เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง นิยาย บท 14

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิง

เฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้น

จั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนาง

ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบ

จั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยาง

แต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"

ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหราน

ไทเฮาตรัสว่า “หรือ”

จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม่มีวันเสียใจภายหลังเพคะ”

แล้วนางก็พูดอย่างไร้ยางอาย "อีกอย่าง หม่อมฉันกับเขายังต่างรักซึ่งกันและกัน เลยไม่จำเป็นต้องมีพระราชโองการก็สามารถครองคู่กันได้"

ทุกคนจ้องมองสีหน้าของท่านอ๋องเฟิง

แต่สีหน้าของเฟิงเหยียนไร้ความรู้สึก และเขาก็ไม่เสนอความคิดเห็นกับคำพูดของจั๋วซือหราน สายตาของเขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังผอมเพรียวของหญิงสาวที่ใส่ชุดขาวตลอดเวลา และทุกคนไม่สามารถบอกได้ว่าเขาหมายถึงอะไร

จั๋วซือหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธ

“เป็นผู้ชายที่มีความสามารถและเป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ” ไทเฮาทรงชมแล้วตรัสถามว่า “เจ้าต้องการพระราชโองการกาสมรสของใคร”

จั๋วหรูซินที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มกังวล ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาว และนางมองจั๋วซือหรานด้วยความกังวล

จั๋วซือหรานเห็นจั๋วหรูซินไม่มีความสุขเยี่ยงนี้ จั๋วซือหรานกลับรู้สึกมีความสุข

จั๋วหรูซินตกอยู่ในความกังวลตลอด นางไม่สนใจ ดังนั้นนางจึงพูดกับไทเฮาว่า "หม่อมฉันขอเก็บพระราชโองการนี้ไว้ทีหลังเพคะ และขอพระคุณนี้จากไทเฮาให้แก่พี่น้องในครอบครัวได้หรือไม่ "

ไทเฮาพยักหน้า “เจ้าให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้อง ดังนั้นข้าจึงตกลงตามคำขอของเจ้า”

“ขอบพระคุณไทเฮา” จั๋วซือหรานโค้งคำนับและกล่าวคำอำลา “หม่อมฉันจะไม่รบกวนไทเฮาพักผ่อน หม่อมฉันขอลาเพคะ”

แม่นมยวี่ถามจั๋วซือหราน "แม่นางจิ่วเจ้าคะ ไทเฮายังต้องการการรักษาอะใด ๆ และต้องการปรับแบบใด โปรดบอกข้าหน่อยเจ้าค่ะ"

หัวหน้าหมอหลวงในวังเหยียนชางอยู่ข้าง ๆ ตามมารยาท จั๋วซือหรานไม่ควรจ่ายยาแทนเขา

แต่ในขณะนี้ นางแค่อยากรีบไปจากที่นี่ เพราะนางอยากศึกษาว่า ทำไมแหวนเสวียนเหยียนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน

นางจึงพยักหน้า แต่ทันใดที่นางกำลังอยากรบกวนแม่นมยวี่ไปหยิบปากกาและกระดาษมาจดใบสั่งยา นางก็ได้ยินไทเฮาพูดว่า "เช่นนั้น แม่นมยวี่ เอาป้ายประจำตราของข้าให้แม่นางจั๋วจิ่ว นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าคงต้องรบกวนแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามารักษาอาการข้าด้วย”

แต่เดิมจั๋วซือหรานแค่อยากเขียนใบสั่งยาให้ เพื่อช่วยกำจัดยาพิษที่ตกค้างในร่างกายของไทเฮา และนางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องลับของราชวงศ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่นางควบคุมไม่ได้ หากนางทำตามคำพูดของไทเฮา อาจมีคนโกรธแค้น หากนางปฏิเสธไทเฮา ไทเฮาคงโกรธด้วย

ไทเฮาตรัสอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ารู้ดีว่าจวนของเจ้าไม่ขาดสิ่งใด ในวังก็ไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถประทานแก่เจ้า นอกเสียห้องหนังสือหลวง ได้ยินมาว่าเจ้ามีน้องชายจากแม่คนเดียวกันหรือ วันหลังเจ้าพาน้องชายมาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้”

นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ไม่คาดคิด ลูกหลานของตระกูลใหญ่ทั้งห้าก็ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้ ยิ่งไปกว่านั้น สตรีของตระกูลใหญ่ทั้งห้าแทบไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในห้องหนังสือหลวงเลย

จั๋วซือหรานคนเดิมมีความสามารถขั้นเทพ นางรอเสียนาน แต่นางไม่มีโอกาสเข้ามาศึกษาในห้องหนังสือหลวงได้

เหล่าสตรีและเหล่าสุภาพบุรุษชนชั้นสูงจำนวนมากที่อยู่ในตำหนักนี้ต่างมองจั๋วซือหรานด้วยความอิจฉาริษยา

“ หม่อมฉันขอขอบพระคุณสำหรับความรักของท่าน” จั๋วซือหรานจึงรับป้ายประจำตราของไทเฮาจากแม่นมยวี่ด้วยมือทั้งสองข้าง

“แม่นมยวี่ เจ้าออกไปส่งแม่นางจั๋วจิ่วเสียเถิด” ไทเฮาปัดมือ“ข้าเหนื่อยแล้ว แยกย้ายเถิด”

ใบหน้าของจั๋วหรูซินซีดลง แต่นางยังคงแข็งคอและพูดว่า "เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้า งานหมั้นหมายของพวกเราต้องฟังท่านอาวุโสจัดการ เรื่องที่เจ้าต้องไปขอพระราชทานพระราชโองการการหมั้นของเจ้า หากเจ้าเล่นงานการหมั้นของข้า ผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ น้องชายเจ้าก็อย่าคิดที่ยังได้รับการฝึกฝนจากตระกูลเลย

จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ก็ไม่แน่นะ เจ้าได้เล่นงานข้าในเรื่องการหมั้นของข้ามิใช่หรือ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าบอกว่าจะเอาฉินตวนหยางแก่เจ้า ข้าจะเอาให้แน่ ๆ "

จั๋วซือหรานเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ขอพระราชโองการการหมั้นของตัวเองทันที แต่เก็บไว้จนกว่าจะมีโอกาสที่เหมาะสมมาปฏิบัติต่อจั๋วหรูซินตาต่อตาและฟันต่อฟัน

จั๋วหรูซินไม่กลัวคำพูดของจั๋วซือหราน หากนางต้องแต่งงานกับฉินตวนหยางจริง ๆ แย่สุด นางหาโอกาสฆ่าฉินตวนหยาง ก็จบปัญหาได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็น ว่าสามารถใช้ฉินตวนหยางเป็นมีดชี้ไปที่จั๋วซือหราน นางคงฆ่าเขาไปนานแล้ว คนตายจะเป็นภัยคุกคามอะไรได้อีก

ดังนั้นเวลานี้นางจึงไม่สนใจคำพูดของจั๋วซือหรานมากนัก และนางยังคงพูดถึงจุดประสงค์ของนางต่อ "เจ้าให้ข้าไปเรียนที่ห้องหนังสือหลวง"

จั๋วซือหรานพูด "เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าต้องให้ข้าตบหน้าเจ้าสักสองทีไหม เจ้าจะได้สติสักที"

นางขี้เกียจสนใจจั๋วหรูซินอีก และเดินไปที่ประตูพระราชวัง จู่ ๆนางได้ยินเสียงของจั๋วหรูซินดังขึ้นจากข้างหลังนาง "เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าบอกข้ามาว่า ทำไมผู้อาวุโสและตระกูลเฟิงต้องให้เจ้าแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิง "

จั๋วซือหรานหยุดและพูด "โอ้"

จั๋วหรูซินเห็นจั๋วซือหรานหยุดฝีเท้า นางคิดว่าต่อรองได้ “เป็นอย่างไร”

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่เห็นเป็นอะไร"

จั๋วหรูซินโกรธ “ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วทำไมเจ้าหยุดฝีเท้า"

“อ้าว ข้าอยากให้เจ้าคิดว่า มีอะไรต่อรองได้น่ะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไร รู้สึกแย่ไหม” จั๋วซือหรานกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยการแกล้ง “ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ดี ข้าก็จะรู้สึกดี”

จั๋วหรูซินโกรธมากจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด และกัดฟันพูดออกมาเป็นพยางค์ “เจ้าไม่อยากรู้ว่าทำไมหรือ”

“เพราะข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนออกมาได้หรือ” ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ สีหน้าของจั๋วหรูซินก็แข็งทื่อ

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "อ้าว แสดงว่าข้าเดาถูกใช่ไหม"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง