ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 89

ฮิลารีเริ่มได้ใจมากขึ้นเมื่อเธอพูด ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยคำว่า 'เย่อหยิ่ง' “วินนี่เฟรด เธอต้องเคยได้ยินชื่อของ 'หัตถ์แห่งพระเจ้า' ที่จะมาปรากฏตัวในการแข่งขันครั้งนี้ มันน่าทึ่งจริง ๆ ที่ใครบางคนบนโลกใบนี้ สามารถออกแบบงานศิลปะอันศักดิ์สิทธิ์เช่น 'ออทัมน์ ฟิลด์' ได้ กุชชี่ได้ส่งฉันมาดูแลธุรกิจที่นี่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ คุณมิคาเอลยังมอบความไว้วางใจให้ฉันเป็นตัวแทนของกุชชี่ ในการประสานงานและทำงานร่วมกับ หัตถ์แห่งพระเจ้า พูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ มันน่าตื่นเต้นมาก หัตถ์แห่งพระเจ้า ผู้นั้นจะต้องยอดเยี่ยมจริง ๆ มันน่าอิจฉาใช่ไหมวินนี่เฟรด?”

วินนี่เฟรดและไทร์ตกตะลึง ฮิลารี ไวท์ เธอให้ความเคารพ หัตถ์แห่งพระเจ้าขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัตถ์แห่งพระเจ้า นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ

ไทร์หัวเราะ “กุชชี่มอบงานสำคัญให้เธอ แต่เธอไม่ได้ศึกษาภูมิหลังและประวัติของ หัตถ์แห่งพระเจ้าเลยใช่ไหม?”

ฮิลารียิ้ม “แน่นอนสิ ฉันมีแฟ้มของเขาแต่ฉันตั้งใจที่จะไม่อ่าน ฉันอยากให้เขามาเซอร์ไพรส์ฉัน เพราะฉันจะได้เจอเขาในเร็ว ๆ นี้ ฉันคิดว่าเขาต้องเป็นผู้ใหญ่ที่แน่วแน่ มีความสามารถ และร่ำรวย เป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ”

ไทร์ยังสังเกตเห็นหน้าแดง ๆ บนใบหน้าของฮิลารีได้! ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าใครสักคนจะมาเป็นคู่ครองของเธอ

ไทร์เหลือบมองวินนี่เฟรด แล้วมองกลับไปที่ฮิลารีก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"นายหัวเราะอะไร?" ฮิลารีจ้องไปที่ไทร์

ไทร์สงบสติอารมณ์และพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันหัวเราะเพราะเธอขาดความสง่า ขาดความละอายใจ และความตระหนักรู้”

“นาย...นายกล้าดียังไงดูถูกฉัน!”

ไทร์พูดอย่างดูถูก “จมูกของเธอถูกเติมเต็ม โหนกแก้มของเธอถูกงัดออก คางของเธอถูกยัดใส่ และเธอยังทำตาสองชั้นอีกด้วย”

ในขณะที่เขาพูด ไทร์มองไปที่หน้าอกของฮิลารีและพูดอย่างดูถูกว่า “นั่นก็เป็นของปลอม และฉันได้กลิ่นของโสเภณีจากร่างกายของเธอ การจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในแบรนด์หรูระดับสากลอย่างกุชชี่ได้ เธอต้องมีประสบการณ์อย่างน้อยยี่สิบปี แต่ทว่า เธอไปถึงที่นั่นได้ในเวลาเพียงแค่หกปี เธอเป็นแบบที่ฉันคิดไว้จริง ๆ...”

ไทร์พูดอย่างมีเงื่อนงำ บ่งบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับตำแหน่งมาโดยการใช้ร่างกายเข้าแลก

ราวกับว่าไทร์กำลังจะทำให้เส้นประสาทของเธอแตก จากนั้นฮิลารีโวยวายด้วยความโกรธ "นาย! กล้าดียังไงพูดจาดูถูกและทำให้ฉันขายหน้า? ฉันจะทำให้นายต้องชดใช้!”

“หุบปากและใสหัวออกไปจากสายตาของฉัน มิฉะนั้น เธอเชื่อไหมว่าฉันสามารถทุบสะพานจมูกจนไปถึงที่หูของเธอได้” ใบหน้าของไทร์มืดครึ้มลงจนฮิลารีตกใจ

ฮิลารีปิดจมูกของเธอด้วยท่าทางหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว “ก็ได้ ก็ได้ ไอ้คนพาล ผู้หญิงอย่างฉันจะไม่ก้มลงไปอยู่ระดับเดียวกับนาย”

ฮิลารีรีบเดินออกไป วินนี่เฟรดถามไทร์อย่างรวดเร็ว “นายรู้ได้ยังไงว่าเธอทำศัลยกรรมพลาสติก?”

“ฉันเป็นแพทย์ศักดิ์สิทธิ์และรอบรู้ทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์!” คำตอบที่ฟังดูสบาย ๆ ของไทร์ทำให้วินนี่เฟรดเลือดขึ้นหน้าทันที “โอ้ ฉันหมายถึง ในโครงสร้างของกระดูก!”

“ว่าแต่ ความสัมพันธ์ของเธอและผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงกันแน่? ฉันไม่เคยเห็นเธอโกรธใครได้มากขนาดนี้”

วินนี่เฟรดสูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับว่าเธอเพิ่งจะจำความทรงจำอันแสนเจ็บปวดได้

“เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่สถาบันออกแบบของฉัน ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทุกคนในสาขาวิชาการออกแบบของเรานั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้น ฉันจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอมาโดยตลอด เราจะได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อย ๆ ต่อมา ในปีสุดท้ายมหาวิทยาลัยของเราได้จัดการแข่งขันการออกแบบ และผู้ชนะจะได้ไปเรียนต่อที่อิตาลี ฉันจึงลงทะเบียนทันทีและทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการแข่งขันในครั้งนั้น ย้อนกลับไปในตอนนั้น ฮิลารีบอกว่า เธอไม่ต้องการจะไปต่างประเทศ ดังนั้นเธอจึงไม่ขอลงทะเบียน และเนื่องจากเธอไม่ต้องการลงทะเบียน ฉันจึงไม่ได้รู้สึกเอะใจ”

เมื่อถึงจุดนี้ ข้อนิ้วของวินนี่เฟรดเริ่มส่งเสียงแตกหัก เธอลังเลเล็กน้อยที่จะเล่าต่อไป

“มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”

“หลังจากนั้น เมื่อการลงทะเบียนกำลังจะเริ่มขึ้น เธอก็ขอดูงานของฉันเพื่อดูว่าเธอจะให้ความคิดเห็นกับฉันได้ไหม ในตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรจึงตอบตกลง แต่แล้ววันต่อมา ในระหว่างการลงทะเบียน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ฮิลารีจะมาลงทะเบียนด้วย และเธอก็ใช้งานของฉันในการลงทะเบียน ในท้ายที่สุด เมื่อการส่งงานสองรายการที่เหมือนกัน แน่นอนว่า หนึ่งในนั้นคือการลอกเลียนแบบ”

ไทร์ขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไม ยัยฮิลารีคนนี้ถึงสารเลวเหมือนกับไอริส ซี เช่นนี้ เหมือนลอกเลียนแบบกันมาไม่มีผิด

“ในตอนนั้น เธอไม่ได้ขอคำชี้แจงหรือโต้แย้งเหรอ? ยันนั่นเป็นคนขโมยความคิดเธอ!”

“ฮ่าฮ่า...” วินนี่เฟรดหัวเราะอย่างขมขื่น “การตอบโต้จะมีประโยชน์อะไร? ฉันไม่สามารถเอาชนะเธอได้ นายพูดถูกไทร์ ฮิลารีสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกุชชี่ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงหกปี นั่นไม่ใช่เพราะทักษะและความสามารถของเธอ ย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอเคยนอนกับผู้ดูแลมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง และทั้งสองคนก็ยืนยันว่า มันคือฉันที่ลอกเลียนเธอ ฉันถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการแข่งขัน ในขณะที่ฮิลารีได้รับความปรารถนาของเธอและได้รับรางวัลที่หนึ่งและได้รับโอกาสในการไปศึกษาต่อในอิตาลี”

เมื่อเป็นเช่นนั้นไทร์ก็ส่ายหัวเช่นกัน มีมนุษย์ที่น่ารังเกียจมากเกินไปบนโลกใบนี้

“ในตอนนั้น ฮิลารีรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะเธอได้ นั่นเป็นสาเหตุที่เธอจงใจใช้อุบายที่ลวงตาเช่นนี้ ยัยนี่ชั่วร้ายยิ่งกว่าไอริส ซี”

วินนี่เฟรดหัวเราะอย่างขมขื่นและพึมพำ “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้ชีวิตของฉันคงไม่อยู่ในสภาพที่น่าสงสารเช่นนี้!”

วินนี่เฟรดพูดถูก ถ้าเธอสามารถไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้ เธอคงไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นั้นเมื่อหกปีก่อน ด้วยทักษะและความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของเธอ เธอจะมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์

มีทางแยกมากมายในชีวิต ถ้าหากใครคนหนึ่งเดินผิดทาง ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ไทร์ไม่สามารถเปลี่ยนอดีตของวินนี่เฟรดได้ แต่เขามีความมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าเขาจะทำให้เธอมีอนาคตที่สมบูรณ์แบบและมีสีสันมากขึ้น!

“ฮิลารีคนนี้น่ารังเกียจจริง ๆ! แต่ชีวิตที่มีความสุขของเธอจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า”

ไทร์หรี่ตาลงและจ้องไปที่ฮีลารีซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอื่นและกำลังหมุนแก้วไวน์ของเธอ เธอจงใจเลียนแบบความสง่างามและความเฉลียวฉลาดของชนชั้นสูง แต่ทว่า ไทร์ได้พบกับชนชั้นสูงตัวจริงจากตะวันตกมามากมายจนนับไม่ถ้วน อารมณ์ของพวกเขาไม่สามารถคัดลอกได้ง่าย ไม่ว่าฮิลารีจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นที่ขุ่นมัวบนร่างกายของเธอได้

“วินนี่เฟรด เธอต้องเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้ตาบอด กรรมบางอย่างมาช้าแต่ไม่เคยขาด และวันนี้ กรรมของฮิลารีก็มาถึงสิ่งที่ยัยนั่นเป็นหนี้เธอในตอนนั้น วันนี้เราจะทวงมันคืนอย่างสาสม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ