หนึ่งเดือนผ่านไป
หนึ่งเดือนที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน หนึ่งเดือนที่ฉันไม่ได้เจอหน้าพี่เลย์ และไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย
ฉันภาวนาในทุกๆ คืน ขอให้ความเจ็บปวดมันจางหายไป ขอให้ฉันลืมในสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดเจียนตาย แต่ทำไมมันผ่านมาตั้งหนึ่งเดือนแล้วฉันยังคิดถึง ทำไมฉันถึงยังไม่ลืมความเจ็บปวดนั้น…มันเป็นความรู้สึกที่ยังหนักอึ้งอยู่ในหัวใจ ฉันไม่ร้องไห้แล้ว แต่หัวใจมันยังเจ็บปวดอยู่
“ไอริสอยากไปนั่งเล่นตรงนั้นจังค่ะ” ฉันชี้บอกคุณจอแดน ตรงนั้นที่ฉันพูดถึงน่าจะเป็นสวนสาธารณะ เห็นมันเงียบสงบดีจึงอยากไปนั่งเล่น
“ได้สิครับ”
วันนี้คุณจอแดนขออนุญาตคุณพ่อพาฉันออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก หลังจากที่ฉันเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องพร้อมกับความเสียใจ วันนี้คือวันแรกที่ฉันได้ออกมาเปิดหูเปิดตา
ฉันกับคุณจอแดนเปิดประตูรถแล้วเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ แล้ว แต่แถวนี้ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่
“ไม่เปลี่ยนใจมาเรียนที่นี่จริงๆ เหรอครับ” คุณจอแดนถามฉัน เรื่องนี้เขาถามบ่อยพอสมควรเลยแหละ แทบจะทุกครั้งที่เจอกันเลยก็ว่าได้
“ไอริสตอบไปหลายครั้งแล้วนะคะ”
“ผมก็หวังว่าบางทีถามไปแล้วคำตอบของไอริสอาจจะเปลี่ยน”
ฉันได้แต่ยิ้มจางๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“กินน้ำไหมครับ ผมจะไปซื้อมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ^_^”
“คุยๆ ไปเดี๋ยวก็คอแห้ง ผมไปซื้อน้ำมาไว้ดีกว่า” พูดจบคุณจอแดนก็ลุกขึ้นไปซื้อน้ำ
เขามักจะดูแลฉันดีมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉันรู้ว่าคุณจอแดนคิดอะไร แต่ฉันไม่สามารถสั่งให้หัวใจเลิกรักอีกคนที่เคยทำร้ายเพื่อมารักคนดีๆ อย่างคุณจอแดนได้
ฉันยังไม่กล้าที่จะเปิดรับใครเข้ามา ฉันเข็ดกับความรัก ฉันกลัวความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะดีสักแค่ไหนก็ตาม
“ดื่มน้ำเปล่าดีกว่านะครับ น้ำอัดลมมันไม่ดีต่อสุขภาพ” คุณจอแดนซื้อน้ำเปล่ามาหนึ่งขวด เขาเอาวางไว้ตรงหน้าฉัน ก่อนจะนั่งลงที่เดิม
“ขอบคุณค่ะ ^_^”
“พรุ่งนี้อยากออกมาข้างนอกอีกไหมครับ ผมจะพาไอริสออกมาเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไอริสเกรงใจ อีกอย่างพาไอริสออกมาบ่อยๆ มันจะทำให้เสียงานเอานะคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่ต้องเข้าบริษัททุกวัน”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ไอริสอยากไป….อื้อ กลิ่นอะไรคะ” ฉันยกมือขึ้นมาปิดจมูก จู่ๆ ก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่เหม็นจนแทบจะอาเจียน “คุณจอแดนได้กลิ่นเหม็นๆ หรือเปล่า”
“ไม่นะครับ ผมไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” คุณจอแดนลุกขึ้นสำรวจให้ฉันว่ากลิ่นเหม็นมาจากตรงไหน “ผมได้กลิ่นจากร้านอาหารตรงนั้น แต่มันก็ไม่ได้เหม็นเลยนะครับ”
“กลับดีกว่าค่ะ” ฉันรีบลุกขึ้นเดินกลับไปที่รถ ยิ่งมาใกล้ที่รถมันก็ยิ่งเหม็น
ฉันมองไปรอบๆ เพื่อหาว่ากลิ่นเหม็นนี้มันมาจากตรงไหน แต่ก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติอะไรเลย นอกจากร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรถ
เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วกลิ่นเหม็นนั้นก็หายไป
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
คุณจอแดนพยักหน้าให้ฉันก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับมาส่งฉันที่บ้าน
#บ้าน
“มากินข้าวด้วยกันสิตาแดน” พอมาถึงบ้านคุณพ่อก็เอ่ยปากชวนคุณจอแดนให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน
“ก็ได้ครับ”
“เป็นไงบ้างลูก ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาดีขึ้นบ้างไหม” พ่อยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ คุณพ่อน่ารักกับฉัน ไม่ได้เอาแต่บังคับฉันเหมือนครั้งนั้น
“ค่ะ ^_^”
“ขึ้นห้องไปอาบน้ำสิ จะได้ลงมากินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะ”
ฉันแยกตัวขึ้นมาบนห้อง อ๋อ! ลืมบอกไปว่าที่นี่จะไม่มีแม่บ้านผู้หญิงหรอกนะ ที่นี่จะมีแต่ผู้ชาย ก็เหมือนกับบ้านที่ไทย เฮียไม่จ้างแม่บ้านผู้หญิงเลย
เชฟที่ทำอาหารก็เป็นคนไทย เพราะพ่อชอบกินอาหารไทย จึงต้องมีเชฟไทยประจำบ้านไว้
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินลงมาจากชั้นสองเพื่อมาร่วมโต๊ะอาหารกับคุณพ่อและคุณจอแดน
“ตาคานส์บอกว่าอาทิตย์หน้าจะมาที่นี่” พ่อพูดขึ้น
“เฮียไม่เห็นบอกอะไรหนูเลยค่ะ”
ฉันตักแกงฟักทองขึ้นมา แต่พอจะกินกลิ่นที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ฉันต้องรีบวางชอนลงแล้วรีบยกมือขึ้นมาปิดจมูกไว้ทันที
“แกงฟักทองเสียหรือเปล่าคะ ทำไมถึงเหม็นแบบนี้”
พอฉันถามออกไปแบบนั้นทั้งคุณพ่อและคุณจอแดนก็ต่างพากันตักแกงฟักทองขึ้นมาชิมกันทั้งคู่
“ไม่เสียนะลูก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+