วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 560

หลังจากได้ฟังคำเพ้อฝันของมู่ยู่วฉีแล้ว ฉีฉีก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วก็พูดว่า " มันช่างเป็นการคาดหมายที่สวยงามและสมบูรณ์แบบมากจริงๆ "

" ไม่ใช่การคาดหมาย แต่มันคือการใช้ชีวิตในอนาคตของเราสองคน ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสถานะใดๆ เราจะได้ใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตของเราอย่างแท้จริง เราเท่าเทียมกันไม่มีใครสูงส่งไปกว่าใคร "

พอพูดจบไป มู่ยู่วฉีรอให้ฉีฉีตอบอยู่นานมาก แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆเลยถามขึ้นว่า " ทำไมเธอไม่พูดไม่จาเลย? "

" เพราะว่า ฉันหวั่นไหวกับคำพูดคุณเข้าแล้วนะสิ "

" ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะ รอ......"

" ฉันไม่ได้หวั่นไหวกับแผนการของคุณหรอกนะ แต่ฉันหวั่นไหวกับความทุ่มเทและความเสียสละของคุณ "

คำพูดของฉีฉีทำให้มู่ยู่วฉีอึ้ง เขาเงยหน้ามองฉีฉีและในใจของเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายออกมาไม่ถูก

" ตลอดที่ผ่านมา คุณคอยไล่ตามฉันตลอด ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมันไม่เท่าเทียมเลย ตอนแรกฉันก็คิดว่าสาเหตุของความไม่เท่าเทียมนี้มันเกิดจากฐานะของเราสองคน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเกิดจากความทุ่มเทให้กับความรักของเราต่างหากที่ไม่เท่ากัน ทั้งที่จริงแล้วฉันก็รักคุณ แต่ก็ไม่เคยกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ถ้าเทียบกันแล้วคุณกล้าหาญกว่าฉันมาก คุณเป็นคนที่กล้ารักกล้าเกลียด คนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างคุณจะปล่อยมือจากฉันไปก็ยังทำได้ แล้วฉันยังมีอะไรต้องกลัวอีก? "

มู่ยู่วฉีเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ฉีฉีพูด แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ

เขากระพริบตาแล้วถามว่า " แล้ว เธอหมายความว่า? "

ฉีฉีสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองมู่ยู่วฉีจากนั้นก็พูดอย่างยิ้มแย้มว่า " ฉันอยากไปเห็นทั้ง ช้าง ยีราฟ จิงโจ้ แล้วก็โบราณสถานต่างๆด้วย "

" เธอหมายความว่า? "

" พวกเรา ลองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเถอะ! "

คำพูดของฉีฉี ทำให้มู่ยู่วฉียิ้มกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ้มกว้างจนจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว

" ฉีฉี ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม มันเป็นความจริง........ความจริง......."

" อือ ฉันจริงจังนะ "

มู่ยู่วฉีก้าวเข้าไปกอดฉีฉีไว้แน่นราวกับว่าจะกอดเธอให้สลายเข้าไปในตัวของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น

" ฉีฉี ในที่สุดฉันก็จีบเธอสำเร็จแล้ว!"

เมื่อโดนมู่ยู่วฉีกอดไว้แน่นขนาดนั้นฉีฉีก็มึนหัวมากขึ้น

ฉีฉีซบศีรษะลงบนไหล่ของมู่ยู่วฉีแล้วพูดว่า " คุณกอดฉันแน่นจัง ฉันหายใจไม่ค่อยออก "

" ก็ได้ ฉันไม่กอดเธอแล้วก็ได้ "

ในขณะที่มู่ยู่วฉีพูดเขาก็คลายกอดฉีฉี

ฉีฉีรู้สึกเหมือนโล่งอกไปที แต่อุณหภูมิที่อบอุ่นบนริมฝีปากของฉีฉีทำให้เธอต้องตกใจ

การจูบของมู่ยู่วฉีทั้งน่าดึงดูดและลึกซึ้ง มันเหมือนกับน้ำทะเลที่อบอุ่นทำให้เธออดใจไม่ไหวที่จะจมลงไป

ไหนๆก็รักไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปให้สุด

ฉีฉีค่อยๆหลับตาลงเบาๆ เธอยื่นมือออกไปกอดมู่ยู่วฉีไว้

ในวันต่อมา------

ในตอนกลางดึก มีฝนโปรยปรายลงมา ก็คิดว่าในวันรุ่งขึ้นฝนจะตกต่อเนื่องสะอีก แต่ท้องฟ้ากลับปลอดโปร่งเฉยเลย

เพราะว่าฝนตกเลยทำให้อากาศชื้นๆ ทำให้ตอนที่สูดหายใจเข้าก็จะรู้สึกสดชื่น ฉีฉีรู้สึกสดชื่นและเย็นสบายมากกับการพึ่งตื่นนอนในบรรยากาศแบบนี้

ฉีฉีลุกออกจากเตียงและรวดบิดขี้เกียจไปหนึ่งที เธอรู้สึกสดชื่นมาก

ลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่างออก ด้านนอกเต็มไปน้อยภูเขาที่เขียวขจี

ในตอนที่ฉีฉีกำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อยู่ก็มีคนตะโกนขึ้นมาจากข้างล่างบ้านว่า " มากินข้าวได้แล้ว "

" ได้ จะไปเดี๋ยวนี้ "

ฉีฉีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลงไปกินข้าว

มีบริการอาหารเช้าที่จัดเตรียมไว้สำหรับลูกค้าให้ด้วย แต่ว่ามีลูกค้าน้อยมากที่จะตื่นมากินข้าวเวลานี้ ล้วนแต่เป็นพนักงานที่มากินอาหารเช้าไปสะก่อน

มู่ยู่วฉีมาที่ห้องอาหารเร็วกว่าฉีฉีนิดหน่อย เขานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารและกำลังตักโจ๊กอยู่

พอเห็นฉีฉี มู่ยู่วฉีก็รีบโบกมือให้เธอและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า " ฉีฉี รีบมาเร็ว วันนี้มีปาท่องโก๋ยัดไส้ที่เธอชอบด้วยนะ "

พอเจอหน้ามู่ยู่วฉี ในหัวสมองของฉีฉีก็เหมือนมีบางอย่างผุดขึ้นมาทำให้เธอหน้าแดง

เธอนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ เธอทำอะไรไม่ถูกเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา

แต่มู่ยู่วฉีก็เดินเข้าไปหาและนั่งลงข้างๆเธอ แล้วยังตั้งใจเอามือแตะไปที่ไหล่ของเธอเบาๆด้วย

ฉีฉีทำอะไรไม่ถูกและพูดว่า " ทำไมต้องอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย? "

พอเห็นว่าท่าทางของฉีฉีเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ช่างแตกต่างจากเมื่อคืนมากๆ มู่ยู่วฉีเบิกตากว้างแล้วถามเธอว่า " เธอคงไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมใช่ไหม? "

" ความจำเสื่อมอะไรกัน? "

" เมื่อคืนเธอตอบตกลงและยอมที่จะเป็นแฟนฉันแล้วนะ ฉีฉี ถ้าครั้งนี้เธอเปลี่ยนใจ ฉันจะกัดคอเธอให้ขาดไปเลย! "

ขณะที่พูดก็ได้ยินเสียงกัดฟันไปมาของมู่ยู่วฉีด้วย

แม่เจ้า เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นจริงหรอเนี่ย!

ฉีฉีก็คิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน ฝันที่มหัศจรรย์และหอมหวานทำให้ฉีฉีไม่อยากตื่นขึ้นมา

พอเห็นว่าฉีฉีอึ้งไป มู่ยู่วฉีก็ลุกขึ้น และทำหน้าเคร่งขรึม

พอเห็นว่ามู่ยู่วฉีกำลังพุ่งตัวเข้ามาเหมือนจะมากัดเธอจริงๆ ฉีฉีก็รีบพูดห้ามเขาว่า " อย่ารีบร้อนสิ ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเปลี่ยนใจ แต่ว่า ตอนนั้นดื่มมากไปจริงๆก็เลยคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน "

" ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ ฉันจะบอกเธอให้มันไม่ใช่ความฝัน มีสติให้มากๆหน่อย! "

" รู้แล้ว รู้แล้ว นี่คุณกำลังบังคับขู่เข็นใคร หรือว่ากำลังคุยกับแฟนตัวเองอยู่กันแน่ ดุจริงๆ "

ฉีฉีขมวดคิ้วทำให้มู่ยู่วฉีรีบกลับมายิ้มแย้มอย่างเดิมแล้วพูดว่า " ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะกลัวว่าเธอจะหนีไปอีก ฉีฉี ฉันอยากกอดเธอ "

ฉีฉีที่ปรับตัวให้เป็นแกติได้แล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของมู่ยู่วฉีหน้าเธอก็ค่อยๆแดงขึ้นมาอีก

เธอขยับร่างกายอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วพูดว่า " กินข้าวอยู่อย่าเอาตัวมาติดใกล้ขนาดนี้ "

ฉีฉีขยับหนี มู่ยู่วฉีก็ขยับตามมาอีก เขายิ้มแล้วพูดว่า " ถึงยังไงที่นี่ก็ไม่มีคนสักหน่อย จุ๊บทีหนึ่ง จุ๊บทีหนึ่งนะ "

ในขณะที่พูด มู่ยู่วฉีก็ทำปากจู๋

แต่ยังไม่ทันได้จูบสาวสวยเลย แต่ก็มีคำพูดหนึ่งลอยผ่านอากาศมาสะก่อน

" โห หนุ่มสาวสมัยนี้ มาพลอดรักกันแต่เช้า ไม่รู้จักควบคุมตัวเองเลยจริงๆ "

มีคนมาขัดจังหวะ มู่ยู่วฉีเลยอารมณ์เสีย

" ได้ ต่อไปถ้าฉันเจอหนานกง ฉันจะบอกเขาว่าเย่ชูวเสวียชอบผู้ชายที่ควบคุมตัวเองได้ "

เย่ชูวเสวียเอามือกอดอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ประชดว่า " เฮ้ ฉันว่านาย ทำไมต้องมาโยงเรื่องฉันด้วย "

" เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องมายุ่ง "

" ช่างเป็นคนที่เนรคุณจริงๆ เมื่อวานฉันพึ่งจะช่วยนายไปแท้ๆ ตอนนี้พอฉันไม่มีประโยชน์แล้วก็ขับไล่ไสส่งกันเลยนะ หึหึ โลกนี้ช่างโหดร้ายจริง "

" นี่ เย่ชูวเสวียเธอหยุดไร้สาระได้แล้ว รีบมากินข้าวเร็ว " ฉีฉีจับแขนเย่ชูวเสวียและเซี่ยวอันน่าแล้วพุดว่า " แต่ว่า ทำไมพวกเธอตื่นเช้าจัง ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อย "

"ตื่นเช้ามาดูอะไรดีๆไง "

เย่ชูวเสวียพูดล้อฉีฉี ทำให้ฉีฉีไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

เซี่ยอันน่าผลักเย่ชูวเสวียเบาๆแล้วพูดว่า " พอได้แล้ว ดูท่าทางแล้ว พวกเขาคงจะลงเอยกันอย่างยากลำบากมากพอแล้ว อย่าแกล้งพวกเขาเลย "

ฉีฉีและมู่ยู่วฉีกว่าจะลงเอยกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เย่ชูวเสวียดีใจกว่าคนอื่นเขาเลย ตอนที่ที่เธอคอยพูดล้อพูดแกล้งแบบนี้ก็เพราะว่าเธอดีใจมากๆ

หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนมาทานอาหารเช้ากัน เย่ชูวเสวียก็หยุดพูดล้อเล่นแล้วนั่งกินข้างแต่โดยดี

พอกินอาหารเช้าเสร็จ เย่ชูวเสวียก็ถามว่า " ฉีฉี วันนี้เราจะกลับไปแล้ว พวกเธอจะกลับพร้อมกันไหม? "

" มาพักแค่คืนเดียวก็กลับแล้วหรอ? "

" ใช่ จุดประสงค์ที่เรามาก็เพื่อช่วยให้วกเธอทั้งสองสมหวัง ตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว ก็ต้องกลับไปแล้วสิ "

พอฉีฉีได้ฟังแบบนี้เธอก็รู้สึกอบอุ่นมากๆ

มีเพื่อนแบบนี้ในชีวิตช่างเป็นเรื่องที่โชคดีมากจริงๆ

ฉีฉีหันไปมองเซี่ยอันน่าแล้วพูดว่า " จริงด้วย อันน่า มีเรื่องอยากจะให้เธอช่วยหน่อย "

" อะไร? "

" ช่วยเก็บรูปภาพที่มีลายเซ็นเธอไว้ให้ฉันหนึ่งรูปสิ เจ้านายฉันเขาเป็นแฟนคลับตัวโยงของเธอเลยนะ "

เซี่ยอันน่าพูดอย่างใจกว้างว่า " เรื่องเล็กน้อย เรียกเขามาถ่ายรูปคู่กันก็ยังได้เลย "

" ถ้าอย่างนั้นฉันไปตามเขาก่อนนะ "

ในขณะที่ฉีฉีพูด เธอลุกขึ้นกำลังจะไปตามหาเจ้านาย

แต่พึ่งจะหันหลังไปก็ เจ้านายก็ปรากฏตัวขึ้นไวอย่างกับผีทำให้ฉีฉีตกใจเลยทีเดียว

" เจ้านาย คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? "

" แค่บังเอิญผ่านมาแถวนี้เฉยๆ พวกเธอ กินข้าวรึยัง? "

" กินแล้ว "

ฉีฉีมองเจ้านายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก้มหน้ายิ้มเล็กน้อย

แค่ผ่านมาต้องเต็มตัวเต็มยศขนาดนี้เชียวหรอ? เหมือนกับว่ากำลังจะไปถ่ายรูปแต่งงานอย่างไงอย่างนั้นเลย

พอเห็นว่าฉีฉีก้มหน้าไม่พูดไม่จา เจ้านายก็รีบสะกิดเธอแล้วพูดเร่งเธอว่า " ฉีฉี รีบมาถ่ายภาพคู่ให้เราหน่อย เร็วๆ! "

" ค่ะ รับทราบค่ะ "

ฉีฉีหุบยิ้ม และรับกล้องของเจ้านายมาจากนั้นก็ถ่ายภาพคู่ให้เขากับเซี่ยอันน่า

เจ้านายยืนอยู่ข้างๆเซี่ยอันน่าท่าทางของเขาค่อนข้างตื่นเต้น แต่ว่ารอยยิ้มของเขามันสดใสมากๆ เขายิ้มจนตาก็ยิ้มตากด้วยแล้ว

พอถ่ายเสร็จ เจ้านานกอดโทรศัพท์ไว้ราวกับว่ากำลังกอดลูกสุดที่รัก แล้วเดินออกไปอย่างมีความสุข

ดูไม่ออกเลยจริงๆ เจ้านายที่ปกติดูน่าเกรงขาม จะมีด้านที่บ้าคลั่งแบบนี้ด้วย

ฉีฉีหัวเราะ พอหันกลับมาก็เห็นว่าเย่ชูวเสวียกำลังมองเธออยู่

" เป็นอะไร? "

" เธอยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อกี้ของฉันเลย "

" ฉัน......"

ฉีฉียังไม่ทันได้ตอบ มู่ยู่วฉีก็ตอบแทนเธอไปว่า " ครั้งนี้ เราไม่กลับไปแล้ว "

" ไม่กลับ? "

" ก็ใช่นะสิ เรายังต้องอยู่ใช้ชีวิตที่หยุดยาวและสุดแสนสบายของเราสองคนต่อ "

พอฟังคำพูดพวกนี้ทำให้เย่ชูวเสวียหมดคำจะพูด

" มู่ยู่วฉี นายแอบอู้มามากพอแล้ว จีบก็จีบติดแล้ว คงพอได้แล้วมั้ง "

" ฉันจริงจังนะ พวกเรา......"

" มู่ยู่วฉี เราก็กลับกันเถอะ "

ฉีฉีพูดแทรกมู่ยู่วฉี ทำให้มู่ยู่วฉีอึ้งไปเลย

" ฉีฉี เธอพูดอะไร? "

ฉีฉีพูดด้วยสีหน้าปกติว่า " ฉันบอกว่า เราก็กลับกันเถอะ "

" แต่ว่า เธอไม่ชอบการใช้ชีวิตที่นั่นไม่ใช่หรอ? "

" ในเมื่อยอมรับในตัวนายแล้ว ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีฉันก็ต้องรับให้ได้ การหลบปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดี อีกอย่าง ฉันเองก็ต้องเรียนรู้ จะพึ่งคุณตลอดไปไม่ได้ "

ตอนที่ฉีฉีพูดประโยคนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส และรอยยิ้มของเธอก็ทำให้มู่ยู่วฉียิ้มตามไปด้วย

พอเห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมากขนาดนี้ เย่ชูวเสวียและเซี่ยอันน่าก็จ้องตากันแล้วยิ้ม

เซี่ยอันน่ายกมือขึ้นพาดไหล่ฉีฉีไว้แล้วพูดว่า " พูดได้ถูกมาก ในอนาคตฉีฉีต้องมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ฉันนะ เป็นคนที่มากความสามารถ ต่อไปถ้าคุณจะนัดเจอฉีฉีคุณอาจจะต้องนัดล่วงหน้าก็เป็นไปได้นะ "

มู่ยู่วฉียิ้มอย่างสดใสและพูดว่า " พวกเธอพูดถูก ถ้าอย่างนั้น เรากลับไปตอนนี้เลย แต่ว่า ฉีฉีถ้ากลับไปแล้วฉันจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ทุกคนรู้นะ เธอหนีไปไหนไม่รอดแน่ๆ "

" เรื่องที่ตอบตกลงคุณไปแล้ว ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอก "

" เฮ้ ใครบางคน เปลี่ยนใจบ่อยอยู่นะ "

" คุณพูดว่าอะไรนะ? "

มู่ยู่วฉีรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า " ไม่มีอะไร เรารีบเก็บของกันเถอะ จะได้ลงดอยไปช่างเช้า เพื่อที่จะได้ไม่ร้อนมาก "

พอเย่ชูวเสวียเห็นมู่ยู่วฉียิ้มอย่างมีความสุขมากๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า " เฮ้ คงมีแค่ฉีฉีคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยานายได้ ในที่สุด นายก็กลับมามีชีวิตแบบคนปกติสักที "

" ใช่ๆ ฉีฉีเป็นยาวิเศษของฉัน ขอแค่มีเธออยู่ เธอรักษาฉันได้ทุกโรค "

คำพูดเลี่ยนๆของเขาทำให้เย่ชูวเสวียขนลุก

เธอเอามือเท้าคางแล้วพูดว่า " ฉันมีความรู้สึกบางอย่าง ราวกับว่าชีวิตในวันข้างหน้าของเขาสองคนต้องฆ่าคนโสดแน่ๆ "

เซี่ยอันน่าหัวเราะแล้วพูดว่า " ฆ่าคนโสดก็ยังดีกว่าเห็นพวกเขาจะเป็นจะตาย ขอแค่พวกเขามีความสุขก็พอแล้ว "

......

พอเจ้านานรู้ว่าฉีฉีตัดสินใจกลับ เจ้านายร้องไห้ฟูมฟายจนตาแดงบวมไปหมด และกำชับฉีฉีว่าให้กลับมาเยี่ยมเขาบ่อยๆ และพูดกำชับมู่ยู่วฉีด้วยว่าห้ามรังแกฉีฉีเป็นอันขาด

มู่ยู่วฉีโมโหมาก อย่างน้อยเขาก็มีส่วนช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์ให้โรงแรมมากมาย ทำไมเจ้านายถึงเป็นห่วงแค่ฉีฉีคนเดียว แม้จะไม่มีคำพูดที่เป็นห่วงเขาเขาก็ไม่ติดใจอะไร แต่กลับพูดเหมือนเขาเป็นคนเลวอย่างไงอย่างนั้น รังแกฉีฉีอย่างนั้นหรอ ภาพลักษณ์ของตัวเองในสายตาเขามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?

สีหน้าของมู่ยู่ฉีเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

มาอยู่ที่นี่มันเป็นความผิดพลาด แต่ได้เจอกับเจ้านายฉีฉีรู้สึกโชคดีมากๆ

เธอได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ เธอได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะแยะมากมาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอหาความมั่นใจของตัวเองจนเจอ ทำให้เธอกล้าที่จะเผชิญและยอมรับฟังเสียงหัวใจที่แท้จริงของตัวเองจนหารักแท้จนเจอ

พูดได้ว่าในโรงแรมแห่งนี้มันมีความทรงจำที่สวยงามมากมาย เธอจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่สวยงามตลอดไป

หลังจากล่ำลากับเจ้านายแล้ว พวกเขาก็ลงจากดอยไป

ฉีฉีกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อน ส่วนมู่ยู่วฉีโดนเย่ชูวเสวียและเซี่ยอันน่าลากตัวกลับไปที่บ้านตระกูลมู่เพื่อจัดการปัญหาภายในบ้าน

มู่ยู่วฉีใช้ผ้าเช็ดหน้าโบกไปมาอย่างอาลัยอาวรณ์

แต่ฉีฉีกลับนิ่งมาก เธอโบกมือลาเล็กน้อยและหันหลังเดินเข้าไปเลย

มองดูฉีฉีที่เดินจากไป มู่ยู่วฉีกัดฟัน

" ยัยผู้หญิงไร้ความรู้สึก "

" เอาเถอะ รีบไปกันเถอะ ตอนนี้นายรีบหาข้อแก้ตัวเลยว่าจะอธิบายกับคุณลุงคุณป้ายังไง"

มู่ยู่วฉียักไหล่และทำท่าไม่สนใจแล้วพูดว่า " มีอะไรต้องแก้ตัว ก็บอกไปตามตรงว่าไปหาลูกสะใภ้ให้พวกท่านไง "

" เหอะ พูดเหมือนกับว่าฉีฉีจะแต่งงานกับนายจริงๆอย่างนั้นแหละ "

มู่ยู่วฉีขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเย่ชูวเสวียพูดว่า " เย่ชูวเสวีย เธออย่าพูดอะไรที่น่าอารมณ์เสียแบบนี้ได้ไหม ฉันกับฉีฉีพึ่งจะคบกัน เธอช่วยพูดอะไรที่มงคลหน่อยจะไม่ได้เลยหรอ "

" ก็ฉันกลัวว่านายจะดีใจหลงระเริงจนลืมตัว "

" ตอนนี้ฉันดีใจมาก ฉันมีแฟนแล้วมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรอ? "

ท่าทางที่ดีใจจนตัวสั่นของมู่ยู่วฉีทำให้เย่ชูวเสวียและเซี่ยอันน่าหมดคำจะพูดจริงๆ

ในขณะเดียวกัน ฉีฉีกลับไปที่มหาวิทยาลัยคนเดียว พอเจอเพื่อนเก่าเธอก็ทักทาบพวกเขาอย่างสนิทสนม

แต่ว่ามีเพื่อนๆสองสามคนที่พอเห็นฉีฉีก็รีบเดินหนีทำให้ฉีฉีถึงกับงง

พอตอนเย็น ฉีฉีกำลังจะเตรียมตัวไปกินข้าวเย็น เธอกินข้าวตามลำพังในโรงอาหาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ