การเดินทางขององค์หญิงผู้ดื้อรั้นเป็นไปอย่างเงียบเชียบและถูกเก็บให้เป็นความลับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจดหมายได้ถูกคนของ
หลี่อวี้อ๋องส่งไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อให้รองแม่ทัพจางซื่อหมิงเตรียมการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อต้อนรับการมาขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์แต่อุตริดันคิดแผลง ๆ อยากมาตกระกำลำบากในค่ายทหาร ทั้งนี้หลี่อวี้อ๋องได้เตรียมการเป็นอย่างดี โดยให้หลานรักออกเดินทางพร้อมกับทหารอารักขาที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเดินทางล่วงหน้าไปประจำการตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ข้าวของในหีบไม้เรียบ ๆ ไม่สะดุดตาสองหีบ มีเพียงเสื้อผ้าธรรมดาและตำราไม่กี่เล่ม กับของสำหรับการปลอมตัว และของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงซึ่งจะต้องเก็บอย่างมิดชิด
หยางจูนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในเกวียนเทียมม้าคันเล็กสภาพเก่าคร่ำคร่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต เมื่อไปถึงที่เมืองชายแดนนางจะต้องลงจากรถม้าคันนี้ที่จะขนสัมภาระเข้าไปในค่ายตามเส้นทางลับ แล้วเปลี่ยนไปใช้รถม้าคันอื่นแทนเป็นระยะทางสั้น ๆ แม้จะฟังดูยากลำบากสำหรับองค์หญิงเช่นนาง แต่ในหัวใจดวงน้อยที่มีเพียงความปรารถนาจะได้ยลโฉมหน้าของชายในดวงใจ นางก็มีเพียงความตื่นเต้นเพียงเท่านั้น
มันอาจจะใช้เวลาหลายวันและขลุกขลักไปบ้าง แต่นางเชื่อว่าการกระทำในครั้งนี้จะต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่า นางเชื่อมั่นในตนเองเสมอว่าจะสามารถทำให้มู่หรงเซียวหนานมีใจให้นางได้ แม้อุปสรรคใหญ่ที่ค้ำคออยู่จะเป็นการที่นางอยู่ในร่างบุรุษก็ตามที
“องค์หญิงเพคะ นี่เราก็เดินทางกันมาได้สองชั่วยามแล้ว พักสักหน่อยดีหรือไม่เพคะ” นางกำนัลคู่กายเอ่ยด้วยเสียงอ่อนระโหย พลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ถ้าเรามัวแต่พักเช่นนี้ อีกสามชาติก็คงไม่ถึงชายแดนเป็นแน่” องค์หญิงกล่าวเป็นเชิงประชดประชัน แม้นางเองจะรู้สึกอ่อนล้าอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็เร่งอยากจะถึงที่หมายโดยเร็ว “อดทนเอาอีกหน่อยเถอะ
ลู่อิง อีกชั่วยามข้าจะให้พัก”
ลู่อิงมีสีหน้าดีขึ้น แล้วก็พลันสลดลงเมื่อคิดได้ว่าหากถึงที่หมายเร็ว นางก็ต้องแยกกับองค์หญิงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่อยู่รับใช้กันมา ลู่อิงไม่ได้รับอนุญาตให้ปลอมตัวเป็นชายเข้าไปในค่ายทหารด้วย เนื่องจาก
องค์หญิงหยางจูคิดว่าจะเป็นความวุ่นวายและอาจถูกสงสัยจนความแตกเสียมากกว่า แต่ด้วยความเป็นห่วงและมองการณ์ไกล พระชายาเยว่ชิงก็คิดว่าอย่างไรเสีย การมีคนรับใช้คู่กายไว้ใกล้ตัวก็ย่อมดีกว่า จึงให้นางกับ
ราชองครักษ์ปลอมตัวเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายแดนติดกับค่ายทหารที่ตั้งอยู่ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินใดขึ้น อย่างน้อยจะได้ช่วยเหลือหรือส่งข่าวได้ทันการณ์
“เป็นอะไรไป”
“หม่อมฉันแค่เป็นห่วงองค์หญิง เพียงแค่นึกว่าจะต้องไปหลับนอนบนพื้นแข็ง ๆ กินอาหารหน้าตาจืดชืด ทำงานหนักทรมานร่างกายก็อดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้เพคะ”
คนฟังถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร ทุกคนต่างก็พูดเรื่องนี้กับข้านับครั้งไม่ถ้วน แต่ข้าอยู่ได้ ลู่อิง คนเราถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ความเหนื่อยยากจากภายนอก ไม่อาจทำให้เขาหมดความพยายามไปได้หรอก”
เมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะทำให้นางเปลี่ยนใจ ลู่อิงก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
รถม้าโขยกเขยกไปเรื่อย ผ่านภูมิประเทศที่เริ่มทุรกันดารและแสดงออกถึงความเป็นชนบทมากขึ้นทุกที สิ่งปลูกสร้างที่กระจัดกระจายกันเป็นหย่อม ๆ ดูโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความแห้งแล้ง หยางจูทอดสายตามองภูเขาที่เห็นอยู่ไกลลิบ รู้ว่าจุดหมายปลายทางของตนยังอยู่อีกไกล
เมื่อถึงเวลาตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ องค์หญิงหยางจูก็ปล่อยให้
ทุกคนได้หยุดพักที่โรงเตี๊ยมเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่ง ถึงอย่างนั้น เถ้าแก่เจ้าของร้านก็ยังมีอัธยาศัยดี และมีน้ำใจไมตรีเข้ามาทักทายช่วยเหลือ หญิงสาวทั้งสองเดินเข้าไปด้านในด้วยความยินดี แม้หยางจูจะต้องหยิกหลังลู่อิงเป็น
พัก ๆ เพราะแสดงได้ไม่สมบทบาทของหญิงสาวชาวบ้านธรรมดานัก แต่ผู้คนในที่แห่งนั้นก็ไม่ได้มีเวลามาสงสัยนักเดินทางมากหน้าหลายตาที่ผ่านไปมา ด้วยตนเองก็เป็นคนแปลกหน้าของผู้อื่นเช่นกัน
ในร้านมีทั้งลูกค้าชายหญิงนั่งปะปนกันอยู่ นางจึงคลายความระแวดระวังลง แล้วเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านนอกใกล้กับประตูเพื่อจะสังเกตผู้คนเข้าออก ที่ด้านนอกร้านยังมีการสัญจรไปมา เซี่ยหานปิง ราชองครักษ์ที่ตอนนี้รับบทเป็นเพียงคนขับรถม้า เมื่อหาหญ้าและน้ำให้ม้ากินเรียบร้อย ก็รีบตามองค์หญิงเข้ามาด้านในและนั่งประจำการที่โต๊ะทันที
“เจ้าไม่ต้องนั่งหลังตรงขนาดนั้นก็ได้” นางกระซิบกระซาบ “เราปลอมตัวอยู่ ลืมหรืออย่างไร”
“องค์หญิง กระ...” ปากที่อ้ากว้างปิดฉับเมื่อโดนคนที่ตนเรียกว่าองค์หญิงถลึงตาใส่
“พวกเจ้านี่ ให้ปลอมตัวง่าย ๆ ยังทำไม่ได้ แย่จริงเชียว เอางี้ดีกว่า ต่อไปนี้ข้าจะเรียกพวกเจ้าว่าพี่เซี่ยกับพี่ลู่อิงละกัน” นางสรุปเองเสร็จสรรพ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารหลายอย่างกับเสี่ยวเอ้อที่ยืนรออย่างนอบน้อมอยู่ด้านหลัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหยางจูสนุกสนานกับสิ่งที่นางทำอยู่ ก่อนหน้านี้ นางเคยแวะเวียนไปหาพระชายาของเสด็จอาอยู่หลายครั้ง และได้ฟังเรื่องเล่าที่หญิงสาวแอบออกไปเที่ยวข้างนอก ได้พบเจอสิ่งน่าสนใจมากมาย ก็นึกอิจฉาอยู่ในอก แม้ทั้งสองคนจะเข้าใจหัวอกของกันและกัน แต่พระชายาเยว่ชิงนั้นก็ยังถือว่ามีอิสระกว่านางมากนัก
“อาหารมาแล้ว...เจ้าค่ะ” ลู่อิงเอ่ยคำลงท้ายด้วยเสียงแผ่วเบา ท่าทางหวาด ๆ ของแทำให้หยางจูหัวเราะคิกคัก
“ถ้าคนที่นั่นมาได้ยินเข้า คงจะทำหน้าตลกพิลึกที่ได้ยินเจ้าพูดกับข้าเช่นนี้”
ลู่อิงยิ่งหน้าแดงด้วยความกลัวระคนไม่สบายใจ แต่มือบางตบบนไหล่นางแปะ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์