“ด่านที่สองนั้นง่ายมาก”
หรงซิวยกมือขึ้น
ทันใดนั้นกลางอากาศก็มีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้น!
ทันใดนั้นก็มีร่างสีขาวขนาดยักษ์ราวกับหิมะ ค่อยๆ เดินออกมา!
นั่นคือสิงโตขาวที่แข็งแกร่งตัวหนึ่ง!
มันมีขนสีขาวทั่วร่าง มีเพียงดวงตาทั้งสองเท่านั้นที่เป็นสีครามเปล่งประกายเย็นยะเยือก!
ลมปราณของมันทำให้คนที่อยู่รอบข้างสะพรึง!
มันเดินก้าวไปหาหรงซิว อุ้งเท้าของมันเหยียบลงพื้น และเดินออกมาอย่างไร้เสียง
กรงเล็บที่แหลมคมสามารถมองเห็นได้รางๆ
มันเดินไปนอนอยู่ข้างกายหรงซิวอย่างเชื่อฟัง
แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยจิตสังหาร และแรงกดดัน มันกวาดสายตามองลงมา! ราวกับมองมดปลวก!
ไม่ว่ามันจะมองผ่านไปที่ใด คนก็รู้สึกหนาวสั่นสะท้าน!
พวกเขากลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว!
…นี่คืออสูรศักดิ์สิทธิ์!
อีกทั้งยังเป็นระดับสูง!
“เสวี่ยเสวี่ยเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญากับข้า”
หรงซิวลูบหัวเสวี่ยเสวี่ยด้วยมือข้างเดียว แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ
“ใครที่สามารถปราบมันได้ ถือว่าสามารถผ่านเข้ารอบ!”
…
ภายในท้องพระโรง ทันใดนั้นก็มีเสียงลมปราณเย็นๆ ดังออกมา!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญากับฝ่าบาท!
ตามข่าวลือบอกว่ามันทั้งโหดเหี้ยมดุร้าย ฝีมือแข็งแกร่งอย่างมาก!
ต้องบอกก่อนว่า หากต้องการจะปรับมันนั้นยากมากแค่ไหน!
ถ้าคนมีฝีมืออ่อนด้อย เข้าไปแล้วเกรงว่าจะรนหาที่ตาย!
ผู้หญิงเหล่านั้นเริ่มมีใบหน้าซีดขาว ตัวสั่นระริก
เดิมทีคิดว่าการเข้าร่วมคัดเลือกพระชายา คือการคัดเลือกจากฐานะของต้นตระกูล พรสวรรค์ หน้าตา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ฝ่าบาทจะใช้วิธีการเช่นนี้ในการคัดเลือก!?
“พระเจ้า นั่นมันอสูรศักดิ์สิทธิ์ ตามข่าวลือบอกว่าฝีมือของมันนั้นเทียบเท่าได้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทพ! ตอนนี้ข้าเพิ่งเป็นจอมยุทธระดับแปดขั้นสูงสุดเท่านั้น จะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้อย่างใด?!”
“ข้าอยู่ระดับเก้าก็ไม่กล้า…ไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าบาทคิดอันใดอยู่…”
“หากข้ามีพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์มันจะง่ายขึ้นไม่น้อยเลย”
“พูดน่ะมันง่าย แล้วจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน?”
“คนธรรมดาอย่างพวกเรา ไม่ต้องคิดถึงตำแหน่งพระชายาเลย ต้องเป็นเผ่าที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก ถึงจะมีคุณสมบัตินี้…อย่างเช่นคุณหนูใหญ่เจียงคนนั้น ได้ยินมาว่าตอนนางอายุสิบขวบ ประมุขราชวังเมฆาสวรรค์ได้จับลูกอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งให้นางทำพันธสัญญาด้วย! โชคชะตาเช่นนี้ พวกเราจะสู้ได้อย่างใด!”
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มกระซิบกระซาบกัน
เจียงจื่อหยวนถอนหายใจออกมา
เสวี่ยเสวี่ย?
เช่นนั้นก็ดี
ด้านหนึ่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่นางทำพันธสัญญาด้วย ฝีมือไม่ได้ต้อยต่ำไปกว่าเสวี่ยเสวี่ยสักเท่าใด
ส่วนอีกด้านหนึ่ง นางรู้จักกับเสวี่ยเสวี่ยมานาน หากจะต้องต่อสู้กับมัน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สบายมาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงจื่อหยวนจึงเดินก้าวเข้ามาคนแรก
“ฝ่าบาท ข้าขอลองเป็นคนแรก!”
…
เมื่อมองไปที่เสวี่ยเสวี่ยที่นอนอยู่ข้างเท้าของหรงซิว
ฉู่หลิวเยว่อดกระตุกริมฝีปากไม่ได้
ที่แท้ก่อนหน้านี้ที่มันจากไป ก็เพราะต้องออกโรงในตอนนี้หรือ?
ไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าคนพวกนี้รู้ว่า ตอนกลางคืนสิงโตขาวตัวนี้เลียหน้านาง ออดอ้อนนาง ต้องการจะนอนกอดนาง…พวกเขาจะทำหน้ากันอย่างใด
เมื่อเห็นเจียงจื่อหยวนจะสาวเท้าขึ้นไปคนแรก
ฉู่หลิวเยว่จึงรีบหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเสวี่ยเสวี่ยก็มองมาทางนางในแววตาเศร้าสร้อย มันคิดว่านางจะขึ้นมาเป็นคนแรก…
ถ้านางลงมือก่อน ด่านที่สองก็จะเสร็จสิ้นเลยทันทีไม่ใช่หรือ!?
ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็จะต้องทนทรมานต่อไป
ฉู่หลิวเยว่ทำเป็นมองไม่เห็น
จากนั้นก็ยิ้มให้กับเจียงจื่อหยวนอย่างสุภาพ
“คุณหนูใหญ่เจียง เชิญ…”
เมื่อพูดจบนางก็กลับไปนั่งที่เดิมของตนเอง ท่าทางสงบ และเรียบเฉย
เสวี่ยเสวี่ยเงยหน้ามองนายท่านของตนเองอย่างเงียบๆ
หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะต้องมาพัวพันกับเรื่องเหล่านี้หรือ?
เหอะ!
หรงซิวชำเลืองมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย
ตะโกนสามรอบถึงจะกลับมา ไม่รู้ว่าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ของใครกันแน่?
พลังดั้งเดิมเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นเชือกสีน้ำเงินหกเส้น พร้อมพุ่งไปทางเสวี่ยเสวี่ย และคลุมตัวมันไว้ทั้งหมด!
เพียงชั่วพริบตาเดียว เชือกทั้งหกเส้นนั้น ก็ลอยอยู่เหนือตัวเสวี่ยเสวี่ยแล้ว อีกทั้งด้านในยังมีแสงสว่างส่องออกมา ก่อนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประหลาดอย่างรวดเร็ว!
“สัญลักษณ์ของตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิง!”
เสียงอุทานดังขึ้นจากในกลุ่มคน
“ดูจากสถานการณ์แล้ว นางจะต้องทำได้อย่างแน่นอน! คาดไม่ถึงว่าสัญลักษณ์ของตระกูลก็ถูกเรียกออกมาแล้ว!”
“เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเซียนสุ่ยหลิง มันดูเหมือนเรียบง่าย แต่ความจริงแล้วพลังของผนึกนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก! ตามข่าวลือกล่าวว่าต่อให้ผู้ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าหนึ่งขั้น ผู้บำเพ็ญเพียรที่จะใช้กระบวนท่านี้เพื่อจับตัวฝ่ายตรงข้าม! แล้วสู้กลับ!”
“กระบวนท่านี้เหมาะสำหรับด้านนี้พอดีเลย!”
“หากเจียงจื่อหยวนสามารถชนะได้คนแรก เช่นนั้นคนที่เหลือก็ไม่จำเป็นจะต้องขึ้นไปแล้ว…”
เจียงจื่อหยวนหันไปมองทางเสวี่ยเสวี่ย
“เสวี่ยเสวี่ย หากเจ้ายอมแพ้ในตอนนี้ข้าก็จะหยุดมือ”
เมื่อเป็นแบบนี้มันจะดีต่อพวกเขาทั้งคู่
เสวี่ยเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมอง แววตาฉายประกายความดูถูก
ยอมแพ้?
นางประเมินตัวเองสูงไปละมั้ง?
ล้อมหกเสา?
ของเล่นอันใดกัน?
เสวี่ยเสวี่ยกางกรงเล็บ แล้วเหวี่ยงมันอย่างดุเดือด!
ลำแสงจำนวนมากมายตัดผ่าน!
พรึ่บๆ!
ชั่วพริบตาเดียวทุกคนก็ได้ยินเสียงของอันใดบางอย่างถูกตัด!
หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าที่อยู่เหนือศีรษะของเสวี่ยเสวี่ย ถูกตัดออกไปแล้ว!
ลำแสงเหล่านั้นที่อยู่ด้านบนก็จางไปอย่างรวดเร็ว!
เลือดของเจียงจื่อหยวนไหลทะลักออกมาบริเวณช่วงท้องและหน้าอก!
ฝีเท้าของนางซวนเซ เกือบจะล้มลงแล้ว!
นางมองไปที่เสวี่ยเสวี่ยอย่างตกใจ…เหตุใดฝีมือของมันถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!?
เสวี่ยเสวี่ยกัดฟันกรอด
แล้วตะปบอุ้งเท้าลงไป!
…คิดว่าข้ากินทรายสีเหลืองไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ!?
—————————-
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...