สรุปตอน บทที่ 31 คนกระสอบ(คนที่เสแสร้งเก่ง) – จากเรื่อง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว
ตอน บทที่ 31 คนกระสอบ(คนที่เสแสร้งเก่ง) ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดยนักเขียน เย็นอวี่ฟังหัว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เฟิ่งเสวียนตู้เอ่ยพูด: “เจ้าคิดว่าทิวทัศน์ที่นี่เป็นเช่นไร?”
นัยน์ตาฉู่เชียนหลีเคลื่อนไหวเล็กน้อย เจ้าขี้เหล่ใส่ใจจริงๆ นางกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างเดิมฝันสลาย เขาก็พูดขึ้นแล้ว
“ได้ยินว่าองค์ชายสามชื่นชอบไม้ไผ่เป็นพิเศษ วันนี้เมื่อดูแล้ว เป็นไปตามคำล่ำลือ ที่นี่คือตำหนักองค์ชาย ทว่ากลับไร้ซึ่งกลิ่นอายของความหรูหรา ทุกหนทุกแห่งเปี่ยมไปด้วยไผ่ที่อุดมสมบูรณ์ กล่าวได้ว่าเป็นความเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวาย ตามคำกล่าวที่ว่า ขอเพียงจิตใจสงบ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ว้าวุ่นก็ยังคงนิ่งสงบ”
แววตาของเฟิ่งเสวียตู้หม่นหมอง นางตั้งหน้าตั้งตารอให้หยุนชิงกุยกลับมาจริงๆ ด้วย มิเช่นนั้นจะชื่นชมเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ไม้ไผ่เหล่านี้ จะอธิบายสิ่งใดได้?”
เป็นเพียงวิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้น!
“นี่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของไม้ไผ่ เจ้าดูทิวทัศน์ในตำหนัก ทางเดินที่คดเคี้ยว สะพานที่มีน้ำไหลผ่าน เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเขาสง่างาม มีเพียงผู้ที่คงความเป็นตนเองท่ามกลางความวุ่นวายเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ได้”
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของร่างเดิมที่รุนแรงยมากขึ้นเรื่อย ยกมุมปากขึ้นลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม
“หากข้าเดาไม่ผิด ในโถงหลักขององค์ชายสาม ต้องแขวนภาพอักษรเอาไว้อย่างแน่นอน”
“ภาพอักษร?” เฟิ่งเสวียนตู้ขมวดคิ้วเป็นปม
“ใช่แล้ว วิวทิวทัศน์เช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ต้องแขวนภาพอักษรไว้ในโถงหลักอย่างแน่นอน ทางด้านซ้ายเขียน ด้วยหากมิสมถะก็จะมิอาจแจ้งในปณิธาน ด้านขวาเขียนหากมิสงบก็จะมิอาจตรองการณ์ไกล”
ด้านหลังไม่ไกล สีหน้าของเซียวจวินยี่เปี่ยมไปด้วยความตกใจ
“จิ่นจือ น้องเดาถูกแล้ว! ก่อนหน้านี้นางไม่เคยมาที่จวนองค์ชายสามใช่หรือไม่?”
ชูจิ่นจือระงับความแน่นอกที่เกิดขึ้นเพราะเดินเร็ว นัยน์ตาฉายความแปลกใจเช่นเดียวกัน
ถ้อยคำนี้ ไม่เหมือนคำพูดที่ฉู่เชียนหลีในอดีตจะพูดออกมาได้
เฟิ่งเสวียนตู้ได้ยินคำพูดของฉู่เชียนหลี อดไม่ได้ที่จะชะงัก :”แบบนี้ก็เดาได้ด้วยเหรอ?”
ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มๆ โน้มตัวลงเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น:“เพราะใครบางคนเป็นคนกระสอบ”
หึ เสแสร้งเก่งจริงๆ!(ภาษาจีนคือเหนิงจวง จวง มีความหมายว่าเป็นกระสอบใส่ของ คำพ้องเสียงกับ จวง มีความหมายว่าเสแสร้ง )
ถ้าหากองค์ชายสามหากมิสมถะก็จะมิอาจแจ้งในปณิธาน ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แล้วทำไมเขาจึงให้ร่างเดิมบอกใบ้ขอให้ตระกูลซูช่วยสนับสนุน? สำหรับตระกูลซูที่ไม่รู้จักพอ! ทำไมต้องเหน็ดเหนื่อยเข้าไปข้องเกี่ยวกับจวนเฉิงเสี้ยงด้วย?
สุภาพบุรุษผู้สง่างามอะไรนั่น ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเหมือนดอกเบญจมาศอะไรนั่น ก็เพื่อซ่อนเร้นความทะเยอทะยานของตน สร้างภาพพจน์ความเป็นสุภาพบุรุษเท่านั้น!
ด้านหลัง เซียวจวินยี่ดึงแขนเสื้อของซูจิ่นจือ พูดด้วยความสงสัย
“จิ่นจือ คนกระสอบหมายความว่าอะไร?”
ซูจิ่นจือดึงแขนเสื้อกลับมา ทว่าแรงกลับไม่มากพอ:“ไม่รู้”
เซียวจวินยี่ไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นเขาก็ลอบฟังต่อ
เก้าอี้นุ่มขยับไปด้านหน้าต่อ มาถึงโถงรับรองแขกอย่างรวดเร็ว
พ่อบ้านแอบเช็ดเหงื่อเย็น: “คุณหนูใหญ่ คุณหนูนั่งรอครู่หนึ่งขอรับ อีกเดี๋ยวองค์ชายสามก็จะกลับมาแล้ว”
เข้าไปในโถงหน้า มีคำพูดของฉู่เชียนหลี เฟิ่งเสวียนตู้สังเกตภาพอักษรในห้องก่อนเป็นอันดับแรก
เป็นจริงตามนั้น ทั้งสองด้านของกำแผงภาพภูเขาหมึก แขวนสองคำนั้นไว้อย่างโจ่งแจ้ง
หากมิสมถะก็จะมิอาจแจ้งในปณิธาน หากมิสงบก็จะมิอาจตรองการณ์ไกล”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี
ทำไมฉู่เชียนหลีถึงรู้จักหยุนชิงกุยดีขนาดนี้?
“เจ้ายังเดาสิ่งใดได้อีก?”
ฉู่เชียนหลี่มองพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ:“ไม่ยกน้ำชามาให้หรือ?”
“ขอรับ ยกมาให้คุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้ขอรับ”
พ่อบ้านรีบบอกให้สาวใช้ไปเตรียม
ฉู่เชียนหลียกมุมปากขึ้น: “เจ้าเชื่อหรือไม่ น้ำชาในจวนองค์ชายสาม ต้องเป็นชาไผ่เมื่อปีที่แล้วแน่นอน น้ำที่ใช้คือน้ำค้างจากป่าไผ่”
เฟิ่งเสวียนตู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย: “เรื่องนี้เจ้าก็เดาได้ด้วยหรือ?”
“องค์ชายสามป่าวประกาศมาโดยตลอดว่า เขาชื่นชอบจักจั่นมากที่สุด ทั้งยังชื่นชมจักจั่นว่าน้ำค้าง ไหลลงมาราวกับเงาต้นไม้ แล้วยังถูกขนานนามว่าเป็นนักพรตน้ำค้างบริสุทธิ์ บวกกับเรียกร้องให้ประหยัดอดออม เพราะเคยได้รับคำชมจากฝ่าบาท เขามีป่าไผ่ผืนใหญ่แบบนี้ ไม่มีวันเปลืองเงินไปซื้อชาชื่อดังที่ส่งมาจากเจียงหนานอย่างแน่นอน”
เซียวจวินยี่โบกพัดแล้วเดินเข้ามาหา:“ท่านผู้น้อง เจ้าคือน้องชายของข้า จิ่นจือเกือบจะได้เป็นลุงของเจ้า ไม่มีคนนอก ไม่ต้องเกรงใจ เจ้ารีบเข้าไปดูด้านใน อย่าปล่อยให้คุณหนูฉู่รอนาน”
สีหน้าของหยุนชิงกุยเคร่งขรึม:“จวินยี่ พูดจาเหลวไหลไม่ได้”
“ได้ ข้าไม่พูดจาเหลวไหล เจ้ารีบไปก็พอแล้ว”
หยุนชิงกุยไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงขมวดคิ้วเป็นปมแล้วเดินเข้าไปในโถงหลัก
ฉู่เชียนหลีได้ยินเสียงฝีเท้า เงยหน้าขึ้นช้าๆ เห็นองค์ชายสามที่เดินตามหลังเซียวจวินยี่และซูจิ่นจือ เคลื่อนไหวนัยน์ตาเล็กน้อย
นางยังไม่ได้เตรียมตัว คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนตระกูลซู
“องค์ชายสามกลับมาแล้ว?”
แววตาของหยุนชิงหม่นหมองลงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม เขาใช้ป้ายองค์ชายจำนองต่อหน้าทุกสายตา รับปากว่าจะให้เงินกับฉู่เชียนหลี เขาไม่คิดจะผิดสัญญา เพียงแต่ประชุมราชสำนักทำให้เสียเวลาไปครู่หนึ่ง ทว่าคิดไม่ถึงผู้หญิงคนนี้กลับมาหาถึงจวน?
นางถึงขั้นไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ไม่ให้เกียรติตนถึงขั้นนี้!
“คุณหนูฉู่……”
“องค์ชายสาม ลำดับของข้าใหญ่ เพื่อแตกต่างจากน้องหลิงเซวียน องค์ชายสามเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่เถอะ” ฉู่เชียนหลีอมยิ้มแล้วพูดขึ้น
“อืม คุณหนูใหญ่ฉู่ ข้าให้คนไปเตรียมทองคำแล้ว เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงใจร้อนเช่นนี้? ทั้งยังชี้แนะให้เด็กมาสร้างความปั่นป่วนในจวนองค์ชาย?”
ฉูเชียนหลีเงยหน้าขึ้น ขนตางอนยาวสั่นไหว นางเจตนาเข้าใกล้ ถ้อยคำของนางแฝงเลศนัย
“องค์ชายสาม ความเป็นจริงด้วยสัมพันธ์ของข้ากับองค์ชาย ท่านพูดจาดีๆ กับข้า ประจบข้าเล็กน้อย ข้าไม่เอาทองคำเหล่านั้นก็ได้”
มองใบหน้างดงามไร้ที่ติ สีหน้าของหยุนชิงกุยสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม
“ท่านพี่!”
เวลานี้ ฉู่หลิงเซวียนเดินสาวเท้ามา สีหน้าซีดขาว หายใจหืดหอบ แค่มองก็รู้ว่ามาด้วยความรีบร้อน แววตาที่มองฉู่เชียนหลีเปี่ยมไปด้วยการตำหนิ
“ท่านพี่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เซียวจวินยี่จับพัดในมือแน่น แววตาทอประกายแวววาว: “ดูสิ เรื่องสนุกเริ่มต้นขึ้นแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...