บุรฉัตรหันมามองเพื่อน แล้วถามอย่างต้องการจะแหย่
“กูสวยขึ้นใช่ไหม”
ก็ขนาดกลับบ้านไป แม่กับพ่อยังบอกเลยว่าเธอสวยขึ้น
“อืมสวย แต่มึงแปลกตรงที่มึงดูเป็นชะนีตัวน้อย ที่ดูน่าถนอมน่าเอ็นดู ไม่เหมือนอีบลูเพื่อนกูคนเก่าเลย ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอมึง”
บุรฉัตรยิ้มแต่ไม่ตอบ
“คุณติณห์เขาดีกับมึงใช่ไหม”
หลังจากยื่นรายการที่จดออเดอร์ให้กับคนขายแล้ว แนทตี้ก็เริ่มสัมภาษณ์เพื่อนทันที
“ดีมากเลยแนทตี้ เขาดีกับกูทุกอย่าง มึงรู้ไหมเขาซื้อของให้กูเยอะมาก วันโน้นเขาพากูไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าให้กูหมดไปตั้งหลายแสน กูเสียดายเงินแทบแย่ อยากบอกเขามากว่ากูขอแค่หมื่นเดียวเดี๋ยวไปเดินตลาดนัดซื้อเอง แล้วที่เหลือโอนเข้าบัญชีได้ไหม ก็กลัวว่าเขาจะหาว่างก”
บุรฉัตรยกน้ำขึ้นมาดูดแล้วเล่าต่อ
“วันดีคืนดีก็มีคนมากดกริ่งที่ห้องเอาของมาส่ง เป็นพวกรองเท้ากระเป๋า อะไรแบบนี้อ่ะมึง คุณติณห์โคตรดีเลย”
วันนั้นคุณติณห์เขาสอนให้เธอใช้ปากกับตรงนั้นของเขาหลังจากที่เขาทำให้เธอมาหลายครั้งมากเธอเลยอยากจะตอบแทนโดยการทำให้เขาบ้าง ดูเขาพอใจมาก วันต่อมามีคนเอาของมาส่งที่ห้องเปิดออกมาเป็นกระเป๋า แต่มันใบเล็กไปหน่อย ใส่อะไรได้ไม่ค่อยเยอะ แต่คุณติณห์ให้ก็ดีใจทั้งนั้นแหละ
“วาสนามึงจริงๆเลยอีบลู ตัวแทนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ อยากได้คุณติณห์เป็นผัวทั้งนั้น สุดท้ายเป็นไงล่ะ อีบลูชนะเริ่ดจ้า ได้คุณติณห์มากินคนเดียว”
แนทตี้ยิ้มอย่างพลอยยินดีไปกับเพื่อนด้วย บุรฉัตรยิ้มกว้าง ใช่เธอแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้ใกล้ชิดกับเขาแบบที่ไม่มีใครได้ใกล้ ได้เห็นเขาในมุมที่ไม่มีใครได้เห็น
แนทตี้มองเพื่อนรักที่ตาหวานเชื่อมขณะที่พูดถึงผู้ชายอย่างอดหมั่นไส้นิดๆไม่ได้ โอ๊ยเหม็นเบื่อคนมีความรัก
“แล้วมึงเป็นไงบ้างแนทตี้ งานที่สำนักงานเจ๊พราวยุ่งไหม”
บุรฉัตรถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อน
“นิดหน่อยเพราะตัวแทนหลายคนเขาทำยอดไปเที่ยวฝรั่งเศสกัน เลยขยันทำแบบเสนอลูกค้า ตัวแทนเดินเข้าออกสำนักงานมาส่งยอดเป็นว่าเล่น”
บุรฉัตรตาโต ไปฝรั่งเศสเหรอ ว้าว
“แล้วคุณติณห์ต้องไปไหม”
แนทตี้ทำท่าคิด
“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะไปนะ”
บุรฉัตรฟาดมือลงที่แขนแนทตี้รัวๆแบบคนที่ตื่นเต้น
“อีแนทตี้ ต้องทำยอดเท่าไหร่”
“ล้านห้าภายในสามเดือนนี้”
ห๊า ล้านห้าภายในสามเดือนนี้เนี่ยนะ จากที่ตื่นเต้นดีใจยิ้มหน้าบาน ก็หุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว ตั้งล้านห้าจะไปขายใคร แถมสามเดือนด้วย
“มึงคิดมากไปไหมบลู คนรู้จักกันพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นเรื่องธรรมดาออก อีกอย่างการเสนอความคุ้มครองให้ลูกค้ามันคือการให้ความดูแลและปรารถนาดีไม่ใช่การไปรบกวนขอความช่วยเหลือเสียหน่อย”
แนทตี้รับจานส้มตำที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟ ก่อนจะพูดต่อ
“มึงรู้ไหมล่าสุดมีครอบครัวหนึ่งพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุจากไปกะทันหันแต่เคสนี้พี่ปูตัวแทนเขาไปเสนอความคุ้มครองไว้ให้ พอวันที่เขาเสียพี่ปูมาทำเช็คไปจ่ายให้เมียเขาล้านหนึ่งเมียเขาร้องไห้โฮเลย ไม่รู้ว่าผัวทำประกันไว้ จากที่เครียดมาตลอดว่าจะเอาปัญญาที่ไหนเลี้ยงลูกเพราะตัวเมียก็เป็นแม่บ้านธรรมดา ลูกสองคนคนเล็กเพิ่งขวบเดียวเอง เมียแกบอกว่าเหมือนมีทางรอดพอให้ลืมตาอ้าปากมีทุนรอนไปทำมาหากินเลี้ยงลูกได้ มึงคิดดู กูไปมอบเช็คให้เขาพร้อมพี่ปูกูนี่มองหน้าเขากับลูก กูถึงกับร้องไห้เลย”
แนทตี้เล่าในสิ่งที่เห็นให้บุรฉัตรฟัง ซึ่งบุรฉัตรก็ฟังอย่างสนใจ
“ถ้ามึงคิดว่าการไปขายคือการไปเอา มึงคิดผิดแล้วรู้ไหมอีบลู เพราะเวลาที่มึงคิดแบบนั้นมันคือประโยชน์ของมึง มึงจะคิดแค่ว่ามึงจะได้อะไรจากการไปขายเขา ค่าคอมเท่าไหร่นะที่จะได้ จะปิดยอดไปเที่ยวได้ไหมนะ พอคิดแบบนี้เราจะอายไม่กล้าเสนอ แต่ถ้ามึงคิดมุมกลับว่าทุกครั้งที่มึงไปขายมึงกำลังเอาความปรารถนาดีไปมอบให้ลูกค้า มึงจะอยากทำ มึงจะอยากเสนอ เพราะมึงกำลังทำสิ่งที่ดีทำสิ่งที่ถูกที่จะเป็นประโยชน์กับคนอื่น มึงกำลังไปให้ไม่ใช่ไปเอา เห็นไหมมึง มันต่างกันนะ”
แนทตี้พูดจายาวเหยียดสอนเพื่อน เล่นเอาบุรฉัตรอ้าปากหวอด้วยความตะลึง เพื่อนเธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“แนทตี้ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว มึงมีความคิดขนาดนี้เลยเหรอ”
แนทตี้เชิดหน้าชูความสวยอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่เพราะกูสวย และกูมีสมอง”
บุรฉัตรนึกทึ่งในตัวเพื่อนที่แค่ไม่นานที่ไปทำงานกับเจ๊พราว แนทตี้เพื่อนรักก็ดูเปลี่ยนไปมาก จากกระเทยหัวโปกกระโหลกกะลากลายเป็น คนมีความคิดขนาดนี้ขึ้นมาได้ ภูมิใจในตัวเพื่อนจริงๆ
“จ้าอีคนสวย เออมึงได้ถามเจ๊พราวเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่มีข่าวกับคุณติณห์ให้กูยัง”
บุรฉัตรถามแนทตี้ในเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อศศินาที่เคยมีข่าวกับติณห์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา