วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 563

หนานกงเจาตกใจกับรอยยิ้มของเย่ชูวเสวีย และถามว่า: "มีแผนอะไรหรอ?"

“ยังบอกไม่ได้หรอก รอให้ถึงเวลา จะได้เห็นดีกัน!”

หนานกงเจาจับหน้าอกของเขาและพูดว่า: "ชูวเสวีย ใจเย็นๆ ! ความอดทนทางจิตใจของเราอ่อนแอมาก เราไม่สามารถทนต่อการกระตุ้นที่รุนแรงเกินไปได้"

"ฉันก็ใจเย็นอยู่นี่ไง"

อืม ท่าทางของเย่ชูวเสวียใจเย็นมากจริงๆ มากจนทำให้คนรู้สึกขนลุก

"แต่……"

“ ชาที่นี่อร่อยมาก ลองชิมดูสิ หลังจากดื่มชาไปสักพักก็ไปซื้อของกันต่อ ฉันอยากดูสร้อยคอ สร้อยคอที่เธอให้ฉัน มันบังเอิญตกลงไปในสระว่ายน้ำครั้งที่แล้ว ฉันก็เลยจะซื้อใหม่ "

เย่ชูวเสวียพูดในขณะที่กำลังรินชาให้หนานกงเจา

หลังจากได้รับถ้วยน้ำชา หนานกงเจาก็ทำอะไรไม่ถูก

เขารู้ว่าเย่ชูวเสวียไม่อยากพูดถึงคำถามนี้ ต่อให้เขาถามไปอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร

หนานกงเจาถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมแพ้ว่า:: "โอเค แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว"

"อีกอย่าง เรื่องที่ฉันจะคิดบัญชีกับพี่ เธอต้องบอกเขา"

หนานกงเจาที่กำลังจะดื่มชาก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ชูวเสวียพูด จากนั้นก็หันไปมองเธอและถามว่า: "เธอแน่ใจหรอว่าไม่ลืมพูดคำว่า “ไม่”?”

เย่ชูวเสวียพูดช้าๆ: "ไม่ฉันแน่ใจว่าฉันพูดถูกฉันแค่ขอให้เธอบอกพี่ชายของฉัน"

หนานกงเจา สับสนและพูดว่า "อันนี้......ฉันไม่เข้าใจ"

“ พี่ชายของฉันเป็นคนที่หยิ่งผยองและหยิ่งยโส บอกให้เขารู้ว่าฉันคิดอะไร เขาจะหัวเราะให้กับความคิดแปลกๆของฉัน ไม่เอาเรื่องนี้มาคิดหรอก เขาจะได้เอาเรื่องนี้ไปคิดแล้วกลับมาเล่นงานฉันแทน "

เย่ชูวเสวียพูดอย่างชัดเจน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเธอพร้อมลงมือ

เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ต่อให้เอาวัวสิบตัวมาฉุดความคิดเธอก็เอาไม่อยู่ ต่อให้เป็นหนานกงเจาก็ตาม ทำได้แค่ถอนหายใจ

"เฮ้อ พวกเธอสองพี่น้องจะฆ่ากันเองแท้ๆ"

"เอาล่ะ ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้ว หนานกง ช่วงนี้ฉันขอโทษนะ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากไปหน่อย"

อารมณ์ของเย่ชูวเสวียเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หนานกงเจาไม่ตอบ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยื่นมือออกมาแล้วลูบหัวของเย่ชูวเสวีย พูดว่า: "ขอแค่เธอมีความสุข ลำบากแค่ไหนฉันก็ยอม”

เย่ชูวเสวียรู้สึกเขินเล็กน้อย เมื่อเธอคิดถึงปัญหาที่ไม่สมควรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“ หนานกง มีแต่เธอที่ทนนิสัยแย่ๆของฉันได้ เธอ เธอเป็นทุกข์หรือเปล่า?”

"เธอมีนิสัยแย่หรอ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้สึกเลย ในสายตาของฉัน เธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยและบางครั้งอารมณ์เสียบ้าง ก็เป็นเพราะฉันทำให้เธอไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจเธอ"

ความอ่อนโยนของหนานกงเจาทำให้เย่ชูวเสวียขยับตัวและรู้สึกเขิน เธอกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหนานกงเจา เย่ชูวเสวียกอดเขาด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเธอ

“ หนานกง เธอทำแบบนี้จะทำให้ฉันได้ใจนะ”

กอดเย่ชูวเสวียไว้แน่น หนานกงเจาแตะผมด้านบนของเธอและพูดว่า: "งั้นก็ให้ฉันโอ๋เธอไปตลอดชีวิตเลย"

ดวงตาของเย่ชูวเสวียดูนุ่มนวลและอ่อนโยนเมื่อมองขึ้นไปที่หนานกง เขาก็โน้มตัวไปจูบเย่ชูวเสวีย

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังหยอดกัน ฉีฉีกำลังกังวล

ฉีฉีนั่งข้างๆเซี่ยอันนา ฉีฉีขมวดคิ้วและถามว่า: "อันนา เธอว่าพวกเขาทั้งสองคนจะทะเลาะกันอีกไหม?"

เซี่ยอันนากำลังขับรถและตอบว่า: "ไม่ต้องกังวล ชูวเสีวยไม่อารมณ์เสียแล้ว ไม่ไปโมโหใส่หนานกงหรอก ฉันเดาว่าทั้งสองคนคงกำลังหวานกันอยู่"

"จริงหรอ?"

"แน่นอน ไม่ต้องห่วง พวกเขาสัญญาณเตือนดังขึ้นและตอนนี้ทุกอย่างสงบแล้ว เราไปพักผ่อน หาอะไรอร่อยๆกินกันเถอะ"

"ยังจะกินอีกหรอ? อันนาความอยากอาหารของเธอทำให้คนตกใจ เธอไปหาหมอดูดีไหม?"

ไม่อยากอาหารก็ไปหาหมอ อยากอาหารก็ต้องไปหาหมออีกหรอ? เธอคิดมากไปแล้ว” เธอมองไปใบหน้าของเธอจากกระจกหลัง เซี่ยอันนาสังเกตเห็นใบหน้าของเธอกลมขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า "จะว่าไป ฉันคงต้องลดน้ำหนักแล้วจริงๆ รู้สึกช่วงนี้อ้วนขึ้น"

“กินเยอะขนาดนี้ ไม่อ้วนสิแปลก”

ฉีฉีบ่นทำให้เซี่ยอันนาจริงจังและถามว่า: "อะไร เธอว่าฉันอ้วนขึ้นจริงหรอ? งั้นฉันต้องลดจริงๆแล้ว เวลาถ่ายรูปออกมาไม่สวย”

“จริงด้วย ปกติเธอยุ่งมากไม่ใช่หรอ ทำไมช่วงนี้ถึงว่าง มีเวลาชวนมาช้อปปิ้งนั่งดื่มชาอีก”

"ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกเหนื่อยง่ายมาก อยากกินของหวาน ทำอะไรก็ไม่มีแรง ช่วงนี้ก็เลยพัก"

คำพูดของเซี่ยอันนาทำให้ฉีฉีกังวลมากขึ้น ขมวดคิ้วและพูดว่า: "ฉันคิดว่าเธอต้องไปหาหมอแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้เธอทำงานหนักมาก อาจจะทำให้สุขภาพไม่ดี ไปตรวจสักหน่อยเถอะ”

แต่เซี่ยอันนาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันและพูดอย่างเฉยๆว่า: "รู้แล้วรู้แล้ว ถ้ามีเวลาฉันจะไป"

"ไม่ต้องรอมีเวลา ไปตอนนี้เลย ฉันรู้จักหมอชื่อดังคนหนึ่ง ฝีมือดีมาก ฉันจะพาเธอไป"

“ ตอนนี้? แต่ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อย”

"โอ้ย ไปหาหมอเสร็จค่อยไปกิน เดี๋ยวแยกหน้าอีกยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว”

ฉีฉียังคงยืนกราน เซี่นอันนาทำอะไรไม่ถูก เธอจึงต้องพูดว่า: "ก็ได้ ฉันนี่กลัวเธอจริงๆ"

เซี่ยอันนาหันกลับมาและกำลังจะเลี้ยวเข้าทางแยก ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งออกไปอย่างกะทันหัน

“ อันนา ระวัง !!”

เซี่ยอันนาเหยียบเบรกทันทีและยางส่งเสียงดัง รถเหินไปได้ระยะหนึ่งก่อนที่จะหยุดลง

ในเวลาเดียวกันวัตถุที่มีน้ำหนักมากก็ตกลงมาและผู้คนก็ล้อมรอบมันทันที

เด็กผู้หญิงสองคนในรถกลัวและตกใจมาก เซี่ยอันนาก็พึมพำ: "ฉีฉี ฉัน......ฉันชนคนหรอ?"

"อย่าเพิ่งขยับ ฉันจะลงไปดู"

ฉีฉีก็กลัวมากเช่นกัน แต่เซี่ยอันนาน่าจะตกใจกว่า ไม่เหมาะกับการออกไปดูเอง เธอทำได้เพียงแสร้งทำเป็นเปิดประตูรถและลงไปตรวจดูสถานการณ์

ทันใดนั้น ก็มียายสูงอายุนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด รถข้างๆเธอล้มลงกับพื้นและไฟของรถก็แตก

เมื่อเห็นฉีฉี ยายก็เริ่มโหยหวนทันที

"โอ้ย วัยรุ่นพวกนี้ ขับรถไวขนาดนี้รีบไปตายหรือไง!"

ฉีฉีโน้มตัวไปถาม: "ขอโทษนะคะ คุณยายเป็นอะไรไหม?"

ยายไม่ตอบคำถามของฉีฉี เธอจับเอวแล้วร้องเจ็บปวด: "ขับรถดีๆแล้ว คิดว่าคนจนอย่างฉันชีวิตไม่มีค่า เพราะไม่มีเงิน ใช่ไหม! "

มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาดูที่เกิดเหตุ และพวกเขาก็เริ่มชี้ไปที่ฉีฉี บางคนก็ดูไม่ดีและพูดอะไรที่เหยียดหยาม

ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่จะยืนอยู่แบบนี้ ฉีฉีขึ้นไปช่วยยายและพูดว่า: "เราไม่เคยคิดอย่างนั้น ยายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ถ้างั้นไปหาหมอกันเถอะ"

แต่เธอยายปัดมือของฉีฉีออกและพูดว่า: "ฉันไม่อยากคุยกับเธอ ให้คนขับลงมา ฉันจะคุยกับมันเอง!"

"เธอตกใจมาก มีอะไร คุยกับหนูก็ได้ค่ะ"

“ ฉันจะคุยกับมัน เรียกลงมา!”

"คือ……"

ยายจ้องไปที่เธอและพูดว่า: "อะไรพวกแกอยากหนีความผิดงั้นหรอ!? ฉันจะบอกให้ ทุกคนแถวนี้ก็เห็นกันหมดว่าพวกแกชนฉัน อย่ามาปฏิเสธ!"

เมื่อเห็นยายพูดเช่นนี้ ฉีฉีจึงกระซิบ: "ก็เห็นแข็งแรงดีนี่ ไม่น่าได้รับบาดเจ็บอะไร"

"แกพูดอะไร?"

ริมฝีปากของฉีฉีขยับและก่อนที่เธอจะพูดอะไร เธอก็ได้ยินเสียงที่มาจากด้านหลังเธอ

“คุณยาย เป็นอะไรมากไหม?”

เงยหน้า ยายมองขึ้นไปเห็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมหมวกและแว่นกันแดดด้วยท่าทางที่เป็นห่วง

อืม แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีเงิน!

ดวงตาของยายสว่างขึ้นและเธอก็พูดออกมา: "โอโห โผล่หัวออกมาจนได้ คิดว่าแกจะหลบอยู่แต่ข้างใน”"

ความตกใจทำให้เซี่ยอันนารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็ซีด

แต่แว่นกันแดดขนาดใหญ่ปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอและในขณะที่ซ่อนใบหน้าของเธอก็ยังปกปิดใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอด้วย

ด้วยความตกใจ เซี่ยอันนาไม่เป็นตัวของตัวเองแต่ก็ยังถามออกไป: "คุณยายบาดเจ็บจรงไหนไหม?"

ยายพึมพำออกมาว่า: "ฉันปวดหลัง ปวดขาและปวดหัว อาจเป็นอาการถูกกระแทก ต้องเสียเงินไปโรงพยาบาล"

“งั้นเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

"โอ้ย อันที่จริงมันไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ขอค่าเสียหายก็พอแล้ว"

"ได้รับบาดเจ็บ ก็ไปโรงพยาบาลเลยจะได้รู้ว่าเป็นอะไรมากไหม"

"นั่นมันก็เป็นเรื่องของฉัน พวกแกจะมายุ่งทำไม บอกว่าเอาเงินค่าเสียหายมาก็พอไง!"

น้ำเสียงของยายเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน การแสดงออกของเธอยังคงร้อนรนราวกับว่าเซี่ยอันนาและฉีฉีไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี

ฉีฉีเพิ่งสังเกตเห็นท่าทางของยายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แถมสติก็ยังดี ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก

ฉีฉีกระซิบว่า: "อันนา ฉันคิดว่าเราเจอพวก18มงกุฎแล้วล่ะ"

เซี่ยอันนาพูดอย่างเย็นชาว่า: "หึ ฉันก็ดูออกเหมือนกัน"

"หรือไม่ เราก็ให้เงินเธอไปเลย เรื่องจะได้จบๆ"

“ทั้งๆที่รู้ว่ากำลังโดนหลอก ทำไมต้องเอาเงินให้มันอีก!”

เซี่ยอันนารู้สึกอารมณ์ไม่ดี ยกคางขึ้นเล็กน้อยและถามว่า: "คุณยาย บอกมาสิอยากได้เท่าไหร่?"

ยายมองไปที่โลโก้รถ จากนั้นก็ยื่นนิ้วออกมาและพูดว่า: "1หมื่นหยวนก็พอ"

เซี่ยอันนาพูดออกมาอย่างเย็นชา:"1หมื่นหยวน? เห็นแก่ได้จังเลยนะ รถของยาสคันนั้นยังไม่ถึง1หมื่นหยวนเลย"

“คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้มีแค่รถนิ แต่ยังรวมถึงร่างกายของฉันด้วย หญิงชราถูกแรงกระแทกขนาดนี้ ต้องไปโรงพยาบาลตรวจว่ามีอะไรกระทบอีกไหม ถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมา พวกแกยังต้องรับผิดชอบตลอดชีวิต”

สิ่งหนึ่งที่ยายกำลังพูดทำให้เซี่ยอันนาเข้าใจนั่นคืออยากได้เงินค่าเสียหาย

แต่เซี่ยอันนาไม่อยากถูกหลอก เธอจับแขนของเธอและพูดว่า: "แต่ฉันเห็นยายก็ดูปกติดีนิ น้ำเสียงก็ยังดีไม่เห็นเหมือนคนเจ็บเลย แล้วก็รถของยาย มันเป็นรถเก่าๆที่จะพังอยู่แล้ว ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก เพราะงั้น ฉันให้ได้มากสุด200หยวน ถือว่าเป็นค่าทำขวัญ”

คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของยายเปลี่ยนไปและเธอก็ดุว่า: "แกพูดว่าอะไร!?"

"ไม่พองั้นหรอ? ถ้างั้นเราไปดำเนินตามขั้นตอน ไปแจ้งความเถอะ"

เมื่อเห็นการยืนกรานของเซี่ยอันนา ยายก็โกรธและพูดว่า: "เธอเป็นคนที่ขับรถหรูอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงขี้เหนียวอย่างนี้ แค่200หยวนเอาออกมาแค่นี้แกไม่อายหรอ!"

“ ฉันมีเงิน แต่เงินของฉันไม่ได้พัดพามาด้วยลมแรงการกุศลหรืออะไร มีคนจะมาแบมือขอฟรีๆ ฉันก็ไม่ให้หรอกนะ”

“ แก......ได้ แกจะแจ้งความใช่ไหม งั้นฉันก็จะรอดูบ้านอกล้มละลาย!”

"จะเทียบกับฉัน? ก็ต้องดูว่าคุณภาพชีวิตของยายถึงไหม!" หันไปมองฉีฉี เซี่ยอันนาพูดโดยไม่ลังเล: "ฉีฉี ช่วยโทรหาตำรวจหน่อย"

"อืม"

“ เออ แจ้งความก็แจ้งความ ใครกลัวใคร!”

แม้ว่ายานจะยืนกรานไม่ยอมแพ้ แต่เธอก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนมองไปรอบๆอยู่บ้าง

จากนั้นไม่นาน ตำรวจก็มาถึง

เมื่อเห็นยายนอนอยู่บนพื้น ตำรวจก็แสดงท่าทางทำอะไรไม่ถูก

"ยาย นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ฉันเจอยาย?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด

ยายทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพูดว่า: “ ฉันแก่แล้ว ฉันข้ามถนนช้า ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ คนขับรถสมัยนี้ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่รู้กฎของท้องถนน สุดท้ายก็นำพาความเดือดร้อนมาให้คนอื่น”

ทั้งๆที่รู้ว่ายายไม่บริสุทธิ์ แต่ตำรวจทำได้เพียงทำตามขั้นตอน

เมื่อหันไปมองเซี่ยอันนา ตำรวจก็เตรียมทำการตรวจสอบ

แต่อุปกรณ์ของเธอแน่นเกินไปปกปิดใบหน้าของเธอ

พฤติกรรมนี้ค่อนข้างแปลก ตำรวจขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "ถอดแว่นกันแดดออกได้ไหม?"

“ ต้องถอดหรอ?”

"ใช่ครับ โปรดให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของเรา"

เซี่ยอันนาถอนหายใจเบาๆ แล้วถอดแว่นกันแดดออก

เมื่อเห็นใบหน้าของเซี่ยอันนา ตำรวจก็ตะลึง

ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นอยู่รอบๆก็จำเซี่ยอันนาได้และอุทานว่า: "เฮ้ย เธอ.....เธอคือดาราดังคนนั้นไม่ใช่หรอ?"

"ใช่ใช่ใช่ นั่นคือคนที่แสดงในภาพยนตร์และได้รับรางวัล"

"โชคดีจังที่ได้เจอเธอที่นี่!"

ยายที่นอนอยู่บนพื้นก็ตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอคนดัง ไม่รู้จริงๆว่าโชคดีหรือโชคร้าย

ตำรวจทำการตรวจสอบ ยายก็ยังคงนอนอยู่ข้างๆ เธอบ่นพึมพำอย่างไม่เต็มใจ: "เป็นถึงดาราก็ต้องมีเงินเยอะไม่ใช่หรอ ยังมาหวงเงินเล็กน้อยแค่นี้ ถ้าเดี๋ยวนักข่าวรู้ คนที่เดือดร้อนก็คือพวกแกไม่ใช่หรอ”

เซี่ยอันนาได้ยินเสียงบ่นของยาย เธอหันหน้ามาพูดต่อว่า: “เป็นดาราแล้วไง ดาราหาความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ได้งั้นหรอ? เพราะฉันเป็นดารา มีคนติดตามเยอะ เลยต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ถ้าเกิดคนทุกคนกลัวเดือดร้อน งั้นสังคมนี้จะกลายเป็นสังคมแบบไหนกัน?”

ฉีฉีฟังจนมึน

เซี่ยอันนาไปรู้คมคำพวกนี้มาจากไหน? คำพูดที่เร่าร้อนนี้สามารถเขียนลงในหนังสือได้เลยนะเนี่ย!

ผู้คนรอบข้างปรบมือและบางคนก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อถ่ายภาพของเซี่ยอันนา

เซี่ยอันนาไม่มีการแต่งหน้าในวันนี้และไม่เหมาะกับการถ่ายภาพ

แต่เซี่ยอันนาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ในขณะนี้เธอรู้สึกเวียนหัว แล้วสภาพเธอก็แย่มาก

ความรู้สึกแบบนี้ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน เซี่ยอันนารู้สึกว่าควรไปหาหมอจริงๆแล้ว

ความวุ่นวายค่อยๆเบาลง เซี่ยอันนาถามอย่างเฉยเมย: "คุณตำรวจ เราต้องให้ความร่วมมืออะไรอีกไหม?"

"ลงชื่อไว้ที่นี่ จากนั้นรถจะถูกกักไว้ชั่วคราว ต้องรอแจ้งถึงจะเอารถกลับไปได้"

“ โอเค”

หลังจากเซ็นชื่อแล้วเซี่ยอันนากับฉีฉีก็จากไป

ฉีฉีพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเซี่นอันนา จับมือเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ