เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียน
จั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"
เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"
“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย
“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ
“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถาม
เฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูก
เพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก
เมื่อรวมกับยาน้ำค้างหยกที่เขาให้ไว้เมื่อวานนี้ ก็มากเกินพอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้
ดังนั้นเขาจึงคิดว่า จั๋วซือหรานจะเล่นงานอะไรอีก ดังนั้นเขาจึงไม่ให้คุณหมอตามเขามา
ในขณะนี้ เฟิงเหยียนได้กลิ่นจาง ๆ ของเลือดและได้กลิ่นสุราแรงด้วย
กฎตระกูลจั๋ว มีแส้หนามอันเป็นเอกลักษณ์โดยนำแส้แช่ในเสุราแรง แส้นี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อยับยั้งพลังทางจิตวิญญาณของลูก ๆ ตระกูลจั๋วที่มีพลังการฟื้นฟูโดยกำเนิดและเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
โดยในปกติแล้ว เมื่อเฆี่ยนลงหนึ่งครั้งจะต้องอาเจียนเป็นเลือด
แม้แต่ผู้ชายก็อาจไม่สามารถยืนได้หากได้รับเฆี่ยนมากกว่าสองครั้ง
ด้วยความเข้มข้นของกลิ่นเลือดและสุราแรง นางคงได้รับการเฆี่ยนมากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง
และนางยังพูดได้โดยไม่เปลี่ยนสิหน้า เขาไม่รู้ว่าต้องชมว่า สตรีที่มีพรสวรรค์แห่งตระกูลจั๋วสมชื่อเสียจริง หรือชมนางเป็นแม่นางที่น่ากลัว มีความอดทนอย่างสูง
จั๋วซือหรานจับหน้าผากด้วยมือของตนเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า "ท่านอ๋องเฟิง ข้าไม่มีเวลามาเล่นแง่เล่นง่ามกับเจ้า และเคารพความปรารถนาของเจ้าที่อยากต่างคนต่างอยู่ แต่เวลานี้ ข้าต้องการรับการรักษาจากคุณหมอจริง ๆ "
เมื่อเฟิงเหยียนดูใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง เฟิงหยานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตระกูลจั๋วไม่มีหมอประจำจวนหรือ”
“หมอประจำจวน ข้าจะกล้าเรียกใช้หรือ” จั๋วซือหรานเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “จั๋วลิ่วเกลียดข้าจะตาย พ่อของนางห้ามคนในคลังจ่ายยาข้าด้วยซ้ำ ข้าจะเชิญหมอประจำจวนมาได้เช่นไร ต่อให้ข้าเชิญมาแล้ว ข้าก็ยังกลัวหมอจะโรยเกลือพิษที่แผลข้า แม้ร่างกายข้าจะแข็งแรงเพียงใดก็ไม่สามารถทนได้หรอก”
แหวนเสวียนเหยียนก็ไม่ได้ข้ามภพมากับนาง นางรู้วิธีการรักษาทว่าไม่มียารักษา แถมอาการบาดเจ็บทั้งหมดอยู่ด้านหลัง ทำให้นางรักษาได้ลำบาก
นางหายใจเข้าเบา ๆ แล้วพูดต่อ "ข้าจึงสั่งคนรับใช้ออกไปเรียกคุณหมอมา เพราะตอนนี้ข้าไม่สามารถรักษาตนเองได้ แต่เจ้ากลับทำได้ดีเสียจริง บอกห้ามก็ห้ามเลย "
นางเริ่มไอทันทีที่เธอพูดจบ ไหล่ของนางสั่นเล็กน้อย และเสียงที่นางกลั้นไอไว้ซ้อนด้วยเสียงที่มีเสมหะ
เฟิงเหยียนคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก นั่นเป็นเสียงเสมหะปนเลือด
เขาขมวดคิ้วและหยิบป้ายไม้มะเกลือออก โยนป้ายบนโต๊ะ นั่นเป็นป้ายของคุณหมอ คุณหมอที่ผ่านการทดสอบโดยเฉพาะเท่านั้นจึงจะได้รับป้ายดังกล่าว และเมื่อได้รับป้ายนี้ จึงสามารถเอาป้ายไปหอยที่เรือนหมอและเป็นคุณหมอได้
เขามีป้ายนี้ นั่นหมายความว่า เขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้เช่นกัน
แต่จั๋วซือหรานหมอบลงโต๊ะโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
“จั๋วจิ่ว” เฟิงเหยียนเรียก แต่จั๋วซือหรานยังคงนิ่งเงียบ
เขาขมวดคิ้วและเอื้อมมือออก ค่อย ๆ ดันไหล่นาง แต่เขาเห็นตัวนางล้มไปด้านข้าง
เฟิงเหยียนยื่นมือออกไปรับนางไว้ และร่างอันบอบบางของหญิงสาวก็ถูกโอบไว้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
เสื้อคลุมที่คลุมไหล่ของนางตกใส่พื้น และหลังของนางเปื้อนไปด้วยสีแดงเลือดที่น่าสยดสยองโดยไม่เหลือสิ่งใดปิดไว้ได้
เฟิงเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หรี่ลงเพียงเล็กน้อย
แส้เก้าที
ตระกูลจั๋วลงมืออย่างโหดร้ายเสียจริง
และโดนตีเช่นนี้แล้ว นางยังตายอีก ช่างเก่งเสียจริง
*
จั๋วซือหรานรีบวิ่งไปที่เรือนของคุณท่านลิ่ว
นางพูดกับยามรักษาประตูลานบ้านว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อมารับน้องชายของข้า โปรดแจ้งคุณท่านลิ่วปล่อยเขาไป"
องครักษ์ไม่แสดงเจตนาที่จะปฏิบัติตาม และยังมองนางอย่างเยาะเย้ย "คุณชายหวายมาที่นี่อย่างหุนหันพลันแล่น และยังพูดหยาบคายใส่คุณท่านลิ่ว คุณท่านลิ่วเห็นใจคุณชายหวายมีแม่ที่กำเนิดชีวิต แต่ไม่มีพ่อที่สั่งสอนเขา ดังนั้นท่านจึงตัดสินที่จะสั่งสอนเขากฎของการเคารพผู้อาวุโสแล้ว เมื่อท่านสั่งสอนเสร็จ ท่านจะปล่อยคุณชายหวายกลับ“
“ในเมื่อคุณหนูจิ่วเพิ่งได้รับบทลงโทษของตระกูล ก็ควรดูแลอาการบาดเจ็บให้ดีสิ เหตุใดจึงต้องมาที่นี่ด้วย เชอะ แถมยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยและวิ่งมาที่นี่ คุณหนูจิ่วไม่รู้สึกหยาบคายไปหน่อยหรือ”
จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและมองดูตัวเอง นางจึงรู้ตัวเองรีบร้อยเหลือเกิน จึงรีบดึงเสื้อคลุมแล้วสวมให้ดี
เสื้อคลุมสีดำนี้... นางนึกถึงชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาอย่างยิ่ง และก็นึกถึงยาทาอันเย็นที่อยู่บนบาดแผลของนาง
หรือว่า ชายผู้นั้นเป็นเขา
และกระเป๋าด้านข้างที่เอวของเสื้อคลุมนี้... ดูเหมือนจะมีของหนักอยู่ในนั้นด้วย
นางล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านข้าง แล้วเลิกคิ้ว
ทันทีที่มือของนางอสัมผัสด้ามกระบี่ในกระเป๋าข้าง ๆ เรื่องต่างๆ ก็ง่ายขึ้นทันที
“คุณหนูจิ่ว ท่านคิดว่ามัน...เอ่อ” ก่อนที่องครักษ์จะพูดจบ เขาก็สังเกต จู่ ๆ จั๋วซือหรานก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา
เขาหันกลับไปมองเพื่อนที่ร่วมงานกัน แววตาของฝ่ายตรงข้ามก็สับสนเช่นกัน
จากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงแผ่วเบาที่อยู่ข้างหลัง
“อาจเป็นเพราะหลังที่ข้ากลับมา ข้ามีนิสัยที่ดีมากเสียจนใครก็ได้กล้ามาห้ามข้า และอยากเหยียบหัวข้าเพื่อดูว่าข้าจะโกรธไหม”
เสียงของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว ทำให้พวกเขาขนหัวลุก
นางหัวเราะเบา ๆ แล้วถามพวกเขา “ข้าช่วยสมปรารถนาของพวกเจ้า ข้าโมโหแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อล่ะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง