แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยาง
นางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้
ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้
พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้
แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวัง
ฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"
จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น
“เจ้าฝันไปเสียเถิด”
เสียง 'คลิก'ดังขึ้น
“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ได้ล่ะ
“พี่ฉิน” จวงเหยาเหยาร้องไห้และพูดว่า “พี่จั๋ว โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด”
“นางจั๋ว เจ้านี่มันช่างใจร้ายเสียจริง”
“เจ้านี่เป็นผู้หญิงร้ายกาจ กล้าก็ทำลงมืออย่างโหดกับสามีของเจ้า”
บิดาและมารดาของฉินรุ่ยหยางร้องไห้และตะโกนออกมา บรรยากาศในเวลานี้ช่างสนุกเสียจริง
แขกต่างพากันกระซิบกระซาบ
“เห้อ ข้าได้ยินมาว่า เพื่อที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ จั๋วจิ่วไม่เพียงแต่ต่อต้านตระกูลจั๋วเท่านั้น นางยังถอนการหมั้นระหว่างนางกับเฟิงเหยียน ข้ายังคิดอยู่ว่า พวกเขาจะรักกันมากเสียอีก ทว่าตอนนี้ดูไปดูมา พวกเขาคงไม่ไม่ได้รักกันมาก”
“ทีนี้จั๋วจิ่วมีสติกลับมาแล้ว หรือว่านางรู้เสียดายภายหลังนะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเยาะเย้ยมาจากประตู
“นางอยากเสียใจภายหลัง แล้วจะให้นางเสียใจจริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงของพวกข้าเป็นคนอะไร”
มีเด็กผู้หญิงที่มีอายุประมาณสิบห้า หรือสิบหกปีเดินเข้ามาฃ
เอวของนางห้อยกระบี่สั้นที่มีความยาวราวปลายแขน ระหว่างด้ามกับใบมีดได้ติดทับทิมหนึ่งเม็ดไว้ และที่ปลาย้ามได้สลักคำว่า “หร่าน”
มีคนจำดาบประจำตระกูลที่อยู่บนเอวของนางได้
“นี่คือคุณหนูคนที่สิบของตระกูลเฟิง—เฟิงหร่าน”
“นางกับเฟิงเหยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพราะจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับพี่ชายของนาง ทันทีที่นางฝึกซ้อมในตระกูลจบลง นางก็รีบมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้พี่ชายของนางหรือ”
เฟิงหร่านดึงกระบี่ออกจากเอวของนาง แล้วนำกระบี่ไปชี้ยังจั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ก่อนหน้านี้เจ้าได้ยินว่าพี่ชายของข้าได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการซ้อม ก็เลยรีบหาข้ออ้างมาถอนการหมั้น ก็เพราะเจ้าต้องการชู้กับชายคนนี้มิใช่หรือ คนต้อยต่ำอย่างชายคนนี้ เอามาเปรียบเทียบกับพี่ชายข้าได้อย่างไร”
“เจ้าพูดถูก แน่นอนเลยว่าเขาสู้มิได้ ฝูซู ฝูซาน โยนคนของฉินตวนหยางออกไปให้หมด”
“...?” เฟิงหร่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ตัว “เดี๋ยวก่อน อย่างที่พวกเขาพูดกัน เจ้าเสียใจแล้วหรือ”
“ใช่สิ ข้าขอคืนคำ ข้ารักเฟิงเหยียนอย่างมากและข้าจะไม่เสียดายภายหลังแม้แต่น้อย อย่าว่าแค่เขาบาดเจ็บที่ขาเลย ต่อให้เขาสูญเสียขาไป ข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด”
จั๋วซือหรานเจ็บปวดอย่างรุนแรง เนื่องจากนางต้องต่อต้านเสน่ห์ของหนอนพิษกู่
นางเพียงแค่อยากจบเรื่องที่น่าขันในตอนนี้โดยเร็วที่สุด แล้วค่อยมาศึกษาว่า เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างนี้มาจากไหนกันแน่
นางพูดต่ออีกว่า "ความารักที่ข้ามีต่อเฟิงเหยียนสามารถพูดได้ว่า ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับสายน้ำที่ทอดยาว มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ที่ฉินตวนหยางใส่ในร่างกายของข้า และมีสติกลับมาได้"
คำพูดของจั๋วซือหรานทำให้แขกต่างพากันตกใจ
“เสน่ห์หนอนพิษกู่หรือ ลัทธิกู่จากดินแดนใต้เป็นผู้ที่ขัดเกลาพิษนี้มาเพื่อควบคุมจิตใจของผู้คนมิใช่หรือ”
นางสังเกตถึงเสน่ห์หนอนพิษกู่แล้วหรือ
“เจ้า…เจ้ากำลังพูดบ้าบอเรื่องใด เสน่ห์หนอนพิษกู่อะไรกัน ข้าเป็นเพียงบัณฑิต ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้” ฉินตวนหยางตื่นตระหนกเล็กน้อย
แม่ฉินร้องไห้ "นางร้ายกาจ เจ้าเป็นคนร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอแต่งงานกับลูกชายของข้าเอง ตอนนี้เจ้าลงมืออย่างหนัก แล้วยังอยากทำลายชื่อเสียงของเขาอีกหรือ"
แขกในงานพากันกระซิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง