จุ๊บ!
“อื้อ...ชื่นใจจัง” แม่ทัพฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ริมฝีปากบางอันอวบอิ่มจรดลงที่แก้มของตน
ช่อเอื้องหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างรู้สึกเขินอาย แต่อยู่ๆก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวซะก่อน
“อ๊ะ! พี่ทัพจะทำอะไรคะ” เธออุทานอย่างตกใจ
“หนูไม่รู้จริงๆ เหรอ?” แม่ทัพกระซิบถามเสียงสั่นพร่า เพราะตอนนี้ไฟปรารถนาของตนกำลังลุกโชนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ระ...เราทานข้าวกันอยู่นะคะ” ช่อเอื้องรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไรจึงรีบเตือน
“เดี๋ยวค่อยกลับมาทานครับ” แม่ทัพกระซิบบอกก่อนจะช้อนอุ้มนางฟ้าคนสวยตรงเข้าห้องนอนไปอย่างไม่รอช้า
ช่อเอื้องซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง นอกเสียจากให้ความร่วมมือกับคนหื่น และเปิดใจยอมรับหน้าที่เมียอีกฝ่ายยัดเยียดให้
สองวันต่อมา...เชียงใหม่ (งานแต่งของจอมพลกับจีอาน่า)
แม่ทัพขับรถเข้าไปจอดในไร่ไปรยาเวศเสร็จ ก็รีบหันไปบอกคนที่ถูกมารดาของตนจับแต่งหน้าทำผมและใส่ชุดเดรสเข้ารูปสีฟ้าอ่อนของแบรนด์ดัง ทำให้ดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิง ซึ่งนั่น...ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก
“เอื้องอยู่ใกล้ๆ กับแม่พี่นะ ถ้าใครถามว่าเป็นไรกับพี่ ก็ให้บอกว่า...”
“หนูเป็นคู่หมั้นของพี่ทัพค่ะ” ช่อเอื้องฉีกยิ้มตอบอย่างรู้สึกเขินๆ
“เก่งมาก อ้อ! ถ้าไอ้ขุนมาหา ให้บอกมันไปว่า...ไปตายซะ! โอเค้?”
“คะ...ใครเหรอคะ” เธอขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“ก็ไอ้ขุนคนที่จ้างเอื้องให้มาแกล้งพี่ไง”
“หนูไม่...” ช่อเอื้องกำลังจะตอบ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น
ก๊อกๆ
“เอื้อง! รีบๆ ลงมาเร็วลูก แม่จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆ ของแม่” มาลีนเอ่ยชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อยากจะเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้ให้คนสนิทรู้จักใจแทบขาด
“ค่ะ” ช่อเอื้องปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างไม่รอช้า
“ฝากเอื้องด้วยนะครับแม่” แม่ทัพที่ก้าวออกจากรถอีกฝั่ง หันไปบอกพลางส่งยิ้มให้ไปมารดาที่จะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ แม่จะไม่ให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด” มาลีนตอบก่อนจะควงแขนว่าที่ลูกสะใภ้เดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ
แม่ทัพมองตามจนกระทั่งเห็นนางฟ้าคนสวยยกมือไหว้ผู้ใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ ตนจึงออกเดินไปยังขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวที่มีขุนพันยืนทำหน้าเลิกลั่กเหมือนว่ากำลังนินทาตนให้ภาคินและจอมพลฟัง
“ว่าไงขุนพันเพื่อนรัก สบายดีไหม” แม่ทัพเอ่ยทักทายพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสีซีดเผือดของคนที่เอาคืนตนได้อย่างเจ็บแสบ จนกลายเป็นคนมีพันธะไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“แฮ่ๆ หวัดดีเพื่อนทัพ นึกว่าจะไม่มาร่วมงานแล้วซะอีก” ขุนพันฝืนส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้เพื่อนรักที่ทำหน้าดุราวกับ หมา เอ๊ย! สุนัขสายพันธุ์พิตบูลยังไงยังงั้น
“มาสิ! ยังไงก็ต้องมา เพราะอะไรรู้ไหม?” แม่ทัพแกล้งส่งสายตาอำมหิตไปให้
“อะ...อะไรเหรอ” ขุนพันถามเสียงสั่นๆ
“เพราะมึงคือคนที่กูอยากเจอที่สุดในงานยังไงล่ะไอ้ขุน” แม่ทัพบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“อ้าวๆ เคลียร์กันเองนะ งานนี้กูเป็นเจ้าบ่าว” จอมพลรีบออกตัว
“เดี๋ยวกูให้ไอ้โอมขับรถพาพวกมึงสองคนไปเคลียร์กันที่ศาลาท้ายไร่แล้วกัน จะได้ทำอะไรกันสะดวกๆ ที่นี่ผู้ใหญ่เยอะ” ภาคินเอื้อเฟื้อสถานที่ทันที
“ไอ้คิน!” ขุนพันหันไปต่อว่าเพื่อนรักอย่างขุ่นเคือง
“หึ! วันนี้กูมาอวยพรไอ้จอมกับน้องจีอา แต่พรุ่งนี้กูจะชำระความกับมึงไอ้ขุน” แม่ทัพที่ได้ที ก็ข่มขวัญต่อ
“แฟนสวยนะทัพ” ภาคินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเห็นผู้ใหญ่กำลังมองมายังที่พวกตนยืนอยู่
“ขอบใจ” แม่ทัพยิ้มรับคำชม
“ไปเจอกันที่ไหนเหรอทัพ?” ขุนพันกลั้นใจถามอย่างข้องใจ
“กูว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มึงไปชำระความกับกูตอนนี้เลยไหม” แม่ทัพหันไปมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ‘ไอ้เชี่ย! มึงเป็นคนพามายังจะมาถามอีก’
“ไอ้ทัพ! แขกเต็มงานนะมึง จะทำอะไรก็นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เอาไว้ให้เยอะๆ” ขุนพันรีบเอ่ยเตือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)