ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่น
จั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจ
นางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจ
หลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้น
แผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิม
ร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคา
ชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงาม
ส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉย
ชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"
ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”
แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"
“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้มิใช่หรือ นางบอกว่าจะขอเจ้า…อีกครั้ง”
เหยียนฉีอดขันมิได้ จึงหัวเราะเบา ๆ "...แค้ก ๆ ขอเจ้ารักนางอีกครั้ง...?"
ก่อนนห้านี้ชายสองคนนี้ได้เห็นเรื่องที่น่าขันด้วยดวงตาของตัวเองแล้ว
สิ่งที่จั๋วซือหรานได้พูดออกมานั้น แน่นอนว่าต่างก็ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ในที่สุดสีหน้าของเฟิงเหยียนมีการเปลี่ยนแปลงเสียที เขาขมวดคิ้วแบะพูด "ไร้ยางอาย"
เหยียนฉียิ้มและกล่าวว่า "นี่ ข้าจะไปดูที่ลานหน้าเรือน เจ้าไปด้วยไหม"
*
ลานกว้างหน้าเรือนประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟระย้า เมื่อคนเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งจวนกำลังจัดงานมงคล
เมื่อใกล้ถึงฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว แขกต่างพากันกระซิบกระซาบกัน
“ข้าได้ยินมาว่า เพื่อแต่งงานกับนักปราชญ์ คุณหนูจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับลูกชายคนโตของตระกูลเฟิง”
“บัณฑิตอะไรกันล่ะ เขาก็เป็นเพียงแค่คนไร้ความสามารถผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่ไร้พลังวิเศษหรือพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชา ”
“นางบ้าไปแล้วหรือ เพื่อผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้นะ มันเท่ากับทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้าชัด ๆ เลยนะ”
“ข้าไม่รู้ว่านางบ้าหรือเปล่า แต่ข้าได้ยินมาว่า ผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วกำลังจะบ้าไปแล้ว”
“ถือว่าตระกูลจั๋วไว้หน้าให้แล้ว อย่างน้อยตระกูลจั๋วให้สินสอดมากพอแล้ว บางทีพวกเขาอาจกลัวตระกูลเสียหน้า เลยไม่อยากให้นางแต่งงานแบบซอมซ่อเหลือเกิน”
“ข้าแค่อยากรู้ว่า จั๋วจิ่วยอมทิ้งท่านอ๋องของตระกูลเฟิง แล้วไปชอบชายคนอื่น แล้วชายผู้นี้เป็นคนเช่นใดกันแน่”
“เชอะ เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอ๋องเฟิงเหยียนแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถมิใช่หรือ…”
“นั่นน่ะสิ ข้าไม่สนใจพวกเจ้าจะมาที่นี่เพื่อร่วมความสนุกสนานหรือมาเพื่อดูเรื่องที่น่าขัน อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลก”
แขกที่ลานหน้าเรือนต่างพากันรอดูเรื่องตลกด้วยกัน บรรยายกาศกลับดูคึกคักอย่างมาก
หลิ่วเย่พยุงหญิงชราเดินเข้ามาจากประตู ถัดจากหญิงชราคือชายชรา ผู้ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของฉินตวนหยาง
แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวหรูหรา ทว่าใบหน้าของพวกเขาดูแก่และโทรม ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาทำงานหนักมาหลายปี
ลูกชายสอบผ่านและมียศฐาบรรดาศักดิ์ หญิงสาวในตระกูลที่สูงศักดิ์ในเมืองนี้ต่างมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแต่งงานกับเขา คู่สามีภรรยาชราค่อนข้างภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด
พวกเขาได้ยินจากลูกชายมาว่า จั๋วซือหรานเป็นคนพูดง่ายอย่างมาก พวกเขาตั้งใจมาที่นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ผู้หญิงผู้นี้จะไม่กราบไหว้ฟ้าดินแล้ว ทำแบบนั้นได้อย่างไร
“นางจั๋ว ทำไมยังไม่รีบลุกขึ้นไปไหว้ฟ้าดินเพื่อเสร็จพิธีของงานแต่งอีกล่ะ เจ้าอย่าพลาดช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้” แม่ฉินเดินไปยังด้านหน้าของจั๋วซือหราน
จั๋วซือหรานไม่ตอบโต้ใด ๆ เพียงแต่ยิ้มประชดประชัน
ใบหน้าของแม่ฉินชะงัก “นางจั๋ว ผู้ชายที่ไหนกันจะไม่รับเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกชายของข้ามีชื่อเสียงโด่งดัง ในอนาคต เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นข้าราชการระดับสูง เป็นไปได้หรือที่เขาไม่รับภรรยาน้อย ภรรยาน้อยไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าหรอก เหตุใดเจ้าต้องกังวลคอยคิดเล็กคิดน้อย”
พ่อฉินที่อยู่ด้านข้างเห็นคล้อยตามว่า "ถึงอย่างไร ในอนาคต เด็ก ๆ จะเรียกเจ้าว่าแม่ใหญ่ ทำไมเจ้าถึงเป็นผู้หญิงที่โง่เขลาขนาดนี้ อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาเช่นนี้"
จั๋วซือหรานค่อย ๆ ยืนขึ้น นางวางตัวหยิ่ง "ผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาหรือ ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่า ผู้หญิงที่ร้ายกาจเลยล่ะ ใครก็ได้ หักขาของฉินตวนหยาง และไล่พ่อแม่ของเขาออกไปด้วย"
ฉินตวนหยางสะดุ้ง เขารีบแอบเอาอะไรจิ้มปลายนิ้วของตนเอง มีเลือดสองสามหยดไหลออกมา
จากนั้นเขาขยับริมฝีปากของเขาสองสามครั้งและท่องหนอนพิษกู่โกยไม่ออกเสียง
จากนั้นเขาก็มองไปที่จั๋วซือหรานอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและน้ำเสียงอ้อนวอน"เสี่ยวจิ่ว เจ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้ารู้ข้าผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าจะรักเจ้าคนเดียว ครั้งนี้โปรดยกโทษให้ข้าได้ไหมขอรับ"
จั๋วซือหรานไม่ทันระวังตัวและได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวใจและสมองในเวลาเดียวกัน...

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง