ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน นิยาย บท 1767

คนของเกาะซื่อหลีพวกนี้ เดิมทีเธอไม่คิดจะสนใจให้มาก ก่อนหน้านี้อาหลินฉือบอกว่าเพิกเฉยพวกเขาช่วงนึง ลดความหยิ่งผยองของพวกเขาหน่อย เดิมทีเธอยังไม่เข้าใจ ตอนนี้ดูคนที่กระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเลย

ถ้าหากคนพวกนี้ฉลาดพอ ก็จะไม่ทำเรื่องพวกนี้แล้ว อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง สามารถรับประกันว่าจะไร้ความกังวลทั้งชีวิต โลกภายนอก เกรงว่าแม้แต่เอาชีวิตรอดพวกเขาก็ยังไม่มีปัญญาเลย

“แต่พวกเรามาที่นี่ พวกเขากลับไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลย ตระกูลโม่ก็เป็นคนของเกาะซื่อหลีเหมือนกัน จะทำแบบนี้กับพวกเราเลยเหรอ?”พวกพวกนั้นไม่พอใจ รู้สึกคนของที่นี่ควรจะดีกับพวกเขาให้มากพอ แถมยังต้องเชิดชูสรรเสริญด้วย

อะหลิงถูกยั่วโมโหจนหัวเราะ คนพวกนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยใช่มั้ยเนี่ย ที่นี่คือเกาะซื่อหลีเหรอ?พวกเขายังคิดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสของเกาะซื่อหลีอีกเหรอ?

“ตระกูลโม่ไปจากเกาะซื่อหลีหลายร้อยปีแล้ว คุณนึกว่าพวกเขาจะเห็นพวกคุณอยู่ในสายตาจริงเหรอ?ถ้าไม่ใช่อาหลินฉือพาพวกคุณมา ตระกูลโม่ไม่มีทางสนใจความเป็นความตายของพวกคุณหรอก ฉันว่า พวกคุณคงอยู่สุขสบายเกินไปแล้ว”อะหลิงรู้สึกเอือมระอาจริงๆ คนพวกนี้ไม่รู้จักพอเลย

ถังจื่อโม่เองก็โกรธเหมือนกัน คนพวกนี้อยู่อย่างสงบหน่อยไม่ได้เลยรึไง?อะหลิงเพิ่งมาตระกูลโม่ เรื่องมากมายยังปรับตัวไม่ได้ ตอนนี้ยังต้องวอกแวกมาให้ความสนใจกับพวกเขาอีก เหนื่อยน่าดูเลย

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ของกินของดื่มทั้งหมดของพวกคุณลดไปครึ่งนึง ไม่ แค่ให้กิ่มอิ่มก็พอ พวกคุณก็อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังเถอะ”อะหลิงไม่อยากทำเด็ดขาดเกินไป ถ้าไล่พวกเขาออกไปล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่เอาชีวิตรอดพวกเขาก็ยังไม่มีปัญญาเลย

ถังจื่อโม่พยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นชอบ คนพวกนี้มีอารมณ์โหวกเหวกโวยวาย ก็คืออยู่สุขสบายเกินไป ถ้าแม้แต่เรื่องกินอื่มดื่มพอก็ยังยาก จะมีอารมณ์ไปหาเรื่องอย่างอื่นได้ยังไง

“พวกคุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าที่นี่คือตระกูลโม่ ไม่ใช่เกาะซื่อหลีของพวกคุณ”เสียงของหลินฉือดังมาจากด้านหลัง ไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด กลับทำให้คนพวกนั้นต่างก็ตัวสั่น

หลายวันนี้ มีคนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของพวกเขาให้กับเธอตลอด เดิมทีไม่อยู่ในสายตาเธอเลย เธอคิดว่าพวกเขาน่าจะเข้าใจว่าที่นี่กับเกาะซื่อหลี คือโลกคนละใบกัน ผลปรากฏว่า……คนพวกนี้ไม่รู้จักกลับใจเลย

อะฉิ้นเห็นพวกเขาเงียบกริบไม่พูดจา ยังไงก็เกรงกลัวหลินฉืออยู่ เท่าทีพวกเขาดู ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือคนที่ซื่อหลีเลือก ลูกปัดเส้นสีแดงสดที่อยู่ในมือเธอนั้น แถมสียิ่งอยู่ยิ่งสด เหมือนได้มีชีวิต

“ตอนที่พวกคุณเลือกที่จะมากับฉัน ก็ต้องทำตามกฎของที่นี่สิ ที่นี่คือตระกูลโม่ พวกคุณถือว่าเป็นแขกของตระกูลโม่ อยากเข้าครอบครองบ้านของผู้อื่นโดยพลการ?ก็ต้องดูหน่อยว่าพวกคุณมีความสามารถนั้นหรือเปล่า”หลินฉือพูดอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่ไม่อยากทำให้อะหลิงลำบากใจ เธออาจจะไล่คนพวกนี้ออกโดยตรงแล้ว คำพูดที่พวกเขาพูดกับอะหลิงในเมื่อครู่ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องคิดพิจารณาให้ดีๆแล้วว่าจะให้พวกเขาอยู่หรือไป

หลินฉือคิดเรื่องของเมื่อครู่ได้แล้วมองอะหลิงอย่างเห็นดีเห็นชอบ เป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ เมื่อครู่ไม่ขี้ขลาดตาขาวเลยสักนิด ไล่ออกไปโดยตรงมันไม่ดีจริง แต่วิธีของอะหลิง ไม่เลวเลย……

“คำพูดที่อะหลิงพูดเมื่อครู่ พวกคุณก็ได้ยินกันหมดแล้ว มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า?”หลินฉือไม่อยากพูดกับคนพวกนี้ให้มากความ ถ้าคนพวกนี้ไม่รู้อันไหนสำคัญหรือไม่สำคัญเลย งั้นก็ส่งไปโดยตรงเลยดีกว่า

“พวกเรา……”อะฉิ้นอยากจะพูดอะไร แต่ถูกคนๆนึงห้ามเอาไว้

หลินฉือมองหน้าพวกเขาด้วยสีหน้าคลุมเครือ“เหมือนจะลืมบอกพวกคุณไปเรื่องนึง ฉันให้คนไปตรวจสอบเกาะซื่อหลีแล้ว พวกคุณลองทายดูสิคะว่าผลที่ได้เป็นยังไง”

หลินฉือนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกเหลือเชื่อทุกที ราวกับว่าเรื่องของช่วงนี้ล้วนเป็นความฝัน เชื่อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ผลที่ได้เป็นยังไง?”อะฉิ้นพูดด้วยความอึ้ง ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน อีกอย่างรู้สึกอยู่เรื่อยเลยว่าสายตาของหลินฉือไม่ได้มาดี

“เกาะซื่อหลีไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่า คือเกาะซื่อหลีไม่เคยมีอยู่เลย หรือว่าตอนที่พวกเราจากไป เกาะซื่อหลีได้สูญหายไปแล้ว พวกคุณคิดยังไงคะ?”หลินฉือมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ ถ้าไม่ใช่อะหลิง ถ้าไม่ใช่สร้อยข้อมือลูกปัดเส้นนี้ หลินฉือรู้สึกว่านี่เป็นความฝัน

เธอเคยสอบถามพี่ชายกับมู่เฉิง เกาะแบบนั้น ไม่มีทางหายสาบสูญไปสิ้นเชิง แถมไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าไม่เคยมีอยู่เลย

คนพวกนั้นต่างก็มองหลินฉืออย่างเซ่อๆ เมื่อครู่เธอหมายความว่ายังไง เกาะซื่อหลีไม่เคยมีอยู่เลย ถ้าอย่างนั้นพวกเขาล่ะ?

“ตอนนั้นพวกคุณบอกว่าฉันเป็นคนที่ซื่อหลีเลือก เลยยอมจากไปกับฉัน ตอนนี้ พวกคุณมานึกเสียใจภายหลัง?หรือรู้สึกว่าที่จริงฉันไม่ใช่คนที่ซื่อหลีเลือก เลยไม่อยากเหมือนเมื่อก่อน?”หลินฉือเพ่งมองพวกเขา ใจคนเราช่างเปลี่ยนเร็วจริงๆ เธอเคยคิดมาตั้งนานแล้วว่าคนพวกนี้ไม่คุ้นชินกับความแตกต่างตอนที่อยู่เกาะซื่อหลีกับอยู่ตระกูลโม่ อยากให้พวกเขาทำความคุ้นชินหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะสร้างปัญหาโดยตรง

“งั้นนายไม่กลับไปให้เร็วกว่านี้อีกหน่อยเหรอ?”มู่เฉิงถาม เขาอยากถือโอกาสพาหลินฉือกลับไปด้วย แต่เหมือนว่าหลินฉือไม่คิดจะกลับไปไวขนาดนี้ ถ้ากลับไปพร้อมกับจื่อโม่ หลินฉือน่าจะไม่ต่อต้านขนาดนั้นมั้ง

“แดดดี๊กับหม่ามี๊ไม่ได้แต่งงานกันไวขนาดนั้นหรอกครับ ไวสุดก็น่าจะหนึ่งปีข้างหน้าอยู่”ถังจื่อโม่คิดแล้วพูด

มู่เฉิงจนปัญญา โอเค ในเมื่อเขาไม่รีบร้อน ตัวเองก็ไม่รีบร้อนหรอก

“ว่าไปแล้ว ก็มีอยู่เรื่องนึงนะ แดดดี๊นายได้หาคนออกแบบชุดแต่งงาน เรื่องนี้หน้าที่ได้ตกอยู่ที่บนตัวหลินฉือ” มู่เฉิงส่ายหัว ช่างบังเอิญจังเลย

“นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอครับ?”ถังจื่อโม่ย้อนถาม

มู่เฉิงน่าจะดีใจที่เป็นแบบนี้สิ ถ้าพี่หลินฉือออกแบบชุดงานแต่งของหม่ามี๊ ก็จะต้องเจอหน้าหม่ามี๊แน่นอน ถึงเวลามู่เฉิงก็สามารถพาพี่หลินฉือกลับไปแล้ว

ถังจื่อโม่มองอะหลิงที่อยู่ด้านหน้าตลอด ตั้งแต่มาที่นี่ ถึงแม้เธอไม่ค่อยใส่ชุดสีดำอีก แต่ก็ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าที่สีสันสดใสอยู่ดี มู่เฉิงหวังตลอดว่าอะหลิงจะใส่กระโปรงสีขาว ถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องสวยมากๆแน่นอน

แต่เหมือนอะหลิงจะต่อต้านสีขาวมาก

“ใช่ ดีมาก พวกเราอยู่ที่นี่อีกประมาณครึ่งเดือนก็กลับไปแล้ว ถึงเวลาอะหลิงก็จะกลับไปด้วย”มู่เฉิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนึงเลย ความชอบของเด็กมักจะไร้เดียงสาและไม่อำพรางเลย ก็เหมือนอย่างตอนนี้ ตอนที่ถังจื่อโม่จ้องอะหลิง สายตาบริสุทธิ์เหมือนดั่งแก้วเป่า

“อะหลิงก็จะไปด้วยเหรอครับ?”ในขณะที่ยังไม่ได้ดึงสติกลับมา ถังจื่อโม่ก็ได้ถามออกมาแล้ว เขาอยากพาอะหลิงกลับไปดูสักหน่อย อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าตอนที่อยู่เกาะซื่อหลี อะหลิงเป็นคนคอยปกป้องเขาตลอด ไม่รู้ด้วยเหตุใด ถังจื่อโม่อยากให้คนใกล้ตัวชอบอะหลิงอยู่เรื่อยเลย และอยากปกป้องอะหลิงเหมือนเขา

“ใช่” มู่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม หลินฉือชอบอะหลิงมาก เธออยากพาอะหลิงไปดูโลกภายนอก อะหลิงก็อยากออกไปดูโลกภายนอกเหมือนกัน ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน