ถึงแม้ว่า พูฮาเรน น้องชายของเฟฮีจะเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของราชวงศ์แม้เขาจะเป็นลูกชายคนเดียวของราชินี แต่ พูฮาเรน ก็ถูกตั้งชื่อให้เป็นเจ้าชายแห่ง พัลซาร์ แต่เขาอ่อนโยนและอ่อนแอตามธรรมชาติและเขาไม่สนใจบัลลังก์ เขายังเด็กเกินไปที่จะเป็นราชา
ดังนั้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ของอดีตกษัตริย์ เฟฮี เลยช่วยเหลือ
น้องชายของเธอและกลายเป็นกษัตริย์แทน พูฮาเรน อย่างลับๆ
แต่เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นอย่างปริศนา หลังจากวันนั้นพี่ชายและน้องสาวของ เฟฮี ก็เริ่มจะตายลงใต้สถานการณ์ลึกลับ ทายาทคนที่ 3 และ 4 ได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงและทายาทคนที่ 2 เสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษปล่อยให้ เฟฮี ที่อยู่เบื้องหลังกลายเป็นบุคคลเดียวที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์
“มาร?”
จินซาฮยอค เดินเข้ามาหาผมทำลายความคิดของผม ผมพยักหน้าและตอบ “พูฮาเรน อยู่ตรงนั้น”
ใบหน้าของจินซาฮยอค แข็งค้างทันที เธอหันมาเผชิญหน้ากับผมด้วยท่าทางประหลาดใจอย่างที่สุด
“พูอะไรนะ พูฮาเรน!”
“ใช่.”
“แต่นายบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่!”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดในตอนนั้น”
“แล้วมันยังไงกันแน่….”
ภายใต้ความตกใจของจินซาฮยอค เมื่อมองไปที่ผนังอีกด้านหนึ่ง ผู้ลี้ภัยกำลังเข้ามาใกล้ปราสาทเมื่อหมอกของพูฮาเรนซึ่งสร้างจากพลังงานมารแผ่กระจายไปทั่วภูมิทัศน์โดยรอบอย่างเท่าเทียมกัน
“….บัดซบ”
จินซาฮยอค พึมพำ สำหรับเธอพูฮาเรนเป็นสัญลักษณ์ของความกลัว
การตอบสนองของเธอนั้นสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจาก ‘เนื้อเรื่อง’ ของ พูฮาเรน เขานั้นแข็งแกร่งกว่า พอลคาส
“เกิดอะไรขึ้น?!”
เฟฮีมาในไม่ช้า เธอปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนกำแพงปราสาทและมองลงไปด้านล่าง ขบวนของผู้ลี้ภัยถูกขยายออกไปทั่วเส้นขอบฟ้า
“ผู้ลี้ภัย” อัศวินพูด
ผมยืนนิ่งและมองดูผู้ลี้ภัย มีอย่างน้อย 10,000 คน เฟฮี ขมวดคิ้ว
“… ผู้ลี้ภัย?”
“ใช่. ดูเหมือนว่ามีเรื่องในดินแดนของ ชูเบิร์ท พวกเขากำลังพยายามมาพักพิงที่นี่….”
เฟฮีนิ่งเงียบๆ ในขณะที่เธอมองดูพวกเขา พวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้ประตูของพระราชวัง
“ฝ่าบาท ได้โปรดออกคำสั่งของท่านกับพวกเรา”
หลังจากรอคอยมานานเหล่าอัศวินก็พูดออกมา เฟฮีมองใบหน้าของเหล่าผู้ลี้ภัย จินซาฮยอค และผมมอง เฟฮี
“… .”
เฟฮี ไตร่ตรองอย่างเงียบๆ เธอไม่แน่ใจว่า พัลซาร์ จะสามารถรับกับจำนวนประชากรที่มากขึ้นได้หรือไม่ แม้ว่าพืชผลจะถูกปลูกในเมืองแต่หากประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่สุดก็คือการขาดแคลนอาหาร นอกจากนี้เธอกำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นเป็นพลเมืองของชูเบิร์ท กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นพวกที่ทรยศต่อกษัตริย์โดยเลือกรับใช้ชูเบิร์ท
“…คนเหล่านั้นเป็นคนทรยศที่ร่วมมือกับชูเบิร์ท”
ในที่สุด เฟฮี ก็อ้าปากพูด ทุกคนได้แต่เศร้าโศกกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“แต่……..อย่างไรก็ตาม”
เฟฮีกำกำปั้นของเธอ มือเล็กๆของเธอโอบกอดความมุ่งมั่นที่มั่นคง
“…ผู้คนพยายามที่จะอยู่รอด”
จินซาฮยอค มองดู เฟฮี พูดอย่างงุนงง ผมหวังว่า จินซาฮยอคจะเรียนรู้สัก 1-2 อย่างจาก เฟฮี ซึ่งแตกต่างจากตัวเธอในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
“ดังนั้นฉันก็เป็นฝ่ายผิดถ้าทรยศพวกเขา”
ในที่สุดผู้ลี้ภัยก็มาถึงปราสาท พวกเขาขอร้องให้พวกเราเปิดประตู
เฟฮี มองดูพวกเขาและประกาศว่า “เปิด…ประตู”
“ราชาสั่งให้พวกเราเปิดประตู -!”
อัศวินคำรามอย่างพร้อมเพรียงกัน “เปิดประตู! เปิดประตู!” เสียงร้องดังลั่นประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ผู้ลี้ภัยวิ่งเข้าไปในปราสาทพร้อมเสียงเชียร์และความยินดี ในขณะเดียวกันอัศวินที่เหลือก็กระโดดออกจากกำแพงเพื่อปกป้องผู้ลี้ภัย
“บาเรียนี้จะปกป้องพวกเขา”
ไอลีน เปิดใช้งาน วาจาสิทธิ์ ของเธอด้วย
คลื่นนนนนนนนนนนน
กำแพงพลังเวทมนต์ยืดตัวออกไปปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าในทันที บาเรียขนาดยักษ์นี้จะปกป้องขบวนของผู้ลี้ภัย ขนาดของบาเรียนั้นใหญ่ยักษ์อย่างที่คิดสมเป็น ‘คนแคระที่ยังรอดชีวิต’ เอ้อ…ผมหมายถึง ‘มังกร’
เฟี้ยว…
ลูกศรหลายร้อยดอกพุ่งทะลุผ่านกำแพง พวกมันคือลูกศรเวทมนตร์ของ จินเซยอน ลูกศรแต่ละดอกมุ่งเป้าไปที่สัตว์ประหลาดที่พยายามทำให้
ผู้ลี้ภัยหวาดกลัว
อัศวินจำนวนมากของ ชินจงฮัก อียองฮาและซอยอนจี ต่างก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยปกป้องผู้ลี้ภัย
“ …ทำไมเธอไม่ทำอะไรเลยละ”
ผมสะกิดจินซาฮยอค ที่ยืนนิ่งจ้องมอง เฟฮี เธอสะดุ้งแล้วหันมาทางผม
“…เฮ้ออออออ.”
จินซาฮยอค ถอนหายใจออกมา
“ฉันเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่…ฉันจะพูดอีกครั้ง” จินซาฮยอค กล่าวพร้อมกำหมัดของเธอแน่น “…ฉันเป็นของจริง นายอย่าลืมซะละ ฉันคนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
จินซาฮยอค กระโดดลงจากป้อมปราการไปยังสนามรบด้านล่าง
*************************************************************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The Novel’s Extra