยู่ในห้อง ทันใดนั้นได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น
วัวนมหกตัวตกใจจนขนลุก ตกใจจนพากันจับหน้าอก น้ำนมไหลย้อนกลับหมดแล้ว
เสี่ยวหงยืนขึ้นทันที ดึงเชือกสุดชีวิต อยากออกไปจากคอก เกิดอะไรขึ้น ข้างนอกมีอะไร เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยของข้า
ซ่งจินเป่าที่ช่วยย่าทำงาน ยกน้ำที่ท่านย่าสระผมเสร็จกำลังจะเอาออกไปเททิ้ง สะดุ้งตกใจทำน้ำหกใส่ตัวซ่งฝูสี่ที่กำลังเข้าบ้านมา
ซ่งจินเป่า “…”
ซ่งฝูกุ้ยกับเกาถูฟูเพิ่งกางรั้วเหล็กแหลมที่หน้าประตูใหญ่เสร็จ เดินผ่านบ้านซ่งฝูเซิงกำลังจะกลับบ้าน ซ่งฝูกุ้ยสะดุ้งตกใจเสียงระเบิด เท้าลื่นก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกับพื้น ฉุดเกาถูฟูลื่นล้มลงไปด้วยกัน
เฉียนเพ่ยอิงที่อยู่โรงเพาะปลูกพริกรีบกลับมาบ้าน
ตามซ่งฝูเซิงมาติดๆ ทั้งสองคนเปิดประตูบ้าน
สิ่งที่อยู่ในสายตาคือ เด็กหลากสีสองคน
บนหัว บนหน้า บนตัว บนมือ ล้วนเต็มไปด้วยสีสันรวมถึงสีดำ มีเพียงดวงตาสองคู่ที่ยังใสสะอาดและกำลังมองมาที่พวกเขาอย่างตกตะลึง
ซ่งฝูเซิงเหลือบมองหม้อ หม้อดินระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เตียงในห้องของพวกซื่อจ้วงกำลังจะถล่มแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น”
มือข้างหนึ่งของเฉียนเพ่ยอิงกุมหน้าอก มืออีกข้างจับประตู หัวใจเต้นแรง ถึงแม้จะเห็นเด็กสองคนยืนอยู่ตรงหน้า ทว่าก็ยังคงผวาไม่หายจนแข้งขาอ่อนแรง
นางถาม “เกิดอะไรขึ้น”
หมี่โซ่วปล่อยมือของพี่สาว
เด็กน้อยหลากสีเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว เดิมทีอยากทำเหมือนเมื่อก่อน พูดอย่างรู้ประสาว่า ‘ท่านลุงท่านป้า อย่าโกรธอย่าโมโห หมี่โซ่วกับท่านพี่ไม่เป็นอะไร’
แต่ว่า ดูเหมือนหมี่โซ่วเองก็ตกใจมาก หวาดผวาอยู่ไม่น้อย ชั่วขณะนั้นคิดว่าจะวิ่งหนีเขากันหมด พออ้าปากกลับกลายเป็น “ฮึก ฮือ… ฮือ ตกใจหมดเลย”
ยื่นสองมือออกไปพร้อมวิ่งไปหาซ่งฝูเซิง
ซ่งฝูหลิงได้ยินน้องชายร้องไห้ก็รีบถลึงตาใส่ กลืนน้ำลาย อธิบายให้พ่อกับแม่ฟัง
“ไม่เป็นไรๆ จริงๆ นะ ท่านพ่อท่านแม่ ก็แค่ทำการทดลองนิดหน่อย…
…ข้ารู้สึกว่าประทัดที่วางตอนเปิดร้านไม่สวย มันมีแต่เสียง ข้าก็เลยอยากลองดัดแปลงดู…
…ในระหว่างทดลองเกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย จากนั้นก็…”
“ใครใช้ให้เจ้าทดลอง” สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที
เฉียนเพ่ยอิงยกมือไล่ตีลูกสาว ซ่งฝูหลิงรีบวิ่งหนีอยู่ในบ้าน
“อะไรก็กล้าทดลองหมด ที่พ่อเจ้าซื้อมาน่ะประทัดเชียวนะ แค่จุดก็ติด จุดก็ระเบิด เจ้ายังจะกล้าทดลองอีกรึ”
“ไม่ใช่นะท่านแม่ ฟังข้าพูดก่อน” ซ่งฝูหลิงกระโดดขึ้นเตียง “ข้าพูดออกไปแล้วว่าลูกทำให้มันออกมาเป็นควันสีๆ ได้ ข้าเสียหน้าต่อหน้าน้องชายไม่ได้ เขาเชื่อใจข้าขนาดนี้ ข้าเองก็คิดว่ามันน่าจะสำเร็จ มีอันที่สำเร็จแล้วด้วย ก็แค่มีอยู่ไม่กี่อันที่น่าจะยัดเข้าไปมากเกินไป เสร็จแล้วมันเลยระเบิด”
เฉียนเพ่ยอิงมองหาไม้กวาด ไม่ได้ วันนี้ต้องฟาดสักที แบบนี้มันอยู่ดีไม่ว่าดี เกิดเด็กสองคนนี้ถูกระเบิดพิกลพิการเข้าล่ะ ต้องทำให้หลาบจำ
“น้องยังเด็ก แค่พูดชมนิดหน่อย แต่เจ้าเด็กด้วยรึ…
…เจ้ายังบอกอยู่ว่าเหนื่อย สอนทำขนมมาทั้งวัน เหนื่อยอย่างนั้นเหนื่อยอย่างนี้ กินข้าวก็แทบอยากจะให้น้องชายป้อน...
…เผลอแปบเดียวเจ้าก็ไปเอาประทัดมาเล่น มืดค่ำป่านนี้ ว่างมากนักใช่ไหม ไม่ยอมหลับยอมนอน แม่ว่าเจ้ายังไม่เหนื่อยนะ”
“ไม่ใช่นะ ข้า” ซ่งฝูหลิงเขย่งขา “ท่านพ่อ ดูท่านแม่หน่อยสิ”
ซ่งฝูเซิงไม่สนใจ ยุ่งไม่ได้ สำคัญทั้งคู่
เขาอุ้มหมี่โซ่วที่หยุดร้องไห้แล้วดูสกปรกกว่าเดิม หยิบ ‘ประทัด’ ที่ลูกสาวทำใหม่ออกไป
ประทัดที่ตกเป็นจำเลยนั่น เขาเป็นคนซื้อกลับมาเอง
ตอนนั้นคิดว่าทางด้านเมืองเฟิ่งเทียน ถึงแม้ตอนเปิดร้านจะมีพ่อบ้านกับสะใภ้เล็กสกุลสวี่ช่วยดูแล เขาไม่ต้องยุ่งเรื่องประทัด แต่ร้านอื่นๆ ล่ะ เปิดร้านก็ต้องมีเสียงดังๆ หน่อย สมัยโบราณ ออกไปไหนทั้งทีสิ้นเปลืองพลังงาน ไม่เหมือนยุคสมัยปัจจุบันที่ นึกอะไรได้ก็ออกไปซื้อ ขับรถออกไปก็ซื้อกลับมาได้แล้ว
นึกไม่ถึงว่าเด็กสองคนนี้จะเล่นพิเรนทร์ในบ้าน
“เกิดอะไรขึ้นฝูเซิง” ทุกคนออกมากันหมด บางคนกำลังผูกเชือกกางเกงอยู่ ดูก็รู้ว่าเพิ่งจะถอดเสื้อผ้าล้มตัวลงนอนแล้ว
ท่านย่าหม่ามาในสภาพผมเปียกชื้น รีบร้อนเข้ามาอยากไปดูหลานสาวคนเล็ก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...