Virgin Blue ซ่อนเสน่หา นิยาย บท 66

ลงจมูกลงไปในตอนที่น่าหลงใหลของ Virgin Blue ซ่อนเสน่หา, นิยายInternet ที่เขียนโดย Internet นิยายนี้มีเรื่องราวที่ซับซ้อน ความลึกลับและตัวละครที่ไม่ลืม นิยายนี้สัญญาว่าจะพาคุณผ่านการเดินทางของความตื่นเต้นและความเชื่อมั่นอันหลงใหล ไม่ว่าคุณจะปกติที่การที่รักความลึกลับหรือความอบอุ่นใจของเรื่องราวที่เข้าถึงจิตใจ Internet ได้ถักเสาะเสียงให้เป็นเรื่องราวที่จะยินตัวเองลงบนหน้าความทรงจำ สำรวจหน้ากระดาษของ Virgin Blue ซ่อนเสน่หา ตั้งแต่ตอนที่ ติดใจ 16/2 และปล่อยให้เวทมนตร์บุบคลามไปด้วย

บุรฉัตรหันมามองเพื่อน แล้วถามอย่างต้องการจะแหย่

“กูสวยขึ้นใช่ไหม”

ก็ขนาดกลับบ้านไป แม่กับพ่อยังบอกเลยว่าเธอสวยขึ้น

“อืมสวย แต่มึงแปลกตรงที่มึงดูเป็นชะนีตัวน้อย ที่ดูน่าถนอมน่าเอ็นดู ไม่เหมือนอีบลูเพื่อนกูคนเก่าเลย ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอมึง”

บุรฉัตรยิ้มแต่ไม่ตอบ

“คุณติณห์เขาดีกับมึงใช่ไหม”

หลังจากยื่นรายการที่จดออเดอร์ให้กับคนขายแล้ว แนทตี้ก็เริ่มสัมภาษณ์เพื่อนทันที

“ดีมากเลยแนทตี้ เขาดีกับกูทุกอย่าง มึงรู้ไหมเขาซื้อของให้กูเยอะมาก วันโน้นเขาพากูไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าให้กูหมดไปตั้งหลายแสน กูเสียดายเงินแทบแย่ อยากบอกเขามากว่ากูขอแค่หมื่นเดียวเดี๋ยวไปเดินตลาดนัดซื้อเอง แล้วที่เหลือโอนเข้าบัญชีได้ไหม ก็กลัวว่าเขาจะหาว่างก”

บุรฉัตรยกน้ำขึ้นมาดูดแล้วเล่าต่อ

“วันดีคืนดีก็มีคนมากดกริ่งที่ห้องเอาของมาส่ง เป็นพวกรองเท้ากระเป๋า อะไรแบบนี้อ่ะมึง คุณติณห์โคตรดีเลย”

วันนั้นคุณติณห์เขาสอนให้เธอใช้ปากกับตรงนั้นของเขาหลังจากที่เขาทำให้เธอมาหลายครั้งมากเธอเลยอยากจะตอบแทนโดยการทำให้เขาบ้าง ดูเขาพอใจมาก วันต่อมามีคนเอาของมาส่งที่ห้องเปิดออกมาเป็นกระเป๋า แต่มันใบเล็กไปหน่อย ใส่อะไรได้ไม่ค่อยเยอะ แต่คุณติณห์ให้ก็ดีใจทั้งนั้นแหละ

“วาสนามึงจริงๆเลยอีบลู ตัวแทนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ อยากได้คุณติณห์เป็นผัวทั้งนั้น สุดท้ายเป็นไงล่ะ อีบลูชนะเริ่ดจ้า ได้คุณติณห์มากินคนเดียว”

แนทตี้ยิ้มอย่างพลอยยินดีไปกับเพื่อนด้วย บุรฉัตรยิ้มกว้าง ใช่เธอแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้ใกล้ชิดกับเขาแบบที่ไม่มีใครได้ใกล้ ได้เห็นเขาในมุมที่ไม่มีใครได้เห็น

แนทตี้มองเพื่อนรักที่ตาหวานเชื่อมขณะที่พูดถึงผู้ชายอย่างอดหมั่นไส้นิดๆไม่ได้ โอ๊ยเหม็นเบื่อคนมีความรัก

“แล้วมึงเป็นไงบ้างแนทตี้ งานที่สำนักงานเจ๊พราวยุ่งไหม”

บุรฉัตรถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อน

“นิดหน่อยเพราะตัวแทนหลายคนเขาทำยอดไปเที่ยวฝรั่งเศสกัน เลยขยันทำแบบเสนอลูกค้า ตัวแทนเดินเข้าออกสำนักงานมาส่งยอดเป็นว่าเล่น”

บุรฉัตรตาโต ไปฝรั่งเศสเหรอ ว้าว

“แล้วคุณติณห์ต้องไปไหม”

แนทตี้ทำท่าคิด

“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะไปนะ”

บุรฉัตรฟาดมือลงที่แขนแนทตี้รัวๆแบบคนที่ตื่นเต้น

“อีแนทตี้ ต้องทำยอดเท่าไหร่”

“ล้านห้าภายในสามเดือนนี้”

ห๊า ล้านห้าภายในสามเดือนนี้เนี่ยนะ จากที่ตื่นเต้นดีใจยิ้มหน้าบาน ก็หุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว ตั้งล้านห้าจะไปขายใคร แถมสามเดือนด้วย

“ยากมากเลย”

บุรฉัตรบ่นพึมพำ

“เขาเปิดควอลิฟายมานานแล้วแต่จะปิดยอดในสามเดือนข้างหน้านี้”

“หมดหวังเลยจะไปทำได้ ได้ยังไง”

ท้อแท้สิ้นหวังยอดตั้งล้านห้าจะไปขายใคร

“ให้เฮียมิกซ์แนะนำลูกค้าให้สิมึง มึงเจอเฮียมิกซ์บ้างไหม”

แม่ค้าเอาจานไก่ย่างมาวางลงตรงหน้า ทั้งสองสาวเลยเริ่มลงมือกินกันไปคุยกันไป

“เฮียนัดกูไปกินข้าว แต่ยังไม่ได้ไปเลย ตอนเฮียว่างกูไม่ว่าง ตอนกูว่างเฮียติดพานักมวยในค่ายไปชกที่ญี่ปุ่นกลับมาวันเสาร์นี้”

ที่นัดไว้ว่าจะไปก็ต้องเลื่อนเพราะคุณติณห์มาหาทุกวัน พอวันที่คุณติณห์กลับบ้านไปหาแม่แล้วไม่ได้มาหาเธอ

เฮียมิกซ์ก็ติดซ้อมเพราะจะพานักมวยในค่ายไปชกที่ญี่ปุ่น

“เฮียมิกซ์เขากว้างขวางน่าจะรู้จักคนเยอะ ถ้าเขาช่วยแนะนำให้ มึงคงได้ลูกค้าอีกเยอะ”

มันก็จริงเหมือนที่แนทตี้ว่า แต่ก็รู้สึกผิดเหมือนหลอกเฮีย เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเฮียคิดอะไรแต่ก็ยังจะหาประโยชน์จากเขา ทั้งที่ตัวเองจะให้สิ่งที่เขาต้องการไม่ได้

“กูเกรงใจเขาว่ะแนทตี้ เหมือนไปหลอกเขา เฮียเขาบอกว่าเขาชอบกู อยากจีบ แล้วถ้ากูขอความช่วยเหลือจากเขากูก็ดูเลวๆยังไงไม่รู้ เห็นกันมาตั้งหลายปี กูทำไม่ลง”

ถึงจะเป็นคนแบบนี้ แต่เธอก็มีจรรยาบรรณอยู่

“มึงคิดมากไปไหมบลู คนรู้จักกันพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นเรื่องธรรมดาออก อีกอย่างการเสนอความคุ้มครองให้ลูกค้ามันคือการให้ความดูแลและปรารถนาดีไม่ใช่การไปรบกวนขอความช่วยเหลือเสียหน่อย”

แนทตี้รับจานส้มตำที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟ ก่อนจะพูดต่อ

“มึงรู้ไหมล่าสุดมีครอบครัวหนึ่งพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุจากไปกะทันหันแต่เคสนี้พี่ปูตัวแทนเขาไปเสนอความคุ้มครองไว้ให้ พอวันที่เขาเสียพี่ปูมาทำเช็คไปจ่ายให้เมียเขาล้านหนึ่งเมียเขาร้องไห้โฮเลย ไม่รู้ว่าผัวทำประกันไว้ จากที่เครียดมาตลอดว่าจะเอาปัญญาที่ไหนเลี้ยงลูกเพราะตัวเมียก็เป็นแม่บ้านธรรมดา ลูกสองคนคนเล็กเพิ่งขวบเดียวเอง เมียแกบอกว่าเหมือนมีทางรอดพอให้ลืมตาอ้าปากมีทุนรอนไปทำมาหากินเลี้ยงลูกได้ มึงคิดดู กูไปมอบเช็คให้เขาพร้อมพี่ปูกูนี่มองหน้าเขากับลูก กูถึงกับร้องไห้เลย”

แนทตี้เล่าในสิ่งที่เห็นให้บุรฉัตรฟัง ซึ่งบุรฉัตรก็ฟังอย่างสนใจ

“ถ้ามึงคิดว่าการไปขายคือการไปเอา มึงคิดผิดแล้วรู้ไหมอีบลู เพราะเวลาที่มึงคิดแบบนั้นมันคือประโยชน์ของมึง มึงจะคิดแค่ว่ามึงจะได้อะไรจากการไปขายเขา ค่าคอมเท่าไหร่นะที่จะได้ จะปิดยอดไปเที่ยวได้ไหมนะ พอคิดแบบนี้เราจะอายไม่กล้าเสนอ แต่ถ้ามึงคิดมุมกลับว่าทุกครั้งที่มึงไปขายมึงกำลังเอาความปรารถนาดีไปมอบให้ลูกค้า มึงจะอยากทำ มึงจะอยากเสนอ เพราะมึงกำลังทำสิ่งที่ดีทำสิ่งที่ถูกที่จะเป็นประโยชน์กับคนอื่น มึงกำลังไปให้ไม่ใช่ไปเอา เห็นไหมมึง มันต่างกันนะ”

แนทตี้พูดจายาวเหยียดสอนเพื่อน เล่นเอาบุรฉัตรอ้าปากหวอด้วยความตะลึง เพื่อนเธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“แนทตี้ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว มึงมีความคิดขนาดนี้เลยเหรอ”

แนทตี้เชิดหน้าชูความสวยอย่างภาคภูมิใจ

“ใช่เพราะกูสวย และกูมีสมอง”

บุรฉัตรนึกทึ่งในตัวเพื่อนที่แค่ไม่นานที่ไปทำงานกับเจ๊พราว แนทตี้เพื่อนรักก็ดูเปลี่ยนไปมาก จากกระเทยหัวโปกกระโหลกกะลากลายเป็น คนมีความคิดขนาดนี้ขึ้นมาได้ ภูมิใจในตัวเพื่อนจริงๆ

“จ้าอีคนสวย เออมึงได้ถามเจ๊พราวเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่มีข่าวกับคุณติณห์ให้กูยัง”

บุรฉัตรถามแนทตี้ในเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อศศินาที่เคยมีข่าวกับติณห์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา