ถ้าหลินฉือรับไม่ได้ ระหว่างเขากับหลินฉือก็จะไม่มีทางคลุกคลีอยู่ด้วยกัน ก็จะไม่สนิทชิดเชื้อเหมือนอย่างตอนนี้
เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์นี้ ตั้งแต่แรกก็ล้วนมีหลินฉือเป็นคนกำกับเอง ตั้งแต่แรก ที่หลินฉือพูดก็คือใกล้ชิดเธอแล้วก็อย่าคิดจะจากไปเลย แถมคืนนั้นตอนที่เอ่ยถึงมาตระกูลโม่ค่อนข้างแปลก ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง
จู่ๆมู่เฉิงนึกขึ้นได้ว่า ที่หลินฉือพูดในตอนนั้นคือใกล้ชิดเธอแล้วก็อย่าคิดจะจากไปเลย เพราะฉะนั้น ตั้งแต่แรก หลินฉือก็ไม่คิดจะละทิ้งสินะ คิดดีตั้งแต่แรกแล้ว
มู่เฉิงชอบสภาวะแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าถูกหลินฉือชอบก่อนเลยสักนิด ถูกหลินฉือจีบมีอะไรเสียหาย กลับกัน เขาชอบสภาวะแบบนี้มาก
“ฉันไม่เป็นห่วงอะฉือเลย แต่เป็นห่วงว่านายจะเข้าใจเรื่องของสมัยนั้นผิด”โม่เยี่ยนพูด “ฉันพานายไปเดินเล่นที่นี่หน่อยดีกว่า”
“ได้ครับ” มู่เฉิงอยากไปใจจะขาดอยู่แล้ว เขาอยากรู้เรื่องราวมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลินฉือ
โม่เยี่ยนพามู่เฉิงไปที่ห้องวาดรูปห้องนึง พอเปิดห้อง สิ่งที่เห็นคือวาดภาพเป็นแผ่นๆ ผู้หญิงที่อยู่ในรูป ทุกรอยยิ้มของเธอ ราวกับอยู่ตรงหน้าจริงๆ สามารถดูออกว่าคนที่วาดภาพนี้เทใจให้หมดหน้าตักเลย
“ผู้หญิงที่อยู่ในรูปนี้ก็คือแม่ของหลินฉือใช่มั้ยครับ?”มู่เฉิงดูทีละแผ่นๆ ผู้หญิงที่อยู่ในภาพคล้ายกับหลินฉือประมาณเจ็ดส่วน ที่ต่างกันคือ ผู้หญิงในภาพ คนเหมือนดั่งชื่อเลย อ่อนโยนและใจกว้าง แต่หลินฉือหยิ่งและไม่ยอมคน
“ใช่” นิ้วมือของโม่เยี่ยนปัดผ่านหน้าตาของหลินหว่าน หลายปีแล้ว เธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่ทุกรอยยิ้มของเธอยังคงโผล่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ไม่เคยจางหายไปเลย
“ซ่างกวนหง เคยเอ่ยถึงหว่านเอ๋อร์หรือเปล่า?”โม่เยี่ยนพูดถึงชื่อของซ่างกวนหง อารมณ์ไม่มีแรงกระเพื่อมเลยสักนิด
มู่เฉิงไม่แน่ใจว่าเขาแคร์หรือว่าไม่แคร์กันแน่ ได้แต่พูดตามความจริงว่า “เคยเอ่ยถึงครับ พ่อบุญธรรมรู้สึกเสียใจกับการตายของน้าหลินหว่านมาก คิดว่าตอนนั้นเป็นความผิดของเขา ถึงไม่ทันช่วยน้าหลินหว่านไว้ครับ”
โม่เยี่ยนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดูเหน็บแนมเล็กน้อย หัวใจของมู่เฉิงเศร้าหมอง ดูท่าคือพูดผิดแล้ว
“เป็นความผิดของเขาจริง แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ตอนที่หว่านเอ๋อร์ไปจากตระกูลโม่ อะฉือก็มีลางสังหรณ์แล้วว่าเธอจะไม่กลับมาอีก แต่ตอนนั้นอะฉือกับฉันต่างก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ”โม่เยี่ยนค่อนข้างเสียใจ ถ้าตอนนั้นเขาห้ามหลินหว่านไว้ ถ้าตอนนั้นเขาไปกับหลินหว่าน ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้แล้วใช่มั้ย?แต่บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าถ้า ที่จนปัญญาที่สุดก็คือคำว่าถ้า
มู่เฉิงไม่ได้พูดจา ลางสังหรณ์ของหลินฉืองั้นเหรอ?ว่าไปแล้ว ครั้งนี้หลังจากเดินทางไปที่เกาะซื่อหลี ความรู้สึกที่เขามีต่อหลินฉือคือความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอย่างนึง นี่ไม่สามารถอธิบายได้เลย แต่ขอแค่เธอคือหลินฉือ เขาก็จะรักเธอตลอดไป
“ตอนนั้นหว่านเอ๋อร์ได้ส่งจดหมายกลับมาเยอะมาก ในจดหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น และความคิดทั้งหมดของเธอ เธอยังได้เขียนอีกเยอะแยะมากมาย ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย แค่กำลังบรรยายความจริงอย่างนึง เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ยิ่งไม่ได้จงใจเอ่ยถึงซ่างกวนหง ความสงบจิตสงบใจอย่างนี้ ทำให้เราไม่สามารถไปเกลียดองค์กรโกสต์ซิตี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่สามารถปัดความรับผิดชอบไปให้องค์กรโกสต์ซิตี้หมด เพราะฉะนั้น ตอนนั้นเราแค่รับหว่านเอ๋อร์กลับมา ไม่ได้มีการคลุกคลีใดๆกับองค์กรโกสต์ซิตี้”โม่เยี่ยนพูด
เขารักหลินหว่าน รักทุกอย่างที่เป็นเธอ ระหว่างเขากับหลินหว่าน ตั้งแต่รู้ใจกันก็รักกันมาโดยตลอด และหลินหว่านก็ไม่เคยปิดบังอดีตของเธอเลย เขาแทบจะรู้หมดเปลือก บอกว่าริษยา ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี แต่หลินหว่านก็คือหลินหว่าน ความรักของเธอล้วนให้ตนเองหมด ลบสิ่งที่ถือสาทั้งหมดทีละนิด ให้ทั้งสองเหลือแค่รักเท่านั้น
ตอนท้ายของจดหมายที่หลินหว่านได้เขียนเอาไว้ ไม่ได้เอ่ยถึงซ่างกวนหงสักเท่าไหร่ แค่เล่าเรื่องของตอนนั้นให้ชัดเจน แล้วก็สื่อความรักที่เธอมีต่อตัวเองออกมา สิ่งที่ไม่ได้พูดออกมาจากปากเหล่านั้น เธอล้วนเขียนอยู่ในจดหมายอย่างชัดเจน เกิดเพราะรัก เพราะฉะนั้น จะไม่จบเพราะเกลียด
มู่เฉิงพยักหน้า ระหว่างพวกเขา ไม่ต้องการคำอธิบายที่มากเกินไป รักก็คือรัก ไม่ใช่เพราะคนที่โผล่มากะทันหัน ก็เปลี่ยนเป็นเกลียด คนบางคน ได้อยู่เคียงข้างคนๆนึงแค่ระยะเวลาช่วงนึง ไม่มีวันใช่ที่พักพิงสุดท้าย
แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าเป็นที่พักพิงสุดท้ายของกันและกัน
“สมัยอะฉือยังเด็กไม่เข้าใจสักที ต่อมาพอโตขึ้น ก็ค่อยๆทำใจยอมรับได้แล้ว ตอนนี้เรื่องนี้ สำหรับเธอน่าจะไม่มีช่องว่างแล้ว นายก็ไม่ต้องมีแรงกดดันหรอกนะ”โม่เยี่ยนพูด เขานึกได้ว่าสมัยเด็กๆ หลินฉือมักจะถามเขาว่าทำไมไม่วาดรูปของแม่ ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากวาด แต่ไม่อยากเพราะตัวเองคิดถึงหว่านเอ๋อร์ แล้วทำให้หลินฉือเอาความเจ็บใจและความเกลียดชังนั้นเคลื่อนย้ายไปที่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ เขาไม่อยากให้ชีวิตวันข้างหน้าของอะฉือเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ค่ะ”หลินฉือหันมาจับมือของมู่เฉิงเอาไว้ เธอไม่เคยรู้เลยว่าชอบคนๆนึงมันมีความรู้สึกยังไง แต่ว่า ก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนอย่างตอนนี้แหละมั้ง กุมมือของเขาไว้ ก็อยากจะกุมเอาไว้ตลอดทั้งชีวิตนี้ก็จะไม่ปล่อยมืออีก
“คุณว่า เราจะกลับไปเมื่อไหร่ดีครับ?”มู่เฉิงถามหลินฉือ เขาอยากจะพาหลินฉือไปเจอพ่อบุญธรรมจะแย่อยู่แล้ว กำหนดวันหมั้นหมายของพวกเขา ตอนนี้เขาอยากจะแต่งงานแทบแย่ อยากผูกมัดกับหลินฉือไว้ด้วยกันอย่างสิ้นเชิง
“อีกครึ่งเดือนค่ะ”หลินฉือคิดแล้วพูด ครึ่งเดือน คนของเกาะซื่อหลีก็คงจะสงบลงแล้ว ถ้ายังไม่สงบลงอีก งั้นก็รอหลังจากเธอจากไป ค่อยให้พวกพี่ชายสั่งสอนเถอะ เพราะถ้่คนพวกนี้ไม่รู้ว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ เธอก็ไม่จำเป็นต้องปกป้อง
“โอเคครับ” มู่เฉิงคอยถูไถข้อมือของหลินฉือ สร้อยข้อมือลูกปัดบนข้อมือของเธอ สียิ่งอยู่ยิ่งสว่างไสว ก็เหมือนหลินฉือ ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้คนละสายตาไม่ได้
“เราแต่งงานกันเถอะ” มู่เฉิงหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน พร้อมกุมมือหลินฉือและจ้องมองสายตาของหลินฉือเอาไว้ แล้วพูดอย่างช้าๆ
หลินฉือมองมู่เฉิง สายตาของคนๆนี้สะอาดบริสุทธิ์ ตอนที่มองหน้าเธอ แววตาเป็นประกายตลอด“ฉันเป็นคนขี้เกียจมาก ถ้าข้างกายคุณมีผู้หญิงคนอื่น ฉันก็จะจากไป เพราะฉันขี้เกียจแย่งกับพวกเธอ ในขณะเดียวกันก็ขี้เกียจบอกคุณเหมือนกัน”หลินฉือพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
มู่เฉิงอดขำไม่ได้ “ข้างกายผมมีแค่คุณคนเดียวตลอดไป อ้อ ไม่ใช่ ยังมีลูกสาวของเราอีก”เขาชอบหลินฉือมากจริงๆ ชอบถึงขั้นอยากขยี้เธอเข้าไปในจิตวิญญาณไม่แยกจากกันอีก
“โอเค งั้นฉันก็ฝืนตอบตกลงก็ได้” หลินฉือเขยิบเข้าไปใกล้เล็กน้อย พร้อมยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน มู่เฉิงเป็นคนที่เธอไม่อยากปล่อยมือทั้งชีวิต มือข้างนี้ เธอหวังว่าจะสามารถกุมอยู่ในมือตลอด ไม่ปล่อยไปอีก
มู่เฉิงเขยิบไปจูบมุมปากของหลินฉือ ตอนนั้นหลินฉือเป็นคนจูบตัวเองก่อน งั้นตอนนี้ ตัวเองจูบกลับไป “งั้นต่อไปก็ขอคำชี้แนะด้วยครับ ยอดรักดวงใจของผม ภรรยาของผม”
หลินฉือยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสุข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
แอด ถ้าเป็นไปได้ช่วยอัพ1031-1049เป็นจื่อโม่จะเผยตัวกับพ่อ ท่อนนี้หายไป ไม่รู้จะไปตามเรื่องนี้ได้ที่ไหน ขอบคุณมากกกกกกกก...
ตอนหายไป 400 ตอนเลย จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ 😓...