เซี่ยอันนาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่มู่ยู่วฉีไม่คิดแบบนั้น
เมื่อเขาได้ยินคำอธิบายของเซี่ยอันนา เขาก็แสดงความผิดหวังออกมา
“ทำไมเราอยู่ด้วยกันแล้ว ยังไม่ให้ฉันแตะต้องอีก ของดีอยู่ตรงหน้าแต่กินไม่ได้ มันช่างเจ็บปวดจริงๆ!”
เสี่ยวอวี้หลินแสดงความเห็นใจ แต่เขาทำได้เพียงแค่ปลอบใจ: "แกก็ให้เวลาฉีฉีหน่อยสิ เธอยังเด็กอยู่"
“ แต่ฉันโตแล้วนิ”
“ถ้างั้นแกก็ต้องรอไง ไม่รอแล้วจะให้ทำยังไง?”
มู่ยู่วฉีนอนอย่างอ่อนแรงบนโต๊ะ พึมพำ: “ ฉันหมดหวังแล้ว...... ”
เซี่ยอันนาไม่อยากเห็นสภาพใกล้ตายของเขาแบบนี้ ขมวดคิ้วและพูดว่า: "ยังไงเธอก็จีบติดแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนมันไม่มีประโยชน์ ถ้าถึงเวลามันจะมาเอง"
"นั่นแหละ ฉันว่าแกใจร้อนเกินไป ฉีฉียังไม่เห็นเสน่ห์ของแก แกต้องทำให้ฉีฉีติดงอมแงม จากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเอง"
"เสน่ห์ของฉัน...... " มู่ยู่วฉีคิดชั่วขณะ ส่ายหัวทันทีและพูดว่า: "ไม่ได้ไม่ได้ เสน่ห์ของฉันในสายตาฉีฉี ฉันเป็นแค่หมาน่ารำคาญตัวหนึ่ง เธอไม่ชอบหรอก"
"ทำไมแกถึงโง่ขนาดนี้ ถ้าฉีฉีชอบอะไร แกก็ทำแบบนั้นสิ"
มู่ยู่วฉีจับผมตัวเองและทรุดตัวลงเล็กน้อย: "ครั้งก่อนฉันเพิ่งทำในสิ่งที่เธอชอบ ปรากฏว่า? ฉันร้องเพลงให้ฉีฉีฟัง เธอตกใจจนหนีไปเลย!"
เสี่ยวอวี้หลินตบมู่ยู่วฉีและพูดว่า: "ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งก่อน ตอนนี้ฉีฉีอยู่ในมือแกแล้ว ไม่หนีไปไหนหรอก เชื่อฉันสิ ร้องให้เธอฟังอีกครั้ง ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิมแน่นอน"
"เธอต้องมั่นใจในตัวเองสิ เส้นทางที่ยากที่สุดกำลังรอให้เธอผ่านมันไปได้ รางวัลคุ้มค่าแน่"
มู่ยู่วฉีมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วพูดว่า: "ฉันเห็นแต่คนอื่นมีความรักที่ราบลื่น ทำไมความรักของฉันถึงยากแบบนี้?"
"ใครจะสมหวังได้ง่ายๆกัน"
"ถ้าฝนไม่ตก จะมีสายรุ้งเกิดขึ้นได้ไง?"
มู่ยู่วฉีทำหน้ามุ่ยใส่ทั้งสองคนแล้วพูดว่า "เฮ้อ พวกแกสองคนนี่มันKTV!"
“ อะไรที่ควรพูดฉันก็บอกไปหมดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่แกแล้วว่าจะทำยังไงต่อ”
"อีกอย่าง ต่อไปเรื่องเล็กๆแบบนี้แกก็จัดการเองเลย อย่ามารบกวนอันนาของฉัน รบกวนเวลาของเราสองคน ช่วงนี้เป็นเวลาที่มีค่าฉันต้องเก็บเกี่ยวไว้เยอะๆ”
เซี่ยอันนาขมวดคิ้วจ้องเสี่ยวอวี้หลิน ในขณะที่เสี่ยวอวี้หลินยังคงยิ้มไม่สนใจท่าทางของเธอ
เฮ้อ ดูคนอื่นสิ ด่าบ้างดีบ้าง นี่สินะความรัก
ส่วนตัวเองยังมีหนทางอีกยาวไกล
มู่ยู่วฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่และเริ่มคิดหนักเกี่ยวกับวิธีทำลายสิ่งที่ขวางระหว่างพวกเขาสองคน
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เป็นเวลานาน มู่ยู่วฉีก็โทรหาฉีฉี
บางทีอาจเป็นเพราะเซี่ยอันนา ฉีฉีก็เลยไม่ปฏิเสธ โทรศัพท์ดังขึ้นสักพักจากนั้นก็รับสาย
“ฉีฉี เรามาเจอกันหน่อยดีไหม”
“ เจอได้ แต่เธอ......จะไม่ทำอะไรแปลกๆอีกใช่ไหม?”
"อันนาบอกความรู้สึกของเธอให้ฉันฟังแล้ว เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?"
"ข้อตกลงอะไร?"
"ต่อไป ถ้าเธอไม่อนุญาตฉันก็จะไม่แตะต้องเธอ อยู่ต่อหน้าคนอื่นจะไม่ทำตัวสนิทสนม ถ้าเธอไม่อยากใกล้ฉัน ฉันจะยืนห่างๆ"
ท่าทีที่จริงจังของมู่ยู่วฉี ทำให้ฉีฉีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
"เธอไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ถ้าเธอไม่ลงไม้ลงมือกับฉัน ฉันก็ไม่โกรธหรอก"
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของฉีฉี มู่ยู่วฉีก็ค่อยๆโล่งใจ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่กังวลเหมือนเมื่อกี้: "ฉันสัญญา งั้นเธอเลิกหลบหน้าฉันได้แล้ว โอเคไหม?"
"อืมได้"
"ต่อไปถ้ามีอะไรก็มาคุยกันตรงๆ อย่าไปรบกวนคนอื่น ดูอันนาพวกเขาก็มีเรื่องกำลังยุ่ง อย่าไปรบกวนพวกเธออีก"
"เข้าใจแล้ว"
“ งั้น เราดีกันแล้วใช่ไหม?”
"เราไม่ได้ทะเลาะกันตั้งแต่แรก แค่ไม่เข้าใจกัน ตอนนี้เข้าใจกันแล้วก็ดี"
คำพูดของฉีฉี ทำให้มู่ยู่วฉีผ่อนคลายลงมาก
บางครั้งมันก็รู้สึกแปลกๆ
เห็นได้ชัดว่ารู้สึกกระสับกระส่าย เวลาต่อมาก็ผ่อนคลายและมีความสุขเพราะคำพูดจากอีกฝ่าย มู่ยู่วฉีไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะอึดอัด แต่เพราอีกฝ่ายคือฉีฉี มู่ยู่วฉีก็เลยมีความสุข
พายุเล็กๆพัดผ่านไป มู่ยู่วฉีและฉีฉีกลับมาดีกัน แต่มู่ยู่วฉีก็มีล้ำเส้นบ้างโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นครั้งคราวและได้รับการเตือนจากฉีฉี
ในวันนี้ มู่ยู่วฉีขับรถพาฉีฉีไปที่ๆกว้างมาก เป็นที่จอดเครื่องบินส่วนตัว
เมื่อมองไปที่เฮลิคอปเตอร์ตรงหน้า ฉีฉีก็ตะลึงเล็กน้อย
"เราจะไปไหน?"
"ขึ้นไปก็รู้ ยังไงฉันก็ไม่เอาเธอไปขายหรอกหน่า"
ในขณะที่พูดมู่ยู่วฉีก็พาฉีฉีขึ้นไปที่เฮลิคอปเตอร์ แล้วสวมชุดหูฟังกันเสียงให้เธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีฉีที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ เธออยากรู้อยากเห็นทุกอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฮลิคอปเตอร์บินขึ้น เธอมองไปที่ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยจากที่สูงและพบว่ามันแปลกมาก
"อ่า นั่นมันโรงเรียนของพวกเรา! มองจากตรงนี้มันเล็กจัง"
"เอ้ะ นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะหรอ ทะเลสาบนั้นเหมือนไข่มุกเลย"
ฉีฉีจับมือของมู่ยู่วฉี พูดคุยกันเหมือนนกที่มีความสุข
มู่ยู่วฉีฟังฉีฉีพูดด้วยรอยยิ้ม และตอบกลับเป็นบางครั้ง
หลังจากความสดชื่นผ่านไป ฉีฉีรู้สึกว่าทิวทัศน์ด้านล่างคล้ายกันและเปลือกตาก็เริ่มสั่น
มู่ยู่วฉีตบไหล่ของเธอและพูดว่า: “ถ้ารู้สึกง่วง ก็นอนที่ไหล่ฉันก่อนก็ได้นะ"
ฉีฉีหาวและถามว่า: "อีกนานไหมกว่าจะถึง?"
"เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว"
"โอเค งั้นฉะนนอนแปปนึง ถ้าเครื่องใกล้ลงแล้ว อย่าลืมปลุกฉันนะ"
“ อืม นอนเถอะ”
เมื่อได้ยินเขารับปาก ฉีฉีก็หลับตาลง
น้ำหนักบนไหล่ที่โดนพิง ทำให้มู่ยู่วฉีรู้สึกอบอุ่นมาก
เฮลิคอปเตอร์บินลัดเลาะไปตามท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ลัดเลาะไปตามภูเขาจุนอันสูงตระหง่านและในที่สุดก็มาถึงบนลานจอดเครื่องบินของเมืองเล็กๆ
มู่ยู่วฉีตบแก้มฉีฉีเบาๆ พูดว่า: "ฉีฉี เราจะถึงแล้ว ตื่นเร็ว"
ฉีฉีขยี้ตาและมองไปข้างนอก จากนั้นเอียงศีรษะและพึมพำอย่างแปลกประหลาด: "ทิวทัศน์ที่นี่ ทำไมดูแล้วคุ้นเคยจัง"
"ก็ต้องคุ้นเคยสิ ที่นี่ เป็นหมู่บ้านของเธอไง"
"อะไรนะ?"
ความง่วงนอนทั้งหมดหายไป ฉีฉีนั่งตัวตรงและรีบมองไปข้างนอก
“ มู่ยู่วฉี เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ก็พาเธอกลับบ้านหน่ะสิ”
“ทำไมต้องกลับบ้านเวลานี้?”
"ฉันคิดว่าเรื่องที่เราอยู่ด้วยกัน น่าจะบอกให้พ่อแม่รู้ก่อน"
มุมปากของเธอกระตุกอย่างแรง ฉีฉีพูดขึ้นว่: "ไม่เป็นไรหรอกมั้ง"
“ทำไมถึงจะไม่เป็น เธอไม่อยากได้คำอวยพรจากพ่อแม่หรอ? ”
“ แต่สิ่งที่เราต้องเผชิญไม่ใช่คำอวยพร แต่เป็นพายุที่รุนแรง แค่นึกถึงก็รู้สึกสยองแล้ว”
"ไม่ต้องห่วง ฉันปกป้องเธอเอง ฉันจัดการทุกอย่างได้"
ฉีฉีหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า: "จะปกป้องฉัน? เธอเอาตัวเองให้รอดเถอะ คนที่จะซวยที่สุดก็คือเธอ อย่ามองโลกในแง่ดีเกินไปสิพ่อหนุ่ม "
"แม่สาวน้อยก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายสิ ฉันทั้งหล่อและแสนดีแบบนี้ คุณอาคุณน้าต้องยอมรับฉันแน่นอน"
"เฮ้อ มองในแง่ดีขนาดนี้ต้องตายอย่างอนาถแน่ "
"สถานการณ์จะเป็นยังไง เรามารอดูกันเถอะ"
มู่ยู่วฉียืนยันว่าฉีฉีหมดหนทางแล้ว
และสิ่งหนึ่งที่มู่ยู่วฉีพูดถูก
เรื่องที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ไม่ช้าก็เร็วพ่อกับแม่ก็ต้องรู้ พายุลูกนี้ยังไงก็ต้องเจอเข้าสักวันอยู่ดี
ยังไงก็กลับมาแล้ว ลองเผชิญดูสักตั้ง ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี!
ฉีฉีหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพร้อมสีหน้าที่พร้อมลุย
มู่ยู่วฉีรู้สึกว่าฉีฉีชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เขาเป็นคนที่สามารถมอบความสุขให้ฉีฉีได้ แม้ว่าจะเคยมีข้อผิดพลาดมาก่อน แค่อธิบายก็สิ้นเรื่อง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้คงไม่กระทบต่อความสุขของพวกเขาหรอก
ด้วยความมั่นใจ มู่ยู่วฉีและฉีฉีจังกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม่ของฉีฉีก็มาเปิดประตู
เนื่องจากประตูเปิดออกไม่มาก แม่ของฉีฉีเห็นฉีฉีคนเดียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"ฉีฉีนี่ จะกลับมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อน พ่อกับแม่จะได้ทำกับข้าวอร่อยๆไว้ให้"
"หนู……"
"ยืนอยู่ข้างนอกทำไม ทำไมไม่เข้ามา? "
"คือว่า……"
"ฉีฉี ลูกเป็นอะไร?"
เมื่อเห็นฉีฉียืดยาวและยืดเยื้อ มู่ยู่วฉีก็รู้สึกกังวล เขาจึงบีบมือเธอ และเดินออกมาพูดกับแม่ของฉีฉีด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณน้า สวัสดีครับ"
"แม่เจ้า!"
มู่ยู่วฉีซ่อนตัวดีจนแม่ฉีฉีไม่สังเกตเห็นเขาเลย การปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำให้แม่ฉีฉีตกใจ
แม่ของฉีฉีลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ ขมวดคิ้วและพูดว่า: "มู่ยู่วฉี ทำไมเธอมาอีกแล้ว? บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ฉีฉีของเรา......"
เสียงตกใจของแม่ที่ดังมาก ทำให้ชาวบ้านรู้กันหมด
ฉีฉีไม่อยากให้คนอื่นรู้ เธอจึงเดินเข้าไปจับแขนแม่แล้วพูดว่า: "แม่ มีอะไรเราไปคุยกันในบ้านเถอะ"
"แกเข้ามาได้ แต่ไอ่ตัวแสบคนนี้ห้ามเข้ามา ฉันก็พูดชัดเจนไปหมดแล้วนะ ทำไมมันยังตามยุ่งกับแกอีก!"
“ เรื่องมันยาว”
ฉีฉีกะว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะค่อยๆอธิบาย
แต่มู่ยู่วฉีอดไม่ไหว เขาทิ้งระเบิดลูกหนึ่งออกมา
"คุณน้า ผมกับฉีฉีอยู่ด้วยกันแล้ว!"
"อะไรนะ!?"
คำพูดเมื่อกี้ทำให้แม่ของฉีฉีโง่เขลา
ฉีฉีจ้องไปที่มู่ยู่วฉีด้วยความโกรธ ขมวดคิ้วและพูดว่า: “รู้จักคำว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไปไหม นี่เธอจงใจหรือเปล่า!"
"ก็ฉันเป็นคนตรงๆ"
แม่ของฉีฉีลากฉีฉีไปที่ด้านข้างของเธอและถามด้วยความโกรธ: "ฉีฉี แกบอกมาตรงๆ ผู้ชายคนนี้บังคับให้แกอยู่ใช่ไหม? แม่อยู่ตรงนี้แล้ว มันไม่กล้ารังแกหรอก!"
ด้วยประเด็นร้อนแรง เพื่อนบ้านรอบข้างจึงออกมาดู ทำให้ฉีฉีอึดอัดมาก
"แม่ ไม่ใช่แบบนั้น เราเข้าไปคุยข้างในเถอะ"
"แต่……"
"เรื่องบางเรื่องแค่เรารู้ก็พอ จะมายืนอยู่ข้างนอกให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลกทำไม ไปเถอะไปเถอะ"
ฉีฉีรีบลากแม่ของเธอกลับไปในบ้าน ในขณะที่มู่ยู่วฉีเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งให้อยู่ข้างนอก
“ พ่อล่ะ?”
"ไปเล่นหมากรุกกับคนอื่น" แม่ฉีฉียังยอมรับความเป็นจริงไม่ได้ เธอขมวดคิ้วและจ้องไปที่ฉีฉี พูดว่า: “ แกอยู่ห้องกับรุ่นพี่ไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไปอยู่กับไอ่คนนี้ได้?"
ฉีฉีก้มศีรษะลงและพูดด้วยความลำบากใจ: "ที่จริง หนูไม่ได้อยู่กับเขา เขาแค่ช่วยหนูปิดบัง"
“ถ้างั้น ที่ผ่านมาแกก็โกหกเรามาตลอดหรอ?”
ฉีฉีรู้ว่าตราบใดที่เธอสารภาพ มันจะทำให้เกิดหายนะ
แต่นี่เป็นจุดจบของเรื่อง และมันก็ไม่มีอะไรดีถ้าหากปิดบังไปตลอด วันนี้มาถึงแล้ว แค่ยืดอกยอมรับชะตากรรม
หลับตาแน่น ฉีฉีพร้อมที่จะถูกแม่ของเธอทุบตี
แม่ของเธอคาดหวังการเรียนมาก เธอเองก็รู้ดี ให้แม่รู้ว่าตัวเองโกหก รู้ทั้งรู้ว่าจะโดนโกรธแค่ไหน
แต่เมื่อฉีฉีคิดว่าแม่ของเธอจะอารมณ์เสีย แต่แม่ของเธอกลับแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ฉีฉีตกตะลึง เมื่อเธอได้ยินเสียงถอนหายใจเศร้าของแม่
เงยหน้าขึ้น ฉีฉีเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของแม่ เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก
"แม่……"
“เห็นท่าทีที่อยู่กับรุ่นพี่ของแก แม่ก็ดูออกแล้วว่ามีปัญหากัน แต่ตอนนั้นแม่พยายามคิดว่าแม่คิดไปเองหรือเปล่า แต่ไม่คิดว่า......"
แม่ของฉีฉีส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดว่า: "รุ่นพี่แสนดีขนาดนั้น ทำไมแกไม่ยอมรับเขา? มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตที่ดีอีก "
เมื่อได้ยินแม่ของฉีฉีชมรุ่นพี่คนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำตัวขึ้นมา: "คุณน้าครับ ที่จริงผมเองก็แสนดีเหมือนกันนะ"
แม่ของฉีฉีเงยหน้ามองมู่ยู่วฉีแล้วพูดว่า: "ใช่ เรารู้มาตลอดว่าเธอดี แต่ฉีฉีของเราไม่ดีพอ เทียบกับเธอไม่ได้"
"ทำไมพูดแบบนี้ ฉีฉีอยู่ในใจผม เธอคือคนที่ดีที่สุด" มู่ยู่วฉีพูดเบาๆและหันไปสบตากับฉีฉี พูดอย่างอ่อนโยนว่า "เธอเป็นคนใจดีและน่ารัก แข็งแกร่ง ทำงานหนักได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด"
คำบมของมู้ยู่วฉีทำให้ฉีฉีรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ทั้งๆที่เมื่อกี้เธอยังกังวลมาก ตอนนี้มันค่อยๆผ่อนคลายลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...