ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 159

คลิฟฟอร์ดตกตะลึง การตัดสินใจของไทร์เป็นเรื่องอุกอาจ หากตำหนักราชันย์กลับคืนสู่จักรวรรดิเซเลสเชียลจริง ๆ องค์กรขนาดใหญ่อย่างพวกเขาคงจะสร้างความตกใจครั้งใหญ่ไปทั่วโลก! อย่างไรก็ตาม คลิฟฟอร์ดไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของไทร์ พวกเขาจะเชื่อฟังเพียงเท่านั้น

“แม้ว่าตำหนักราชันย์จะเอาชนะเงาแห่งความมืดเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว และสร้างรากฐานที่มั่นคงในเรย์นได้ แต่โลกไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เราคิด ดังนั้น น้องชายที่รัก ถนนสู่อนาคตของเรานั้นยังมีเส้นทางอีกยาวไกลนัก”

ไทร์และคลิฟฟอร์ดยืนขึ้นพร้อม ๆ กันและจ้องไปที่ดวงอาทิตย์อันไกลโพ้นด้วยสายตาคร่ำครวญเช่นเดียวกัน

“พี่ใหญ่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำปฏิญาณในตอนนั้นของพวกเราและเป้าหมายที่เราตั้งไว้ จะเป็นจริงอย่างแน่นอน แม้ว่าเส้นทางนี้จะยากเกินไปและมีพี่น้องของเราไม่มากนักที่สามารถไปถึงจุดจบพร้อมกับเราได้”

“มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ไทร์กำหมัดแน่นเข้าที่หน้าอกของเขา “เอาล่ะ นำศรัทธาของพวกเขาไปกับเราและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน!”

"ตกลง!"

ไม่กี่วันต่อมา ไทร์และคลิฟฟอร์ดได้ไปพบกับเพื่อนเก่าในอิตาลี หลังจากนั้น คลิฟฟอร์ดต้องเดินทางออกจากประเทศไปก่อน เพราะว่าตอนนี้ เขาเป็นผู้ให้การดูแลตำหนักราชันย์และมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เมื่อถึงตอนนั้นวินนี่เฟรดก็ใกล้จะจบงานแฟชั่นวีคแล้วเช่นกัน

ด้วยการสนับสนุนจากกุชชี่ ออทัมน์ฟิลด์ของวินนี่เฟรดได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สัปดาห์แฟชั่นในเมืองมิลานเป็นงานแฟชั่นระดับโลก ซึ่งการแข่งขันการออกแบบครั้งก่อนในเมืองคานห์นั้นเทียบไม่ได้เลย

ดังนั้น แม้ว่าออทัมน์ฟิลด์จะสามารถสร้างชื่อเสียงครั้งใหญ่ในการแข่งขันออกแบบแฟชั่นในเมืองคานห์ได้ แต่ก็ไม่สามารถได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันกับสถานที่แห่งนี้ ที่รวบรวมนักออกแบบระดับโลกไว้ เมื่อวินนี่เฟรดมีศรัทธา เธอจึงเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะสามารถนำชื่อแบรนด์ออทัมน์ฟิลด์และการออกแบบของเธอมาสู่สัปดาห์แฟชั่นและทำให้โลกตะลึงได้!

หลังจากสัปดาห์แฟชั่นวีคที่ร่วมกับกุชชี่เสร็จสิ้น วินนี่เฟรดตั้งใจอยู่ต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อชมผลงานการออกแบบจากแบรนด์อื่น ๆ เธอได้รับประสบการณ์มากมายในครั้งนี้

หลังจากใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนที่อยู่ที่นี่ ในที่สุดไทร์และวินนี่เฟรดก็ขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับไปยังจักรววรดิเซเลสเชียลบ้านของพวกเขา

“เป็นยังไงบ้างกับทริปนี้?” ไทร์ถามด้วยรอยยิ้ม

“มันมีประโยชน์มากและฉันก็ได้รับประสบการณ์มากมาย” วินนี่เฟรดตอบ

จิตใจของเธอเต็มไปด้วยผลงานของดีไซเนอร์ชั้นนำที่เธอเคยเห็นในช่วงแฟชั่นวีค แต่ละชิ้นสวยงามและสะกดจิตเธอ

“ฉันอยากกลับถึงบ้านเร็ว ๆ จิตใจของฉันเต็มไปด้วยไอเดียสำหรับการออกแบบใหม่ ๆ สัปดาห์แฟชั่นได้เปิดตาของฉันสู่โลกใหม่จริง ๆ”

"งั้นเหรอ" ไทร์พยักหน้าและยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น เธอต้องรีบกลับไปออกแบบไอเดียใหม่ ๆ แล้ว ฉันเชื่อว่าการออกแบบของเธอจะก้าวหน้ามากขึ้นในออทัมน์ฟิลด์ เมื่อถึงตอนนั้น เราจะโปรโมทการออกแบบเหล่านี้และเริ่มต้นแบรนด์ของเราเอง”

"ใช่" วินนี่เฟรดพยักหน้าอย่างจริงจัง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้เข้าใกล้ความฝันอีกก้าวหนึ่งแล้ว

เป็นเวลาเที่ยงคืน ที่ไทร์และวินนี่เฟรดกลับถึงบ้าน แบลร์หลับสนิทในขณะที่เฮเลนกับเจคอบที่รออยู่ และตอนนี้เธอกำลังอุ่นอาหารให้พวกเขา ไทร์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของบ้านในครอบครัวนี้อย่างแท้จริง เขาต้องการใช้ทุกสิ่งที่เขามีเพื่อปกป้องคนที่เขารักและครอบครัวนี้โดยไม่ลังเล

วิลล่าบนภูเขาลูนาร์ ที่พร้อมให้พวกเขาย้ายเข้ามาได้ทุกเมื่อ แต่เฮเลนกับเจคอบยังไม่พร้อมที่จะพาตัวเองไปที่นั่นได้ เมื่อพวกเขาคิดว่าคฤหาสน์นั้นดูน่ากลัวสำหรับพวกเขาเล็กน้อย ไทร์อยากให้พวกเขาสบายใจ ดังนั้น ไทร์จึงไม่ได้กดดันพวกเขาในเรื่องนี้

วันรุ่งขึ้นหลัง จากที่ไทร์และวินนี่เฟรดกลับมา วินนี่เฟรดก็ทุ่มเทให้กับงานของเธอ ในขณะที่ไทร์ยังคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแบลร์ต่อไป โดยพาเธอไปและกลับจากโรงเรียน ดูแลเธอและปกป้องเธอ! วันหยุดของโรงเรียนจะมีขึ้นในไม่ช้าไทร์ตัดสินใจว่าเขาจะพาแบลร์ไปยังสถานที่ที่สนุกสนานมากมาย เพื่อชดเชยการที่ไม่ได้สร้างสีสันให้ชีวิตของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา

***

ในเวลานั้น ณ ท่าเรือร้างในเมืองไพร์ม

พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงเจิดจ้าเมื่อสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านผิวแม่น้ำ ทำให้เกิดระลอกและคลื่นเล็ก ๆ

ถัดจากท่าเรือที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืช มีรถสีดำหลายคันจอดอยู่ ผู้ชายประมาณแปดคนยืนอยู่ข้างรถ โดยมีชายและหญิงเป็นผู้นำ ชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ๊ตสีดำ ในขณะที่หญิงสาวแม้จะดูธรรมดาแต่ก็แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงาม

ชายวัยกลางคนชื่อเควิน โลว์ เขาเป็นสมาชิกของทีมข่าวกรองของตระกูลฟิชเชอร์ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดหาและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆให้ตระกูล ส่วนหญิงสาวคนนั้นคือ ชาร์ล็อท ฟิชเชอร์

แม้ว่าลมกลางคืนจะเย็นสบาย แต่ท่าเรือร้างก็ยังเต็มไปด้วยยุง ชาร์ล็อทตบยุงรอบ ๆ อย่างกระสับกระส่ายในขณะที่เธอพูดกับเควิน “ใกล้จะเช้าแล้ว ทำไมพวกเขายังไม่มาอีก?”

“คุณหนูครับ พวกเขาถูกลักลอบนำเข้ามาที่นี่ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะประเมินเวลาที่แน่นอนของการเดินทางโดยเรือ พวกเขาคงจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า แต่คุณหนูครับ นายท่านสั่งว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ และคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรเช่นนี้ต่อเมืองคานห์ คุณคิดดีแล้วเหรอครับ?”

ใบหน้าของชาร์ล็อทมืดลงทันที “เควิน โลว์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายควรกังวล และมันเป็นนายเองที่รับประกันฉันด้วยความมั่นใจ ว่าคนเหล่านี้แข็งแกร่งและไม่มีปัญหา นี่ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันให้นายติดต่อพวกเขามาตั้งแต่แรก นายควรรู้ว่าไทร์ ซัมเมอร์กำลังเลี้ยงดูกลุ่มคนบ้าและหนึ่งในนั้นคือคนที่จัดการแลร์รี่และกลุ่มของเขา”

“คุณหนู คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย คนกลุ่มนี้จ้างด้วยเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ว่าเราโชคดี ที่คนเหล่านี้มีความแค้นต่อไทร์ ซัมเมอร์โดยบังเอิญ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายอมรับภารกิจของเรา แม้ว่าค่าตัวจะสูงไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นแค่เงินเพิ่มเติมสำหรับพวกเขา เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้จ้างพวกเขามา พวกเขาก็จะมาหาไทร์ ซัมเมอร์ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอยู่ดี” เควินตอบด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

ชาร์ล็อทพ่นลมหายใจ “ไทร์ ซัมเมอร์จะต้องตายด้วยมือของฉัน ดังนั้น พวกคนที่จ้างโดยฉันเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้จัดการเขาได้ ฉันชาร์ล็อท ฟิชเชอร์ไม่เคยแพ้ให้ใครมาก่อนและฉันก็ไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้! และถ้าหากคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งพอ ๆ กับที่นายพูดจริง เมื่อถึงเวลา เราสามารถชักชวนให้พวกเขาเข้าช่วยเหลือตระกูลฟิชเชอร์ในการทำโครงการขนาดใหญ่ในเมืองไพร์มนั้นให้สำเร็จ”

การแสดงออกของเควินเปลี่ยนไปทันที ชาร์ล็อทคิดว่าคนเหล่านี้จะยอมทำตามหรือยังไง มันเป็นไปไม่ได้! คนเหล่านี้ไม่ได้ตั้งเป้าไว้ต่ำขนาดนั้น

ในขณะนั้นเอง สามารถมองเห็นแสงแวบวาบมาจากในแม่น้ำ เควินยืดตัวขึ้นและรู้สึกประหม่าอยู่ภายในอย่างอธิบายไม่ถูก

“คุณหนู พวกเขามาแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ