ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 104

ทำไมกู้หมิงจูจะฟังไม่ออกว่าฉู่หลิวเยว่หมายถึงอะไร

นี่มันหมายความว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาชัดๆ!

นางโกรธจนต้องหัวเราะประชดประชัน

“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าคงไม่ได้กลัวหรอกกระมัง”

ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่

“ถ้าเจ้าคิดว่าใช่ก็ใช่”

กู้หมิงจูถึงกับสะอึก คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะมีทิฐิสูงเช่นนี้

นางจึงขึ้นเสียงใส่อย่างไม่พอใจ

“แล้วถ้าข้าเพิ่ม ค่ายกลชิงมู่ อีก เจ้าจะตกลงหรือไม่!”

จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นภายในห้อง

ค่ายกลชิงมู่!

นั่นคือค่ายกลที่สุดยอดไม่แพ้ค่ายกลด้ายมังกรเลยทีเดียว!

เพื่ออยากเอาชนะฉู่หลิวเยว่ กู้หมิงจูถึงกับยอมเอาค่ายกลระดับห้าทั้งสองมาวางเป็นเดิมพัน! นี่มันขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองชัดๆ!

ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็หันกลับมามองนางด้วยท่าทางเอ้อระเหย

“จริงหรือ”

“คุณหนูรองตระกูลกู้อย่างข้า พูดจริงเสมอ!” กู้หมิงจูเชิดคางขึ้น

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

“ได้!”

นางไม่ใช่คนโง่และอีกฝ่ายก็ยื่นข้อเสนอให้นางเอง แล้วทำไมถึงจะไม่รับล่ะ

เมื่อกู้หมิงจูเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยอมตกลง นางก็กระหยิ่มยิ้มในใจ แต่ก็หัวเราะเยาะและดูถูกปรามาสฉู่หลิวเยว่

“สงสัยที่เจ้าปฏิเสธเมื่อครู่นี้ ก็แค่ดูถูกของเดิมพันน้อยไปเท่านั้นแหละ”

ความหมายแฝงของวาจาดูถูกนี้คือ ฉู่หลิวเยว่ตาลุกวาวเมื่อเห็นเงินก้อนโต

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจนตาเป็นสระอิ จากนั้นก็ยอมรับไปตามตรง

“เจ้ารู้ไว้ก็ดี ถ้าจะขอคำแนะนำจากใครก็ต้องจริงใจหน่อย”

เพราะฉะนั้น นางจึงไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนี้จริงๆ

“นี่เจ้า!”

กู้หมิงจูหัวร้อนขึ้นมาจนเกือบจะเข้าไปทำร้ายฉู่หลิวเยว่แล้ว ฉับพลันนั้นนางก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องนางอยู่

ซึ่งนั่นก็คือซือถิง!

กู้หมิงจูจึงระงับไฟโกรธที่กำลังสุมทรวงแล้วกลับสู่ท่าทางเย็นชาตามปกติของนาง

“เช่นนั้นก็ใช้ค่ายกลสองอันนี้ที่อาจารย์ตงฟังสร้างขึ้นมาในการแข่งขัน ผู้ใดสามารถแก้โจทย์ได้ทั้งหมดก็จะเป็นผู้ชนะ!”

“กู้หมิงจู เจ้าพูดได้ไม่อายปากสักหน่อยหรือ เจ้านั่งแก้โจทย์มาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่ฉู่หลิวเยว่เพิ่งมาถึง นี่เจ้าคิดที่จะกลั่นแกล้งกันอย่างนั้นหรือ!”

ซือหยางทนดูต่อไปไม่ไหวก็เลยท้วงขึ้นมา

กู้หมิงจูเหลือบมองฉู่หลิวเยว่แล้วแสยะยิ้มอย่างเย็นชา

“การแก้ค่ายกลต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม บางครั้งเวลาแค่วันเดียวก็ไม่สามารถแก้ได้ ฉู่หลิวเยว่มาสายด้วยเหตุผลส่วนตัว แล้วจะโทษข้าได้อย่างไร แม้ก่อนหน้านี้นางจะสอบได้ที่สอง แต่เจ้าก็คงไม่เอาเปรียบแม้กระทั่งเรื่องเวลาหรอกกระมัง ฉู่หลิวเยว่ เจ้าว่าไง”

ฉู่หลิวเยว่โบกมืออย่างไม่ถือสา

“อ่อนให้เจ้าก็แล้วกัน”

ท่าทางไม่ยี่หระของนางยิ่งทำให้กู้หมิงจูหงุดหงิด

“เริ่มกันเถอะ!”

หลังจากที่นางพูดจบก็ก้มศีรษะลงและเริ่มจดจ่อกับการศึกษาค่ายกลบนกระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง

คราวนี้นางจะต้องเอาชนะให้ได้แน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมาแล้วจ้องหน้าซือถิง

นางจ้องเสียจนซือถิงรู้สึกประหม่าแปลกๆ

ฉู่หลิวเยว่แสยะยิ้มมุมปาก

เห็นได้ชัดว่าซือถิงเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายในคราวนี้

กลับเห็นแก่ที่ซือถิงช่วยเหลือนางก่อนหน้านี้ นางเองก็ไม่อยากถือสาให้มากความ

ซือถิงเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วแล้วก้มหน้ามองค่ายกลบนกระดานหมากตรงหน้าตรงเอง

ห้องทรงอักษร ณ พระราชวัง

จักรพรรดิจยาเหวินที่เอนหลังพิงเก้าอี้มองหรงจิ้นที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“เจิ้น[1]จะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย เรื่องนี้ก็ให้มันแล้วไป ไม่ว่าใครก็ตาม เจิ้นไม่อนุญาตให้หาคนมารับผิดชอบอีก”

เสียงทุ้มหนักแน่นดังขึ้นในห้องทรงอักษร ซึ่งแสดงถึงศักดิ์ศรีและอำนาจยิ่งใหญ่ของผู้เป็นประมุข

มือของหรงจิ้นในแขนเสื้อกำหมัดแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์