ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 193

นับตั้งแต่รังหมาป่าก่อตั้งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ไทร์ประกาศการปฎิบัติการครั้งใหญ่ด้วยตัวเอง และมันไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่เขาได้เลือกเพียงไม่กี่คนเพื่อการทำภารกิจ แต่คราวนี้เขาตั้งใจระดมพวกเขาทั้งหมด

แมทธิวชูมือด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาเดินเข้าไปหาไทร์ “นายท่าน ปฏิบัติการแบบไหนกัน ที่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งหมดในรังหมาป่าคืนนี้ครับ?”

ไทร์จ้องเขม็ง “พอได้แล้วกับเรื่องไร้สาระ” ในขณะที่เขาพูดเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มนับถอยหลัง “เตรียมตัวภายในสามนาทีแล้วออกไปพบฉันข้างนอก”

สามนาทีต่อมา สมาชิกทั้งหมดทั้งสิบสามคนของรังหมาป่าทำความสะอาดตัวเองเสร็จและถืออาวุธของพวกเขาออกมาด้วยความตื่นเต้น

แมทธิวนำสุนัขพันธุ์ทิเบตัน แมสทิฟฟ์ขนาดใหญ่ที่มีดวงตาสีแดงเป็นประกายพร้อมสายลากจูงออกมา มันดุร้ายและแยกเขี้ยวใส่ใครก็ตามที่มันเห็น ยกเว้นแมทธิวเท่านั้นที่มันจะเชื่อฟัง

เมื่อไทร์เห็นสิ่งนี้เขาก็ถามทันที “นายกำลังจะทำอะไรกับมัน?”

แมทธิวยิ้มตอบ “นายท่าน นี่คือคู่หูของผม”

“อะไรนะ?...”

ไทร์เริ่มคิดว่าแมทธิวเริ่มจะแปลกขึ้นทุกวัน ไม่ เขาไม่ได้แปลกแต่เขาบ้าไปแล้ว

อันที่จริง แมทธิวไม่ใช่คนเดียวที่มีสัตว์อยู่เคียงข้างเขา แต่ยังมีคนอื่น ๆ ที่มีหมาป่าอยู่ในการลากจูงอีกด้วย อย่างเช่นเจมี่ ซันเดอร์ ที่กำลังลากจูงหมาป่าสีฟ้าของเขา

ไทร์พูดไม่ออกจริง ๆ เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อส่งสัตว์เหล่านี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนของพวกเขา แต่พวกเขาเริ่มเลี้ยงพวกมันเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงแทน นี่มันไม่ใช่ ทำไมเขาไม่เลี้ยงสัตว์ดุร้ายอย่างเช่น สิงโตตัวผู้จากแอฟริกาไปเลยล่ะ!

ไทร์เหลือบมองคนเหล่านั้นและรู้สึกพ่ายแพ้ “พวกนายไม่ได้รับอนุญาตให้พาพวกมันออกไปเดินตามท้องถนน”

เมื่อถึงตอนนั้น แม็กซ์ก็ขับรถแลนด์โรเวอร์ออกไปพร้อมกับพวกเขาอีกสองสามคัน แมทธิวขับรถหนึ่งคันในนั้นไปพร้อมกับทิเบตัน แมสทิฟฟ์ของเขา ในไม่ช้า แลนด์โรเวอร์ทั้งห้าคันก็ถูกขับออกไปตามทางชานเมืองคานห์

เส้นทางนี้ในเขตชานเมืองของเมืองคานห์ เป็นเส้นทางเดียวที่จะสามารถผ่านเข้าออกจากเมืองไพร์มได้ พื้นที่แถวนั้นมีเนินร้างอยู่ข้าง ๆ และบนทางลาดก็มีแผ่นหินที่สลักชื่อของ 'เมืองคานห์' และต้นกำเนิดได้ถูกแกะสลักไว้บนแผ่นหินศิลา

ทันใดนั้น ยานพาหนะหลายสิบคันก็ปรากฏขึ้นบนถนนและกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็ว หนึ่งในรถเหล่านั้น มีไรอันและแอรอนอยู่ข้างใน แอรอนยังคงสงบอยู่กับดาบไทเก็กของเขา ดาบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่ไรอันมีสีหน้ามืดมนและดุร้าย เขามองออกไปนอกหน้าต่างและจ้องมองไปที่กองทัพที่ด้านหลังของเขาผ่านกระจกมองข้าง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะแก้แค้น

“ไทร์ ซัมเมอร์ แกฆ่าพี่สาวและพี่รองของฉัน วันนี้ฉันจะทำให้โลกใต้ดินของเมืองคานห์ล่มสลายไปพร้อมกับแก”

ไรอันมั่นใจมากว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ชัยชนะจะเป็นของเขาอย่างแน่นอน

ด้วยความโกรธแค้น แกรี่จึงระดมกำลังทั้งหมดของตระกูล และแม้แต่นักสู้ผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของพวกเขาก็มาพร้อมกับพวกเขา ด้วยคนเหล่านี้ พวกเขาสามารถทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย สำหรับเมืองไพร์มนั้น การจัดการกับเมืองคานห์เป็นเรื่องที่ง่ายดาย

บรู๊ว...

ทันใดนั้น เสียงโหยหวนดังก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงหอนของสัตว์ร้ายเหล่านี้ทำให้หลายคนในรถรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขามีหนาม

ในรถของไรอัน คนขับของเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย "มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงหมาป่ากำลังหอน”

“ตั้งใจขับรถต่อไป นี่คือเมืองคานห์ทางตอนใต้ มันจะมีหมาป่าได้ยังไง?” ไรอันคำราม

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพูดได้ไม่นาน รถที่อยู่ข้างหน้าของพวกเขาต่างก็หยุดกะทันหัน จึงทำให้กองทัพที่ตามมาต้องหยุดรถทันที พวกเขารู้สึกสับสน ผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เปิดกระจกลงและมองออกไปข้างนอก

รถของไรอันอยู่ตรงกลางระหว่างเหล่ากองกำลัง เขาคว้าเครื่องวิทยุข้าง ๆ แล้วส่งคำถามออกไปว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“นายน้อยสาม มีรถสองสามคันข้างหน้ากำลังขวางทางพวกเราเอาไว้ คนเหล่านี้ดูเป็นศัตรู คุณจะให้เราทำยังไง?”

ไรอันขมวดคิ้ว “พวกมันต้องมาจากเมืองคานห์ ออกไปฆ่าพวกมันให้หมด”

“เข้าใจแล้ว”

ตามคำสั่งของไรอัน ประตูรถทุกคันต่างก็เปิดออก คนเกือบสองร้อยคนถืออาวุธลงมาจากรถ

แต่เมื่อออกไปข้างนอก พวกเขาก็ต้องพบกับฉากที่น่าตกใจ ชายคนหนึ่งที่กำลังลากจูงหมาป่าสีครามยืนอยู่บนทางลาดเล็ก ๆ ดูเหมือนปีศาจในยามราตรีในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อน หมาป่าสีฟ้าเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงหอนไปที่ดวงจันทร์

บรู๊ว...

ฉากนั้นน่ากลัวเล็กน้อย

ในขณะนั้น สมาชิกรังหมาป่าที่ใจร้อนต่างก็มองไปที่กลุ่มใหญ่ที่มีคนสองร้อยกว่าคนด้วยสายตาอันตื่นเต้น แต่ละคนต่างก็หักข้อนิ้วรอ พวกเขาแทบจะรอไม่ไหว

ก่อนหน้านี้ พวกเขาทำได้แค่ฝึกกับหมาป่าหรือทิเบตัน แมสทิฟฟ์อยู่ในโรงเลี้ยงสุนัขหรือเพียงแค่ต่อสู้กันเองจนพวกเขาเบื่อกับการฝึกฝนเหล่านั้น

แม็กซ์ได้ส่งพวกเขาไปทำภารกิจในบางครั้ง แต่ตอนนี้ ภารกิจเหล่านั้นไม่มีความท้าทายอีกต่อไป อันที่จริง ภารกิจเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป

ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับคนสองร้อยคน พวกเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้ยังไง?

“บราเธอร์ไทร์บอกว่าเราจะได้รับเงินหนึ่งแสน ต่อหัวของคู่ต่อสู้แต่ละคน” สตีเฟนคำราม

อย่างไรก็ตาม เงินไม่ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยามากนักสำหรับสมาชิกของรังหมาป่า

สตีเฟนรู้สึกพูดไม่ออกแต่เขายังคงพูดต่อ “และหมาป่าอีกสองตัวสำหรับการฝึก”

วู้ว!!!

ทันใดนั้น สมาชิกรังหมาป่าต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดี เสียงร้องของพวกเขาน่ากลัวกว่าหมาป่าหรือทิเบตันเสียอีก

ในอีกด้านหนึ่ง รัศมีของคนสองร้อยคนเหล่านี้ถูกกดดันโดยกลุ่มเล็ก ๆ เป็นอย่างมาก นักฆ่าของตระกูลฟิชเชอร์นั้นยังคงสบายดี แต่ยอดฝีมือหลายคนที่ไรอันรวบรวมจากโลกใต้ดินของเมืองไพร์ม กลับรู้สึกว่าหนังศรีษะของพวกเขามีหนามและหัวใจก็เต้นรัว

เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาควรจะมาที่เมืองคานห์เพื่อการแสดงอำนาจโดยที่พวกเขาไม่ต้องกระดิกนิ้วเลยไม่ใช่เหรอ? พลเมืองที่นี่ควรจะคร่ำครวญจนต้องก้มกราบลงบนแทบเท้าของพวกเขาเมื่อได้เห็นจำนวนคนของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?

แต่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาเพิ่งจะมาถึงเมืองคานห์ แต่กลุ่มคนประหลาดเหลานี้ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา ในขณะที่แต่ละคนดูน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่า

ตรงข้ามกับพวกเขา สมาชิกรังหมาป่ากระโจนใส่พวกเขาด้วยความกระตือรือร้นราวกับหมาป่าโจมตีฝูงแกะ

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น

ไม่ นี่ไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่เลย มันเป็นการเข่นฆ่าแต่ฝ่ายเดียว ถูกต้อง มันเป็นการสังหารหมู่!

แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ สำหรับสมาชิกรังหมาป่าในการทำลายล้างตระกูลฟิชเชอร์ของเมืองไพร์ม

ที่เส้นแบ่งเขต ไทร์เอนกายพิงลงบนแผ่นหินศิลาอย่างเกียจคร้าน เขาจุดบุหรี่และสูบมันในโอกาสที่หายากเช่นนี้ ก่อนจะมองไปที่คำแกะสลักบนแผ่นหินศิลา

เขาหรี่ตาลงและพึมพำกับตัวเอง “หลังจากคืนนี้ ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องเพิ่มคำอีกสองสามคำลงบนแผ่นหินศิลานี้เพื่อเป็นการเตือนความจำคนเหล่านั้นจากเมืองไพร์ม ‘ดินแดนต้องห้ามของพระเจ้า!’”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ