ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1115

สรุปบท บทที่ 1115 มีวาสนาต่อกัน: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1115 มีวาสนาต่อกัน – ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ

บท บทที่ 1115 มีวาสนาต่อกัน ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ฉู่หลิวเยว่ขอตัวตามผู้อาวุโสเฉียวอีและหลัวเยี่ยนหมิง ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

“เขาเป็นใครกัน?”

หลังจากรอให้เงาร่างของคนทั้งสามค่อยๆ ไกลออกไปแล้ว หลัวเยี่ยนหลินจึงหันไปมองคนข้างกายทั้งสอง แล้วทำประหนึ่งว่าเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสนิทกันมากสินะ?”

“จริงๆ ก็ไม่ได้สนิทกันมากนักหรอก ไปรู้จักกันในเมืองฝางโจวน่ะ!”

จัวเซิงที่อยู่ข้างๆ กันหัวเราะเฮฮาพลางเอ่ยอย่างสบายอารมณ์

“เจ้าหนุ่มนั่นน่ะมีพรสวรรค์ไม่เบาเลย! อายุแค่สิบหกก็เป็นถึงเซียนหมอระดับแปดแล้ว!”

“อ้อ?”

หลัวเยี่ยนหลินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในนัยน์ตามีประกายความประหลาดใจพาดผ่าน ทว่าแค่แวบเดียวประกายนั้นก็จางไป

พวกจัวเซิงนั้นเพิ่งมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องราวเช่นนี้ก็ย่อมรู้สึกตกตะลึงและฉงนอยู่บ้าง

แต่ตัวเขานั้นอยู่ในสำนักมาหลายปีดีดักแล้ว จึงคุ้นชินกับการพบเจออัจฉริยะชั้นยอดจากทั่วทุกสารทิศ

ฉู่เยว่ผู้นี้แม้จะดูเก่งกาจใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตะลึงงันแต่อย่างใด

“ไม่เลวเลยจริงๆ หากว่าพัฒนาต่อยอดดีๆ อนาคตภายหน้าต้องสดใสเป็นแน่”

หลัวเยี่ยนหลินเอ่ยวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา

“ข้าคิดว่าเขาทำได้แน่”

หลัวซือซือเอ่ยขึ้นทันทีทันใด

แววตาของหลัวเยี่ยนหลินเบนไหวเล็กน้อย ทว่ากลับเห็นหลัวซือซือมองตามเงาร่างที่ไกลห่างออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง

“ข้าเองก็เคยพบผู้ที่มีพรสวรรค์ในการเป็นเซียนหมอที่โดดเด่นมาไม่น้อยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะถือตัวและยโสโอหังยิ่งนัก ทว่าฉู่เยว่ผู้นี้นั้น…”

ถ่อมตนและสุภาพ รู้ดีว่าตอนไหนควรรั้นยามใดควรถอย

หากว่าในช่วงการทดสอบมิได้เห็นมันด้วยตาเนื้อของตนแล้วล่ะก็ พวกเขาเองก็มิกล้าปักใจเชื่อเช่นกันว่าเขาอายุเพียงสิบหกเท่านั้น

จัวเซิงนั้นปาเข้ายี่สิบสามไปแล้ว ทว่าการแสดงออกของเขานั้นราวกับเด็กน้อยก็มิปาน

อุปนิสัยที่หนักแน่นมั่นคงเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดหรือฝึกเอาภายหลังก็ล้วนน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก

หลัวเยี่ยนหลินลูบคางของตน

“จะทำได้หรือไม่ รอดูตอนกราบอาจารย์ฝากตนเป็นศิษย์ช่วงต้นเดือนก็รู้แล้ว”

บรรดาเซียนหมอที่แสนจะทะนงตัวจนเกินเยียวยาเหล่านั้น หาใช่พวกที่หละหลวมมิรอบคอบแบบนั้นไม่

เขากวักมือไปทางคนทั้งสอง

“พอได้แล้ว เลิกสนใจพวกเขาก่อนดีกว่า ข้าจะพาพวกเจ้าลงไปทำความคุ้นเคยกับพื้นที่โดยรอบเสียก่อน แล้วจะแวะไปดูสภาพเยี่ยนหมิงทีหลัง ซือซือ บัดนี้เจ้าบุกทะลวงระดับเก้าขั้นต้นสำเร็จแล้ว อยากจะลองประมือกับข้าดูสักรอบหรือไม่?”

หลัวซือซือเบนสายตากลับมาในที่สุด ดวงตาเป็นประกายแจ่มใสยิ่ง

“อยาก!”

ตั้งแต่ที่พี่สี่มายังสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ พวกเขาก็ไม่ได้สู้กันอีกเลย ในใจของนางจึงรู้สึกกระเหี้ยนกระหือรือคันมืออยู่บ้าง

จัวเซิงที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาโดยพลัน

“พี่สี่! แล้วข้าล่ะ!?”

หลัวเยี่ยนหลินฉีกยิ้ม

“เจ้าเองก็เข้ามาพร้อมกันเลย!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งหลายที่จับกลุ่มคอยดูกันอยู่เบื้องล่างต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมา

มีหลัวเยี่ยนหลินอยู่ คนทั้งสองก็ดูจะปรับตัวเข้าหากันง่ายดายอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งของบรรดาศิษย์ทั้งหลายแว่วไล่หลังตามมา ฉู่หลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะกลับไปมองตามหลัง

ผู้อาวุโสเฉียวอีราวกับล่วงรู้ได้ จึงเอ่ยถามไปว่า

“เหตุใดหรือ? อยากกลับไปดูหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแผ่วเบา มุมปากยกขึ้นมาวาดเป็นเส้นโค้งน้อยๆ

“ศิษย์เพียงคาดไม่ถึงเท่านั้น มิคิดเลยว่าภายในสำนักจักมีภาพฉากเช่นนี้ให้เห็นด้วย”

“เฮะเฮะ เช่นนั้นเดิมทีที่เจ้าจินตนาการไว้เป็นอย่างใดเล่า?”

ผู้อาวุโสเฉียวอีหัวเราะออกมาคำรบหนึ่ง

“สู้กันแบบหน้ามืดตามัวน่ะแท้จริงแล้วไร้ความหมายสิ้นดี หลับหูหลับตาคุยโวโอ้อวดไปเรื่อยก็ไม่ให้ประโยชน์อันใด คนที่สามารถเข้าเรียนในสำนักหลิงเซียวได้ก็ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว เจ้าคงรู้แจ้งถึงข้อนี้ดี”

“เรียนรู้และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน พัฒนาการฝึกตนของตัวเองนี่สิที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

นอกเหนือจากในสำนักด้วยกันเอง พวกเขาต่างรู้แก่ใจดีว่าภายนอกนั้นยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้เยอะอยู่มากโข!

ขอเพียงแค่ทำให้ตนเองกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่จึงไม่ควรเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เลยสักเสี้ยววิหนึ่ง!

ฉู่หลิวเยว่ทอดถอนใจแผ่วเบา

“ท่านพูดได้ถูกต้องนัก”

สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประจันหน้าและแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกันเช่นนี้ได้ ย่อมขาดเจ้าสำนักและบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายไปมิได้เลย

เริ่มแรกที่นางมาที่นี่ แท้จริงแล้วนางพกความคิดเรื่องอื่นมากมายติดมาด้วย

ทว่าตอนนี้ นางกลับรู้สึกว่าสำนักหลิงเซียวนั้น สร้างสิ่งที่ชวนให้รู้สึกคาดหวังและตั้งตารอได้ในตัวมันเอง

“พวกคนที่อยู่ฟากโน้นน่ะคือบรรดาศิษย์ที่ฝึกเป็นปรมาจารย์”

บทที่ 1115 มีวาสนาต่อกัน 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์