เย่ชูวเสวียรู้สึกกระวนกระวายมาก เธอตัวสั่นไปหมดขณะที่พูด
ฉีฉีจับมือของเย่ชูวเสวียแล้วพูดว่า: "เรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก ถึงยังไงก็เกิดขึ้นแล้ว เผชิญกับมันเถอะ จะยกเลิกงานแต่งเพียงเพราะอารมณ์หรอ ไม่สนใจความรู้สึกหนานกงเจาหน่อยหรอ? เขาเสียใจมากนะ”
“ไม่ใช่ไม่สน เราจะจดทะเบียนสมรส จากนั้นก็ออกไปฮันนีมูน ชอบที่ไหนก็ไปที่นั่น!”
เย่จิงเหยียนถามเบาๆ: "พ่อแม่รู้เรื่องนี้หรือยัง? "
"ยังไม่รู้เลย"
เย่จิงเหยียนถอนหายใจออกมาและพูดว่า: "ฉันก็ว่าพวกเขายังไม่รู้แน่นอน ไม่งั้นคงโทรหาฉันให้พาแกกลับไปแล้ว"
เย่ชูวเสวียกำหมัดแน่น รู้สึกความตายกำลังรออยู่ที่บ้านและพูดว่า: "ครั้งต่อให้จะเอาตัวฉันกลับไป ฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ ฉันจะเลือกชีวิตของฉันเอง!"
ทุกคนมองกันและกัน เห็นแววตาที่ทำอะไรไม่ถูกของกันและกัน
“ เอาล่ะ ถ้าเธอตัดสินใจแล้วฉันก็จะไม่ขัดค้าน แต่ว่าอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
"ฉันจะเป็นอิสระแล้ว ฉันจะเสียใจได้ไง ดีใจไม่ไหวแล้ว พวกพี่ไม่ต้องมาห้ามฉัน!!"
“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่ห้ามแกหรอก แกตัดสินใจเอง มาสายขนาดนี้คงหิวแล้วล่ะสิ มากินอะไรก่อนเร็ว"
ทุกคนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะยอมรับการตัดสินใจที่บ้าคลั่งของเย่ชูวเสวีย
สิ่งนี้ทำให้เย่ชูวเสวียรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“พวกเธอไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?”
เซี่ยอันนายักไหล่และพูดว่า: "จะพูดมากไปทำไม ยังไงเธอก็ไม่ฟังอยู่ดี เสียเวลาเปล่าๆ"
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะกินชีสอันนี้ แล้วมอคค่าด้วย"
"แต่ละอย่างแคลสูงมาก เธอไม่ลดน้ำหนักแล้วหรอ?"
“ไม่ต้องใส่ชุดเจ้าสาวแล้วนิ จะลดอีกทำไม วันนี้ฉันจะกินให้แหลก ชอบอะไรก็จะกินอะไร”
เซี่ยอันนาตบโต๊ะและพูดว่า: “ดีเลยชอบอะไรก็กิน ฉันก็จะมอคค่า และแบล็คฟอเรสต์อีกหนึ่งชิ้น"
ในขณะที่พูด ดวงตาของเซี่ยอันนาก็ส่องประกาย
สองสามวันมานี้ฉีฉีมาหาเซี่ยอันนาตลอด ทุกครั้งที่เจอเธอ เธอก็กำลังกินของกินตลอดเลย มันทำให้ฉีฉีแปลกใจ
“ อันนา ช่วงนี้ดูเธอเจริญอาหารจัง”
"ก็ฉันหิวนี่ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้กินอะไรเลยต้องรักษารูปร่าง โอย เป็นดารานี่มันลำบากจริงๆ"
“แล้วตอนนี้คิดได้แล้วหรอ?”
“ ชีวิตมันสั้น อยากกินอะไรก็ต้องรีบกิน จะให้ฉันรอจนฟันร่วงหมดปากแล้วมานั่งดมกลิ่นอาหารอย่างเสียใจหรอ?”
หลังจากที่เสี่ยวอวี้หลินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า: "พูดเหมือนว่าฉันกำลังทำร้ายเธอเลย ถ้าเธอรู้สึกลำบากจริงๆ งั้นกลับมาอยู่บ้านไหม ฉันจะเลี้ยงเธอเอง"
"เกี่ยวอะไรกับเลี้ยงฉัน ตอนนี้ฉันต้องการอาหารที่แสนหวาน ไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดี"
เมื่อถูกรังเกียจด้วยวิธีนี้ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ยังอยากทำให้เซี่ยอันนาพอใจและถามว่า: "งั้นคืนนี้ เราไปกินปลาต้ม?"
ปลา?
ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นจากท้องของเธอ เซี่ยอันนาส่ายหัวทันทีด้วยความรังเกียจแล้วพูดว่า: "ไม่เอา อย่าพูดถึงปลากับฉัน!"
เมื่อเห็นเซี่ยอันนาดูไม่สบายใจ เสี่ยวอวี้หลินจึงรีบพูดว่า: "เธอไม่สบายท้องอีกแล้วเหรอ? ห้ะ หิวบ่อยมากแต่กินนิดเดียว กระเพาะเธอจะมีปัญหานะ"
“ พอเถอะ อย่ามาจุกจิก!”
เซี่ยอันนาหงุดหงิดเล็กน้อยและดุเธออย่างใจเย็น
เสี่ยวอวี้หลินไม่อยากทำให้เธอไม่มีความสุข ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นเด็กดี
เมื่อมองไปที่คนบนโต๊ะ ฉีฉีเอียงศีรษะและกระซิบกับมู่ยู่วฉี: "วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกันหมด รู้สึกแปลกๆ"
"อย่าต้องพูดอะไรมากหรอก คอยดูต่อไปเดี๋ยวก็จะมีคำตอบเอง”
ฉีฉีอยากพูดอะไรอีก แต่ต้วนอีเหยาก็เริ่มตั้งคำถาม
“ พวกเธอเตรียมตัวจะไปกันเมื่อไหร่?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ เย่ชูวเสวียตกตะลึงและถามว่า "ไป? ไปไหน?"
“ก็เธอบอกไม่ใช่หรอ ยกเลิกงานแต่งแล้วก็จะออกไปเที่ยว”
"อ้า อืม ฉัน......ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย" เย่ชูวเสวียหันไปมองหนานกงและถามว่า "หนานกง เธอมีความคิดดีๆไหม?"
“งั้นไปที่ใกล้ๆ ประเทศไทยดีไหม?”
เย่ชูวเสวียลืมตาโตและพูดว่า: "นี่เป็นทริปฮันนีมูน ฉันอยากมีช่วงเวลาที่ ไปที่ไกลๆหน่อยไม่ได้หรอ"
“ แล้วเธออยากไปไหนล่ะ?”
"ฉันอยากไปยุโรปเหนือ ไปสักสองสามเดือนค่อยกลับมา"
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะและพูดว่า: "เที่ยวนานขนาดนั้นเลยหรอ"
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วและมองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน เย่ชูวเสวียพูดว่า: "ใครบางคนไปนานกว่าฉันอีก ยังมีหน้ามาบอกฉัน?"
“ เอ่อ ฉันไม่ได้บอกไม่ดีนิ”
ขนมมาเสิร์ฟ เย่ชูวเสวียเปลี่ยนความเศร้าโศกและความโกรธเป็นความอยากอาหารของเธอ หันไปมองชีสทันที
เย่จิงเหยียนเปิดปากของเขาอย่างกะทันหันและถามว่า: "แล้วเธอจะตัดสินใจบอกกับพ่อแม่เมื่อไหร่?"
เย่ชูวเสวียอ้าปากค้างและพูดอย่างคลุมเครือ: "ตอนที่ฉันจองตั๋วและกำลังจะออกจากเมือง"
"เล่นเอาแบบนี้เลยหรอ?"
"ถ้าไม่อย่างนั้น บอกให้พ่อแม่รู้ก่อน พวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับฉัน ฉันทำได้แค่ออกจากเมือง ออกจากการควบคุมของพวกเขา ฉันถึงจะทำตามใจตัวเองได้"
เย่จิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า :"ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วค่อยให้พ่อแม่รู้ แกโดนตีขาลายแน่"
"ถ้างั้นก็ค่อยบอกให้พวกเขารู้ทีหลัง ถึงตอนนั้นก็พาเจ้าตัวเล็กกลับมาด้วย พวกเขาจะตีลงได้ไง"
ทันทีที่พูดแบบนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าตลกๆและทำอะไรไม่ถูก
คนเป็นพ่อ เย่จิงเหยียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางของเย่ชูวเสวีย ทำหน้าบึ้งและพูดว่า: "เด็กมาเพื่อเอ็นดูเลี้ยงดู ไม่ใช่เอามาเป็นเกาะป้องกัน"
“แม่กำลังจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว ขอยืมชื่อมาใช้แบบนึงไม่ได้หรอ จะให้แกเป็นเด็กที่ไม่มีแม่หรือไง?”
เย่ชูวเสวียไม่มีข้อห้าม แต่หนานกงเจาส่ายหัว
"ชูวเสวีย อย่าพูดไร้สาระ!"
“ ฉันก็ไม่อยากพูด พี่ถามฉันก่อนนิ”
ในขณะที่พูดเย่ชูวเสวียก็ทำหน้าลองดีให้เย่จิงเหยียน
เย่จิงเหยียนขี้เกียจจะเถียงกับเธอ หันกลับไปดูแลต้วนอีเหยาที่อยู่ข้างๆ
ฉีฉีนั่งเฉยๆและดูความตื่นเต้นด้วย เธอพบว่าเซี่ยอันนากินขนมที่อยู่ตรงหน้าเธอจนหมด เร็วกว่าเย่ชูวเสวียเสียอีก
มองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน ฉีฉีถามว่า: "เธอขโมยขนมของเธอหรือเปล่า?"
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มและพูดว่า: "ฉันยังไม่มีโอกาสขโมย เธอก็กินหมดแล้ว"
ฉีฉีรู้ว่าความอยากอาหารของเซี่ยอันนา ปกติเธอกินอาหารไม่ได้มากขนาดนี้ ต่อให้จะหิวแค่ไหนก็ตาม
ในทางกลับกัน เซี่ยอันนาในขณะนี้ราวกับว่าเธอยังไม่อิ่ม มีสีหน้าที่ยังไม่พอใจ
เซี่ยอันนาแบบนี้ มันน่าแปลกจริงๆ
เอียงศีรษะและมองไปที่เซี่ยอันนา ฉีฉีรู้สึกงงงวย
และต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ข้างเธอก็ลังเลที่จะพูด
“ ฉันรู้สึกว่าอันนา ดูเหมือนจะ...... ”
ต้วนอีเหยายังพูดไม่จบ แต่ฉีฉีได้ยินมันอยู่ในใจ
มองไปที่ต้วนอีเหยา ฉีฉีถามว่า: "เหมือนอะไรหรอ?"
ต้วนอีเหยายิ้มและพูดว่า: "เฮ้อ เรื่องแบบนี้จะพูดมั่วไม่ได้ รอข่าวดีจากอันนาดีกว่า "
เรื่องอะไรกัน? ทำไมต้องเก็บเป็นความลับ?
สีหน้าของฉีฉีเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ต้วนอีเหยาได้หันไปคุยกับคนข้างๆแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายให้ฉีฉีฟัง
หลังจากสนทนากันสักพัก เย่จิงเหยียนก็พยุงต้วนอีเหยาขึ้นและพูดว่า: "ใกล้จะค่ำแล้ว ฉันจะพาอีเหยากลับไปพักผ่อนแล้ว พวกแกสนุกกันต่อเลยนะ"
เซี่ยอันนาก็ยืนขึ้นและถามว่า: "พี่อีเหยา กินอิ่มแล้วหรอ?"
“ฉันอิ่มมาก เธอล่ะ อิ่มบ้างหรือยัง?”
“ถึงยังไงก็เป็นแค่ของหวาน ยังไม่ใช่มื้อหลัก เดี๋ยวค่อยกินอีก”
ยังจะกินอีกหรอ?!
ฉีฉีแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อ
ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในร้านขนม ปากของเซี่ยอันนายังไม่เคยหยุดกินเลย
เค้ก คุกกี้ ชานม ชีสเค้ก......ทั้งหมดนี้ต่อให้ไม่ใช่มื้อหลักก็น่าจะอิ่มมากแล้วนะ
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของฉีฉี ต้วนอีเหยาพูดว่า: "ครั้งหน้าละกันนะ เราค่อยนัดกินข้าวกัน จะกินอะไร พวกเธอตัดสินใจเลย"
"ได้เลย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ปลาต้ม ฉันไม่มีปัญหา"
"อืม"
ต้วนอีเหยายิ้มอ่อนๆก่อนที่จะเดินออกไป
ต้วนอีเหยานั่งอยู่ในรถกับเย่จิงเหยียน แล้วเอนหัวพิงไหล่ของเย่จิงเหยียน
“เป็นอะไรไป เหนื่อยหรอ?”
ต้วนอีเหยาส่ายหัวและถามว่า :" เธอเห็นด้วยที่จะให้ชูวเสวียไปจริงๆหรอ?"
“จะปล่อยไปได้ไง ผู้ใหญ่ที่บ้านจัปล่อยให้เธอมองข้ามหัวไม่ได้”
"แล้วเธอจะทำยังไง ตักเตือนเธอหรอ? "
"เรื่องปวดหัวแบบนี้ฉันไม่อยากไปยุ่งหรอก เดี๋ยวก็มีคนจัดการเอง"
ต้วนอีเหยายิ้มและพูดว่า: "เรื่องแบบนี้ใครจะอยากไปทำกันล่ะ"
“ มีน หนานกงเจาเป็นคนคิดบวกจะตาย”
ต้วนอีเหยานึกไม่ออกและถามว่า: "หนานกงเจาก็ต้องอยู่เคียงข้างชูวเสวีย จะหาเรื่องให้ตัวเองทำไม?"
"มันง่ายมาก ชูวเสวียไม่เห็นด้วยกับงานแต่งงานและเราก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเธอ แบบนี้หนานกงเจาจะใช้สมองของเขาอย่างแน่นอน เพื่อหาทางเกลี้ยกล่อมให้ชูวเสวียเข้าร่วมงานแต่งงานอย่างเชื่อฟัง"
หลังจากฟังคำพูดของเย่จิงเหยียน ต้วนอีเหยาก็แสดงสีหน้างุนงง
“ ที่รัก เธอนี่มัน...... ”
“ฉลาดมาก ใช่ไหม?”
“ เปล่า เจ้าเล่ห์มาก”
เย่จิงเหยียนยิ้มและพูดว่า: "ช่วยไม่ได้ ก็เวลาส่วนตัวของฉันต้องอยู่กับพวกเธอสองแม่ลูกนี่"
มองขึ้นไปที่เย่จิงเหยียน ต้วนอีเหยายิ้มและถาม: "ยังไม่เคยไปอัลตร้าซาวด์เลย รู้ได้ไงว่าเป็นผู้หญิง?”
“ ฉันมีลางสังหรณ์ คราวนี้ฉันจะได้ลูกสาวแน่นอน”
“ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายล่ะ?”
"งั้นก็ค่อยลุ้นครั้งต่อไป"
คำพูดเหล่านี้ทำให้ต้วนอีเหยาถอนหายใจ: "หึ พูดง่ายจริงๆ คนท้องไม่ใช่เธอนิ!"
เขาเอาคางถูเส้นผมของต้วนอีเหยา น้ำเสียงของเย่จิงเหยียนนั้นลึกล้ำและพูดว่า: "เธอเองก็ลำบากมาก ฉันรู้ ฉันจะทำงานอย่างหนักเพื่อปฏิบัติกับเธอย่างดี แค่มีพวกเธออยู่ก็เป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดของฉัน”
หดตัวลงในอ้อมกอดที่อบอุ่นและใจดีของเย่จิงเหยียน ต้วนอีเหยารู้สึกมีความสุขมาก
มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยและต้วนอีเหยาพูดว่า: "ฉันโชคดีมาก ผ่านมาตั้งนานแล้วยังอยู่ข้างๆเธอ"
“ น่าเสียดายที่ชูวเสวียมีคนดีๆอยู่ข้างๆแต่ไม่รู้ ไม่หวงแหนความสุขที่อยู่ตรงหน้า เธอเอาแต่ใจขนาดนี้ หนานกงเจายังทนอยู่ข้างๆ”
“ แล้วเรื่องของชูวเสวีย เธอจะบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่?”
“ฉันว่าจะไม่บอก”
"ห้ะ?"
เมื่อมองลงไปที่ดวงตาที่ประหลาดใจของต้วนอีเหยา เย่จิงเหยียนจูบเธอที่แก้มและพูดเบาๆ: "งานแต่งจะดำเนินไปตามปกติ"
“ทำไมเธอมั่นใจขนาดนี้ หนานกงเจามีวิธีจัดการแล้วหรอ?”
"ถ้าแค่นี้เขายังจัดการไม่ได้ ก็ไม่มีคุณสมบัติจะมาเป็นลูกเขนตระกูลเย่"
“เธอนี่นะ เจ้าเล่ห์จริงๆเลย”
แม้ว่ากำลังบ่น แต่ต้วนอีเหยาก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอและดูเหมือนเธอจะไม่สนใจ
......
เนื่องจากสภาพจิตใจของเธอไม่ดีนัก เซี่ยอันนาจึงพักงาน อยากพักผ่อน
คนบ้างานทำงานมานาน เซี่ยอันนาไม่รู้วิธีผ่อนคลายจะทำยังไงแล้ว
โชคดีที่เธอมีเพื่อนสนิทที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เมื่อเซี่ยอันนามีเวลาว่างเธอจะใช้เวลาร่วมกับเธอ
ทั้งสองพบกันเพื่อดื่มชาและพูดคุยกันข้างทาง จากนั้นไปทำเล็บและไปช้อปปิ้ง
แต่ในขณะที่กำลังดื่มชาเซี่ยอันนาได้รับโทรศัพท์จากเย่ชูวเสวียและรีบถามเธอว่าเธออยู่ที่ไหน
เซี่ยอันนาบอกสถานที่ ก่อนที่เธอจะถาม เย่ชูวเสวียก็วางสายโทรศัพท์
"เกิดอะไรขึ้น?"
เซี่ยอันนายักไหล่และพูดว่า: "ฉันไม่รู้ เดี๋ยวก็คงเห็นชูวเสวียแล้วล่ะมั้ง”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ชูวเสวียเปิดประตูและเดินเข้ามามองไปรอบๆอย่างรีบร้อน
เซี่ยอันนาและฉีฉีต่างสับสน ยังไม่ทันถาม เย่ชูวเสวียก็เดินเข้าไปหลบในห้องน้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...